ThaiFranchiseCenter Webboard

ThaiFranchiseCenter Webboard - Info Center

* สมัครสมาชิกเว็บบอร์ด ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ฟรี! *
หน้าแรก | เปิดร้านค้าฟรี! | โปรโมชั่นแฟรนไชส์ | ร้านหนังสือออนไลน์ | สนใจลงโฆษณา

ทางเว็บไซต์ ThaiFranchiseCenter.com ไม่มีส่วนรับผิดชอบกับข้อความต่างๆในเว็บบอร์ดแต่อย่างใด
    ไม่ว่าจะเป็นการซื้อ-ขาย-เช่า-เซ้ง หรือ อื่นๆ (ผู้ซื้อ หรือ ผู้ขาย กรุณาใช้วิจารณญาณในการติดต่อทางธุรกิจ)


แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - สุวรรณา

หน้า: [1]
1
ตอนนี้การซื้อขายสินค้าไม่ว่าจะข้าวของเครื่องใช้ เสื้อผ้า หรือของอื่น ๆ ล้วนแล้วแต่นิยมขายทางออนไลน์ ร้านค้าส่วนมากมักเปิดเพจบน Facebook บางครั้งก็ต้องมีการโพสต์สลิปโอนเงินเพื่อยืนยันการโอน แต่ด้วยกฎการใช้แพลตฟอร์มออนไลน์ที่เข้มงวดมากขึ้น และนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลที่ต้องทำให้รัดกุม ทำให้ข้อมูลบางอย่างอาจจะผิดกฎของ Facebook

พ่อค้าแม่ค้าหลายรายที่เพจปลิว หรืออยู่ดี ๆ ก็โดนปิดเพจ ซึ่งส่วนมากมักเกิดจากความไม่รู้ว่าโพสต์อะไรได้หรือไม่ได้ มาดูกันว่าจริง ๆ แล้ว โพสต์สลิปโอนเงินได้ไหม? Facebook ห้ามโพสสลิปจริงหรือ ! แล้วอะไรบ้างที่ห้ามโพสต์หน้าเพจ รับรองว่าขายของสะดวก ไม่โดนปิดเพจอย่างแน่นอน

จริงหรือไม่ ! Facebook ห้ามโพสต์สลิป
ข้อมูลที่ห้ามโพสต์ใน Facebook (เสี่ยงโดนแบน)
1. ข้อมูลระบุตัวตน
2. ข้อมูลติดต่อส่วนบุคคล
3. ข้อมูลทางการเงิน
4. รายละเอียดอยู่อาศัย
5. ข้อมูลทางการแพทย์
6. ข้อมูลที่ได้มาจากแหล่งข้อมูลที่ถูกแฮ็ก
สลิปโอนเงินจำเป็นต้องปิดชื่อผู้โอนหรือไม่ ?
5 วิธีป้องกันพร้อมรับมือมิจฉาชีพในโลกออนไลน์
1. ไม่หลงเชื่อข้อความเชิญชวน
2. ไม่เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลลงพื้นที่สาธารณะ
3. สมัครบริการแจ้งเตือนเงินเข้า-ออก
4. จำกัดวงเงินการถอนเงินในแต่ละวัน
5. ตั้งค่าความปลอดภัยในบัญชีออนไลน์
จริงหรือไม่ ! Facebook ห้ามโพสต์สลิป
หลาย ๆ คนคงจะเห็นผ่านตาจากการแชร์ตามแหล่งโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ว่า Facebook มีการเพิ่มกฎระเบียบในการโพสต์ข้อมูล เพื่อที่จะรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้งาน และป้องกันความเสี่ยงที่ผู้ใช้งานจะโดนโจรกรรมข้อมูล ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงการเกิดอัตรายจากการใช้แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย ให้สังคมในนั้นมีความปลอดภัย จึงมีการออกกฎระเบียบใหม่ ๆ ที่ดูเหมือนจะเข้มงวดมากขึ้นเรื่อย ๆ เข้ามาอยู่เสมอ รวมไปถึงมีข่าวออกมาเตือนว่า Facebook ห้ามโพสต์สลิป

โพสต์สลิปโอนเงินได้ไหม
Facebook โพสต์สลิปโอนเงินได้ไหม ? หากอ้างอิงจากนโยบายมาตรฐานชุมชนที่อัปเดตล่าสุดในปี 2023 มีข้อหนึ่งได้ระบุว่า ผู้ใช้งานห้ามโพสต์ข้อมูลที่เอื้อต่อการขโมยข้อมูลที่ระบุตัวตน โดยการเปิดเผยข้อมูลทางการเงินส่วนบุคคลทั้งของตนเองและข้อผู้อื่น สลิปโอนเงินที่เป็นการโอนเงินส่วนบุคคล ย่อมเข้าข่ายที่จะผิดกฎของ Facebook ได้ เพราะมีข้อมูลของทั้งผู้โอนและผู้รับเงินปรากฎอยู่บนสลิป ดังนั้น พ่อค้าแม่ค้าที่มีการขายของหน้าเพจก็ต้องระมัดระวังในการโพสต์มากยิ่งขึ้น หากต้องการส่งหลักฐานการโอนเงิน แนะนำว่าให้ส่งในแชทข้อความส่วนตัว ปลอดภัยแน่นอน

ข้อมูลที่ห้ามโพสต์ใน Facebook (เสี่ยงโดนแบน)
นอกจาก Facebook ห้ามโพสต์สลิปแล้ว ยังมีข้อมูลอื่น ๆ ที่ไม่สามารถโพสต์ได้อีก ไม่ว่าจะเป็นบัญชีส่วนตัวหรือเพจร้านค้า หากเข้าข่ายผิดกฎ ก็มีสิทธิโดนปิดเพจ หรือโดนแบนไม่ให้ใช้แพลตฟอร์มไปเลย โดยเฉพาะพ่อค้าแม่ค้าอาจจะต้องระวังเป็นพิเศษในเรื่องการโพสต์ ที่บางครั้งอาจจะมีรูปภาพที่มีข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าปรากฎอยู่ ไปดูกันเลยว่ามีข้อมูลอะไรบ้างที่ห้ามโพสต์

โพสต์สลิปโอนเงินได้ไหม
1. ข้อมูลระบุตัวตน
ข้อมูลที่สามารถระบุตัวตนของตัวเองหรือผู้อื่นได้ โดยสามารถระบุได้ผ่านชื่อ และหมายเลขที่ออกโดยทางการ เช่น

หมายเลขบัตรประชาชน หมายเลขหนังสือเดินทาง
ข้อมูลทะเบียนพลเมือง เช่น เอกสารการสมรส ใบสูจิบัตร ใบมรณะบัตร เอกสารเปลี่ยนชื่อ ยกเว้นบัตรประตัวนักเรียน นักศึกษา สามารถเปิดเผยได้
เอกสารสถานะการพำนักและการเดินทาง เช่น วีซ่า ใบอนุญาติทำงาน
ใบขับขี่หรือป้ายทะเบียน ยกเว้นการแชร์เพื่อตามหาเจ้าของ
ข้อมูลระบุตัวตนทางดิจิทัล เช่น รหัส PIN รหัสผ่านโซเชียลมีเดีย
2. ข้อมูลติดต่อส่วนบุคคล
สำหรับข้อมูลติดต่อส่วนบุคคลจะรวมทั้งแต่หมายเลขโทรศัพท์มือถือ อีเมลส่วนบุคคล โดยส่วนนี้จะมีข้อยกเว้นเมื่อเป็นการแชร์ที่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของข้อมูล หรือเจ้าของข้อมูลมีการเปิดเผยต่อสาธารณะ

ข้อยกเว้น

แชร์เพื่อสนับสนุนโครงการการกุศล
การตามหาผู้คน สัตว์ หรือวัตถุที่สูญหาย
การติดต่อธุรกิจหรือผู้ให้บริการ
3. ข้อมูลทางการเงิน
รายการที่แสดงข้อมูลทางการเงินต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น หมายเลขบัญชีธนาคาร รหัส PIN สลิปโอนเงิน รวมไปถึงข้อมูลที่ปรากฎในบัตรเดบิตหรือบัตรเครดิตทั้งหมด

4. รายละเอียดอยู่อาศัย
พ่อค้าแม่ค้าต้องระวังข้อนี้ให้ดี ! เพราะหากมีการโพสต์ที่อยู่ลูกค้า หรือรูปภาพพัสดุที่ถ่ายติดที่อยู่ในการจัดส่ง จะถือว่าผิดกฎของ Facebook โดยทันที ยิ่งไปกว่านั้น เลขพัสดุ ก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งข้อมูลที่สามารถนำไปค้นหารายละเอียดที่อยู่อาศัยได้เช่นกัน เพราะฉะนั้นร้านค้าจึงควรปิดเลขพัสดุก่อนนำไปโพสต์ลงโซเชียล

5. ข้อมูลทางการแพทย์
เอกสารทางการแพทย์ถือเป็นสิ่งต้องห้ามในการโพสต์ ทั้งเอกสารทางด้านจิตวิทยา โรคทางพันธุกรรม หรือเอกสารที่ออกโดยเวชระเบียนโรงพยาบาล

6. ข้อมูลที่ได้มาจากแหล่งข้อมูลที่ถูกแฮ็ก
แน่นอนว่าหากไปแฮ็กข้อมูลคนอื่นแล้วนำมาเปิดเผย ไม่เพียงแต่ถือว่าผิดกฎการใช้งาน Facebook เท่านั้น แต่ยังอาจเข้าข่ายการกระทำที่ผิดกฎหมายอีกด้วย ยกเว้นแต่ว่าเป็นการรายงานข่าว โดยตัดเพียงเนื้อหาสาระสำคัญ ก็สามารถที่จะแชร์ได้

อ้างอิงจาก: นโยบายมาตรฐานชุมชน

สลิปโอนเงินจำเป็นต้องปิดชื่อผู้โอนหรือไม่ ?
โพสต์สลิปโอนเงินได้ไหม
ถึงแม้จะไม่สามารถโพสต์สลิปโอนเงินลงหน้าเพจ Facebook ได้แล้ว แต่บางครั้งเมื่อจำเป็นจะต้องส่งหลักฐานการโอนเงินไปให้ผู้รับเงิน หรือแนบหลักฐานเป็นไฟล์ภาพบนเว็บไซต์อื่น ๆ จึงเกิดคำถามว่าโอนเงิน ปิดชื่อผู้โอนหรือไม่ ?

ในความเป็นจริงแล้ว อาจจะไม่จำเป็นที่จะต้องปิดชื่อผู้โอน เพราะผู้รับเงินก็ต้องการที่จะตรวจสอบข้อมูลว่าเราเป็นผู้โอนหรือไม่ แต่เรื่องที่ควรจะต้องระวังเป็นพิเศษคือ ไม่ควรส่งเลขบัญชีธนาคารให้กับคนแปลกหน้า หรือโพสต์ในที่สาธารณะ เพราะในปัจจุบัน มิจฉาชีพมีวิธีการมากมายที่คอยแฮ็กบัญชี การเปิดเผยเลขบัญชีธนาคารอาจนำไปสู่การปลอมแปลงตัวบุคคลแล้วไปทำธุกรรมการเงินให้เกิดความเสียหายแก่เราได้

5 วิธีป้องกันพร้อมรับมือมิจฉาชีพในโลกออนไลน์
วิธีป้องกันมิจฉาชีพในโลกออนไลน์
1. ไม่หลงเชื่อข้อความเชิญชวน
เมื่อเจอคำเชิญชวนหรือคำโปรยโฆษณาต่าง ๆ แล้วให้กดลิงก์เข้าไปอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม ให้ระวังทันทีว่าจะเป็นลิงก์ปลอม ลิงก์ใด ๆ ก็แล้วแต่ควรมาจากเว็บไซต์ทางการ และเว็บไซต์ควรขึ้นต้นด้วย https:// พร้อมสัญลักษณ์กุญแจทางด้านหน้า

2. ไม่เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลลงพื้นที่สาธารณะ
ไม่โพสต์ข้อมูลส่วนตัว หรือกรอกข้อมูลส่วนตัวลงในลิงก์หรือแพลตฟอร์มที่เราไม่รู้ที่มาที่ไป ถือเป็นอีกหนึ่งความเสี่ยงที่มิจฉาชีพนิยมในการหลอกแฮ็กข้อมูล

3. สมัครบริการแจ้งเตือนเงินเข้า-ออก
เงินจะเข้าจะออกก็ต้องรู้ทันที ผ่านบริการจ้งเตือนจากทางธนาคาร หากพบว่ามีเงินถอนออกโดยที่เราไม่ได้เป็นผู้กระทำธุรกรรมนั้น ๆ ต้องรีบอายัดบัตรหรือบัญชีนั้นทันที

4. จำกัดวงเงินการถอนเงินในแต่ละวัน
ยิ่งเงินในบัญชีเยอะยิ่งมีหวั่น ! หากถูกมิฉาชีพถอนเงินแบบไม่รู้ตัว เพราะฉะนั้นอยากแนะนำให้ทุกคนตั้งค่าเพื่อจำกัดวงเงินในการถอนออก ว่าวันนึงสามารถถอนได้กี่บาท โดยอาจจะคำนวณจากรายจ่ายต่อวัน เพื่อเพิ่มความปลอดภัยไม่ให้เงินถูกถอนไปเสียหมด

5. ตั้งค่าความปลอดภัยในบัญชีออนไลน์
บัญชีออนไลน์ ทั้งอีเมล บัญชีโซเชียลมีเดีย หรือบัญชีบนแอปชอปปิ้งออน์ไลน์ล้วนมีความเสี่ยงในการที่คนอื่นสามารถเข้าถึงข้อมูลได้ เช่นการไปล็อกอินในคอมพิวเตอร์เครื่องอื่น คอมพิวเตอร์สาธารณะ ควรจะมีการตั้งค่ารหัสผ่านสองชั้น หรือตั้งค่าให้มีการยืนยันตัวตนเพื่อเพิ่มความปลอดภัยในบัญชีให้มากขึ้น


2
คุณพึ่งเสียเงินไปหมาดๆ กับงานแต่งงาน ที่แน่นอนค่ะว่า มันคือครั้งหนึ่งในชีวิต จะมาประหยัดจนเกินไป ก็ใช่เรื่อง เราจึงต้องการรังสรรค์งานแต่งงานออกมาให้ดีที่สุดตามกำลังที่เราทำได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของแพคเกจแต่งงาน โรงแรมจัดงานแต่งงาน ผู้ช่วยจัดงานแต่งงาน ทุกอย่างถูกเลือกสรรมาเป็นอย่างดี พองานแต่งงานจบสิ้น ก็ถึงคราวที่คุณและคู่รักจะออกเดินทางไปหาความสุขตามประสาคู่รักใหม่ปลามันกันบ้าง นั่นก็คือทริปฮันนีมูนนั่นเองค่ะ แต่จะทำอย่างไรให้ทริปฮันนีมูนของคุณออกมาฟินที่สุด มีความสุขและโรแมนติกที่สุด แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่ทำร้ายเงินในกระเป๋าสตางค์คุณจนเกินไปนัก วันนี้ เราจึงมีเคล็ดลับดีๆ ง่ายๆ มาช่วยคุณวางแผนเที่ยวฮันนีมูนกับคู่รักหลังงานแต่งที่ทั้งฟิน ทั้งประหยัดในคราวเดียว มาดูกันเลยค่ะ ว่าจะมีเคล็ดดีๆ อะไรบ้าง!


1. เที่ยวเมืองไทย ก็ฟินได้
คุณและคู่รักอาจจะมีความฝันที่จะบินลัดฟ้าไปเที่ยวฉลองฮันนีมูนกันที่ต่างประเทศในดินแดนแห่งความรักอย่างปารีส หรืออิตาลี แต่ถ้าคุณพึ่งเสียเงินหมาดๆ ไปพอสมควรกับงานแต่งงาน รอเก็บเงินสักนิดอีกสักปีสองปีค่อยไป ก็ไม่สายค่ะ เพราะฉะนั้น หากคุณต้องการเที่ยวฮันนีมูนหลังงานแต่งงานแบบประหยัด และฟินไปในตัว จริงๆ แล้วที่เที่ยวในประเทศไทยมีสวยๆ เยอะมากนะคะ ไม่ว่าจะเป็นทะเลสวยๆ น้ำทะเลใสๆ ตามเกาะแก่งทางภาคใต้บ้านเรา หรือจะขึ้นเหนือ ไปพักชิวๆ ตามที่พักบนดอย ก็ดีไปอีกแบบ แค่นี้คุณก็ไม่ต้องเสียค่าเครื่องบินแพงๆ ไปเมืองนอกแล้วล่ะค่ะ


2. พยายามยืดหยุ่นเรื่องวันเดินทาง
แม้ว่าคุณอยากจะบินลัดฟ้าทันทีในวันอาทิตย์ หลังจากที่งานแต่งงานอันแสนเหน็ดเหนื่อยในคืนวันเสาร์เสร็จสิ้น แต่แน่นอนค่ะว่าตั๋วเครื่องบินในวันอาทิตย์มักจะราคาแพงกว่าวันอื่นๆ ในรอบสัปดาห์เสมอ เพราะฉะนั้น หากคุณต้องการประหยัดค่าตั๋วเครื่องบินไปได้อีก เพื่อนำเงินไปจ่ายค่าที่พัก หรือค่าใช้จ่ายอื่นๆ ลองดูเป็นการเดินทางในช่วงกลางสัปดาห์ดูสิคะ รับรองตั๋วเครื่องบินถูกกว่าอย่างแน่นอน


3. พยายามหลีกเลี่ยงการเช่ารถถ้าเป็นไปได้
ในยุคปัจจุบันนี้ การเดินทางไปไหนมาไหนตามสถานที่ท่องเที่ยว โดยเฉพาะอย่างยิ่งตามเมืองใหญ่ๆ สามารถทำได้ง่ายดายมากค่ะ ไม่ว่าจะเป็นระบบขนส่งสาธารณะอย่างรถไฟฟ้า รถไฟใต้ดิน หรือรถบัส หรือถ้าหากคุณและคู่รักต้องการความเป็นส่วนตัว จะใช้บริการแท็กซี่ส่วนตัวๆ อย่าง Uber ที่มีให้ใช้ค่อนข้างแพร่หลายแล้วในเมืองใหญ่ๆ ทั่วโลก ทั้งหมดนี้ ก็จะช่วยให้คุณประหยัดค่าเช่ารถไปได้มากเลยทีเดียวค่ะ อย่างไรก็ตาม หากในทริปของคุณต้องมีการขับรถเที่ยวด้วย อย่างน้อยก็เลือกเช่ารถแค่บางวันเฉพาะวันที่ขับรถเที่ยวนั่นเองค่ะ


4. อย่าขับรถไปจอดที่สนามบิน
การจอดรถค้างคืนที่สนามบิน และบิดลัดฟ้าไปเที่ยวฮันนีมูนหลังงานแต่งงานคือความคิดที่ผิดมากๆ ค่ะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณต้องการที่จะประหยัดเงินให้มากที่สุด เพราะค่าที่จอดรถรายวันที่สนามบินแพงถึงขั้นวันละหลักร้อยหรือหลายร้อยเลยทีเดียว เพราะฉะนั้น พยายามนั่งรถไฟอย่างแอร์พอร์ตเรลลิงก์ หรือรถแท็กซี่จะประหยัดกว่านะคะ


5. ที่พักราคาไม่แพง ก็มีความสุขได้
คุณไม่จำเป็นต้องพักโรงแรม หรือรีสอร์ทระดับ 5 ดาวเพื่อมีความสุขกับคนที่คุณรักในทริปฮันนีมูนหลังงานแต่งงานของคุณนะคะ ลองเช็คและเปรียบเทียบราคาตามเว็บไซต์ต่างๆ ก่อน บางทีที่พักแบบโฮมสเตย์ หรืออพาร์ทเม้นต์ให้เช่าแบบ AirBnB ก็สามารถสร้างความโรแมนติกให้คุณและคนรักได้ไม่ต่างจากโรงแรม 5 ดาว แถมประหยัดกว่าเยอะค่ะ ดังคำกล่าวที่ว่า “The place doesn’t matter. It’s the person” หรือแปลว่า สถานที่จริงแล้วไม่มีความสำคัญ เท่ากับคนที่เราอยู่ด้วยนั่นเองค่ะ


6. เช็คอินกระเป๋ายิ่งน้อย ยิ่งประหยัด
แน่นอนค่ะว่าบางครั้งเราก็อยากแต่งตัวจัดเต็มในทริปฮันนีมูนหลังงานแต่งงานของเรา แต่กระนั้น หากเราสามารถจัดกระเป๋าให้มีกระเป๋าน้อยใบที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ ก็ยิ่งจะทำให้เราประหยัดไปได้มากเท่านั้นนะคะ เพราะจะช่วยประหยัดค่าโหลดกระเป๋า รวมไปถึงช่วยเราประหยัดแรงในการดูแลสัมภาระของเราอีกด้วยนั่นเองค่ะ


7. ทำอาหารกินเองบ้างในบางมื้อ
หากตลอดทริปฮันนีมูนของคุณเป็นการทานข้าวในร้านหรูๆ ใต้แสงเทียน งบประมาณคงบานปลายแน่ๆ ถูกมั้ยค่ะ ซึ่งในบางมื้อ หากมื้อเช้าทานที่โรงแรมอยู่แล้ว มื้อกลางวัน ลองทำอาหารเมนูง่ายๆ ทานกันเองระหว่างคุณสองคนสิคะ นอกจากจะเป็นการประหยัดเงินไปในตัวแล้ว บางครั้งอาจจะเป็นการสร้างความรักและความอบอุ่น ได้โชว์ฝีมือทำอาหารอร่อยๆ แถมมีประโยชน์ให้คนที่คุณรักด้วยล่ะคะ ทีนี้คุณก็มีเงินเหลือเอาไว้จัดเต็มในมื้อเย็นได้อีกด้วย


เป็นอย่างไรกันบ้างครับ กับทิปส์ดีๆ สำหรับคู่รักใหม่ปลามันในการวางแผนเที่ยวหลังงานแต่งงานที่ทั้งฟินและประหยัดไปในตัว ส่วนใครก็ตามที่กำลังจะแต่งงาน และมองหาผู้ช่วยจัดงานแต่งงานที่มีความสามารถ และไว้วางใจได้ ลองแวะเข้ามาดูที่ โรงแรมคราวน์ พลาซ่า กรุงเทพฯ ลุมพินี พาร์คสิคะ เรามีโปรโมชั่นพิเศษแพคเกจแต่งงานเอาไว้ให้คุณและคู่รักมากมาย พร้อมการบริการที่เป็นมิตร บางทีคุณอาจจะเจอคำตอบที่คุณกำลังหาอยู่ก็เป็นได้ค่ะ

3
สวัสดีครับเพื่อนๆ หากพูดถึงเมนูที่เรียกว่า “ติ่มซำ” นั้น หลายๆ คนคงจะรู้จักกันดี และคงเคยทานกันมาบ้างไม่มากก็น้อยนะครับ เพราะถือว่าเป็นเมนูอาหารจีนที่อร่อย หาทานได้ไม่ยาก มีประโยชน์ต่อร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากทานกันเป็นแบบ “บุฟเฟ่ต์ติ่มซำ” ที่มีเมนูให้เลือกหลากหลาย ทานได้แบบไม่อั้นด้วยแล้ว ยังถือเป็นมื้ออาหารที่เหมาะกับการเฉลิมฉลองในโอกาสต่างๆ และถือเป็นการใช้เวลาอันแสนพิเศษกับคนในครอบครัวได้เป็นอย่างดีอีกด้วยครับ แต่กระนั้น เวลาที่เราไปทานบุฟเฟ่ต์ติ่มซำ ตามโรงแรมดังๆ ในกรุงเทพนั้น จริงๆ แล้วมีความจริงที่น่าสนใจอยู่หลายข้อ ที่เราอาจจะไม่รู้เกี่ยวกับสิ่งที่เรียกว่า “ติ่มซำ” ครับ เรามาดูกันเลยครับว่ามีความจริงน่ารู้อะไรบ้าง ที่คอติ่มซำอย่างเพื่อนๆ ไม่ควรพลาด



1. ติ่มซำ ถือกำเนิดมาจากเมืองกวางตุ้งครับ สมัยก่อนตามเส้นทางสายไหมในประเทศจีนนั้น จะมีนักเดินทาง พ่อค้า ผ่านไปผ่านมาค่อนข้างมาก และพวกเขาต้องการร้านเอาไว้พักระหว่างทาง จึงมีร้านน้ำชาเรียงรายเต็มไปหมด และเมื่อมีน้ำชาแล้ว ก็ต้องมีของทานเล่นไว้ทานคู่กับน้ำชา จึงเกิดเป็นสิ่งที่เรียกว่า “ติ่มซำ” ขึ้นมานั่นเองครับ

2. คำว่า “ติ่มซำ” หากอ่านในภาษาจีนกลางแล้วจริงๆ อ่านว่า “เตี่ยน ซิน” ครับ คำว่า เตี่ยน แปลว่า จุดหรือเล็กน้อย ส่วนคำว่า “ซิน” แปลว่า “ดวงใจ” เพราะฉะนั้น หากแปลตามความตั้งใจดั้งเดิมแล้ว จะแปลประมาณว่า การสัมผัสของดวงใจ หรือ Touch The Heart นั่นเองครับ เพราะชาวจีนเชื่อว่า การทำอาหารเมนูติ่มซำขนาดเล็กๆ แบบนี้นั้น นอกจากจะต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์แล้ว ยังต้องใช้ความละเอียดอ่อนในการทำ ซึ่งคนทำต้องใส่ใจลงไปในการปั้นเมนูติ่มซำแต่ละชิ้นให้ออกมาอร่อย สร้างความสุขให้กับคนทานนั่นเองครับ  แต่กระนั้นในปัจจุบัน หากถามคนจีนว่า ติ่มซำ แปลว่าอะไร ชาวจีนก็จะแปลสั้นๆ ง่ายๆ ว่า “ขนม” นั่นเองครับ

3. คำว่า “ติ่มซำ” ที่เรารู้จักกันดีนั้น เป็นคำที่มาจากภาษาจีนกวางตุ้ง ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในฮ่องกงครับ คนฮ่องกงไม่ใช้ภาษาจีนกลาง เหมือนจีนแผ่นดินใหญ่นะครับ  

4. การทานติ่มซำนั้น ยังเป็นที่รู้จักกันในนามว่า “หยำฉ่า” ซึ่งตามวัฒนธรรมของชาวจีนนั้นคือการดื่มน้ำชา ควบคู่ไปกับการทานของทานเล่น หรือขนมจานเล็กๆ ไปพร้อมๆ กัน ไม่ว่าจะเป็น เกี๊ยวกุ้ง บัวลอยแบบจีน ซาลาเปา ปอเปี๊ะทอด เป็นต้น

5. ธรรมเนียมการทาน “หยำฉ่า” ของชาวจีนนั้น คือการพบปะสังสรรค์กับคนในครอบครัวและเพื่อนฝูงตามร้านอาหารในท้องถิ่น เพื่อทานติ่มซำ หรือขนมของว่าง พร้อมกับจิบน้ำชาไปด้วย และเล่าเรื่องราวสารทุกข์สุขดิบในชีวิตของแต่ละคนนั่นเองครับ

6. ติ่มซำแบบกวางตุ้งแท้ๆ มักจะมาในรูปของเกี๊ยวทั้งแบบนึ่งและทอดเท่านั้น โดยจะมีไส้ให้เลือกหลากหลายครับ แต่ในปัจจุบัน เมนูติ่มซำมากมายที่เราเห็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งตามบุฟเฟ่ต์ติ่มซำชื่อดังในกรุงเทพ ล้วนแล้วแต่มีการประยุกต์ ดัดแปลง เพื่อเพิ่มความน่าสนใจ และให้ถูกปากคนในสมัยปัจจุบันมากขึ้นนั่นเองครับ



7. ฮะเก๋า ซึ่งเป็นการนำแป้งมาห่อกุ้ง แล้วนำไปนึ่งนั้น ความจริงแล้ว ถือเป็นหนึ่งในเมนูติ่มซำที่ทำยากที่สุด เพราะแป้งที่นำมาประกบกันเพื่อห่อกุ้งนั้นต้องบาง และเนียนสุดๆ ก่อนจะนำไปจับจีบให้ได้ 13 จีบ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ทำได้ยากและใช้ฝีมือเท่านั้น และเมนูนี้ก็เป็นเมนูที่ขาดไม่ได้สำหรับวัฒนธรรมการทานหยำฉ่า หรือการดื่มน้ำชาพร้อมขนมของคนจีนนั่นเองครับ

8. ถึงแม้ติ่มซำจะเริ่มต้นประวัติศาสตร์มาจากการเป็นขนมทานเล่นเคียงคู่กับการดื่มน้ำชานั้น แต่ติ่มซำก็สามารถทานเป็นมื้ออาหารได้ เพราะเป็นอาหารที่อุดมไปด้วยสารอาหารครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นแป้ง เนื้อสัตว์ ไขมัน และผักชนิดต่างๆ นั่นเองครับ

9. เวลาจะรินน้ำชาในระหว่างการทานติ่มซำนั้น มีธรรมเนียมปฏิบัติอยู่ว่า จะต้องรินให้คนอื่น ก่อนที่จะรินน้ำชาให้ตัวเองเสมอ และหากคนอื่นรินน้ำชาให้เรา วิธีขอบคุณก็คือ ให้เอานิ้วชี้ของเรา และนิ้วกลางนี่แหละครับ เคาะไปที่โต๊ะ ก็จะถือเป็นการแสดงคำขอบคุณที่คนคนนั้นรินน้ำชาให้เราครับ



10. ตามธรรมเนียมนั้น การออกไปทานติ่มซำ ยิ่งไปทานกันเยอะๆ ยิ่งถือเป็นเรื่องที่ดีครับ เพราะนอกจากจะเป็นการพบปะกับคนที่ใกล้ชิดแล้ว ยังเป็นข้อดีที่ทำให้สามารถสั่งเมนูติ่มซำได้อย่างหลากหลาย เนื่องจากว่า คนจีนเวลาทานติ่มซำ จะชอบแบ่งปันกันนั่นเองครับ

เป็นอย่างไรกันบ้างครับเพื่อนๆ กับความรู้ดีๆ เกี่ยวกับติ่มซำ ที่เราเอามาฝากกัน และหากเพื่อนๆ เป็นคอติ่มซำ และอยากลองบุฟเฟ่ต์ติ่มซำอร่อยๆ ขึ้นมาหลังจากอ่านบทความนี้แล้วล่ะก็ ลองแวะไปทานได้ที่ บุฟเฟ่ต์ติ่มซำของโรงแรมคราวน์ พลาซ่า กรุงเทพฯ ลุมพินี พาร์ค[/url สิครับ รับรองว่าไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน!

4
สำหรับว่าที่บ่าว-สาวที่ซื้อแพคเกจแต่งงานของโรงแรมในปี 2560 ไว้แล้ว แต่กำลังมองหาไอเดียเพื่อของชำร่วยเก๋ๆ เตรียมส่งมอบความประทับใจให้แขกคนสำคัญสำหรับวันงาน ลองมาชมไอเดียของชำรวยเหล่านี้กันดูก่อนเผื่อเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกหากใครที่กำลังลังเลอยู่หรือยังไม่แน่ใจ เพื่อจะได้มีของขวัญชิ้นสำคัญที่เข้ากับธีมงานแต่หากเลือกโรงแรมจัดงานแต่งงานได้แล้ว

ลิปมัน มีหลากหลายกลิ่นให้เลือก อีกทั้งยังหาสั่งทำได้ง่าย และได้แพคเกจที่ไม่เหมือนใคร อาทิ ลิปมันรูปคัพเค้ก รูปหัวใจ หรือจะเลือกสั่งออกแบบสกรีนลายรูปบ่าวสาวลงไปบนแพคเกจก็จะได้ความโดดเด่นไม่เหมือนใคร อีกทั้งยังสามารถใช้งานได้จริงอีกด้วย

น้ำหอม ไม่ว่าจะเป็นแผ่นน้ำหอมปรับอากาศที่มาในรูปแบบตัวการ์ตูนน่ารัก ที่สามารถใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย หรือจะเลือกน้ำหอมแบบน้ำบรรจุขวดก็สามารถทำให้ของชำร่วยชิ้นนี้ดูน่าประทับใจยิ่งขึ้น พร้อมจะส่งต่อความรักในงานแต่งให้โรงแรมที่จัดงานหอมอบอวลไปทั่วทั้งบริเวณ

เทียนหอม อาจเรียกได้ว่าเป็นไอเดียสุดคลาสสิกสำหรับของชำร่วยอย่างเทียนหอม หากใครเลือกซื้อแพคเกจแต่งงานครบวงจร - อ่านต่อได้ที่ ThaiFranchiseCenter : http://www.thaifranchisecenter.com/forumboard/index.php?action=post;board=154.0แพคเกจแต่งงานครบวงจรอาจจะมีเทียนหอมเป็นตัวเลือกแรกๆ ซึ่งอาจจะทำให้ดูแตกต่างได้โดยการเลือกรูปแบบของเทียนหอมเป็นสิ่งที่บ่าว-สาวชอบ เช่น หล่อขึ้นใหม่เป็นรูปขนม ปั้นเป็นรูปดอกไม้ หรือจะทำเป็นงานแฮนเมดจากบ่าว-สาว เป็นต้น เหมาะสำหรับงานแต่งที่บ่าว-สาวสามารถกำหนดจำนวนคนได้ อีกทั้งยังดูมีรายละเอียด และดูมีความใส่ใจจากคู่รักข้าวใหม่ปลามันอีกด้วย

ขนมหวาน อีกหนึ่งไอเดียฮิตคงหนีไม่พ้นขนมหวานที่สามารถจัดเตรียมได้ง่าย ดูน่ารัก อีกทั้งยังมีความหมายดีเป็นมงคลต่อคู่สมรส โดยขนมที่นิยมนำมาเป็นของชำร่วยได้แก่ ขนมมาการองฝรั่งเศส คัพเค้กตกแต่งหน้าสีสดใส หรือ ลูกอมหลากสีสันที่บรรจุไว้ในขวดโหลสีใส ที่นอกจากจะเป็นของชำร่วยแล้ว ยังอาจถูกรวมเป็นหนึ่งในมื้ออาหารว่างหากเลือกซื้อแพคแกจแต่งงานในโรงแรม

ต้นไม้ต้นเล็กๆ ของชำร่วยที่เหมาะสำหรับคู่บ่าวสาวที่เลือกแพคเกจแต่งงานธีมธรรมชาติคงหนีไม่พ้น ต้นไม้กระถางเล็กๆ ที่เปรียบเสมือนการดูแลปลูกต้นรักให้งอกเงย โดยอาจจะเป็นต้นไม้ที่ผ่านการตัดแต่งมาแล้ว หรืออาจจะเป็นการออกแบบกระถางน่ารักๆ พร้อมใส่เมล็ดพันธุ์ไว้ก็เป็นอีกหนึ่งไอเดียที่น่าสนใจไม่น้อย

ของใช้ต่างๆ อีกหนึ่งความคลาสสิกที่มาพร้อมกับความเชื่อในเรื่องของการคู่กัน หากใครอยากครองรักให้ยืนยาวก็ต้องเป็นข้าวของเครื่องครัวต่างๆ ที่เวลาใช้ก็ต้องมาเป็นคู่ๆ เช่น ช้อนส้อม ตะเกียบ เป็นต้น รวมไปถึงที่เปิดขวด แก้ว โดยสามารถเลือกวัสดุแตกต่างกันไปตามธีมงานของโรงแรมจัดงานแต่งงาน เช่น โลหะสีทองหรือเงินให้ความรู้สึกหรูหรา วัสดุอย่างไม้ให้ความรู้สึกอบอุ่นแบบครอบครัว เป็นต้น

5
ในปัจจุบันมีหลายหน่วยงานไม่เพียงการไฟฟ้าหรือการประปา แต่บริษัทเอกชนทั่วไปเองนั้นก็มีการหันมาใส่ใจการอนุรักษ์พลังงานเพื่อสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น ซึ่งการอนุรักษ์พลังงานนั้นหมายถึงทุกกระบวนการขั้นตอน โดยเป็นทั้งการผลิตพลังงาน และการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อช่วยประหยัดพลังงานด้านต่าง ๆ ให้มากที่สุด สำหรับการอนุรักษ์พลังงานนั้นนอกจากจะเป็นการช่วยลดปริมาณการใช้พลังงานในแง่ต่าง ๆ แล้ว ยังเป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายให้น้อยลง อีกทั้งยังสามารถช่วยลดปัญหาสิ่งแวดล้อมในหลาย ๆ พื้นที่ที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และแหล่งผลิตพลังงานด้วย

การอนุรักษ์พลังงานไฟฟ้า
การอนุรักษ์พลังงานไฟฟ้านั้นทุกคนสามารถทำได้ง่าย ๆ จากการสร้างจิตสำนึกภายในก่อให้เกิดเป็นนิสัยที่ต้องทำเป็นประจำทุกครั้ง อาทิ การปิดสวิตช์ไฟ และเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกชนิดเมื่อเลิกใช้งาน การทำความสะอาดเครื่องใช้ไฟฟ้าเพราะบางครั้งความสกปรกก็เป็นตัวการในการทำให้เครื่องใช้ไฟฟ้าชนิดนั้น ๆ ต้องทำงานหนักขึ้นอันเป็นสาเหตุของการสิ้นเปลืองพลังงานโดยใช่เหตุ หรือหากเป็นตึกหรืออาคารใหญ่ ๆ ก็ควรติดตั้งฉนวนกันความร้อนโดยรอบห้องที่มีการปรับอากาศเพื่อลดการสูญเสียพลังงานจากการถ่ายเทความร้อนเข้าภายในอาคาร หรือแม้แต่การเลือกใช้หลอดไฟก็มีหลักการในการอนุรักษ์พลังงานเช่นกัน ได้แก่ การใช้หลอดไฟประหยัดพลังงานใช้หลอดผอมจอมประหยัดแทนหลอดอ้วน ใช้หลอดตะเกียบแทนหลอดไส้ หรือใช้หลอดคอมแพคท์ฟลูออเรสเซนต์ และควรใช้บัลลาสต์ประหยัดไฟหรือบัลลาสต์อิเล็กโทรนิกคู่กับหลอดผอมจอมประหยัด จะยิ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการประหยัดพลังงานไฟฟ้าได้มากขึ้นอีกด้วย

การอนุรักษ์พลังงานด้านเชื้อเพลิง
การอนุรักษ์พลังงานเชื้อเพลิงก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่วนเวียนอยู่ในชีวิตประจำวันของเราไม่ว่าจะเป็นเชื้อเพลิงจากแก๊สหุงต้มหรือเชื้อเพลิงด้านน้ำมัน และยิ่งในปัจจุบันราคาเชื้อเพลิงมีแต่จะสูงขึ้นทุกวันดังนั้นการอนุรักษ์พลังงานเชื้อเพลิงสามารถปฏฺิบัติได้ตามวิธีดังต่อไปนี้ ควรตรวจตราลมยางรถยนต์อยู่เป็นประจำเพราะยางที่อ่อนเกินไปนั้นจะทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันมากกว่ายางที่มีปริมาณลมยางตามที่มาตรฐานกำหนด การสับเปลี่ยนยางตรวจตั้งศูนย์ล้อตามกำหนดจะช่วยประหยัดน้ำมันเพิ่มขึ้นอีกมาก รวมไปถึงการดับเครื่องยนต์ทุกครั้งเมื่อต้องจอดรถนาน ๆ รู้หรือไม่ว่าเพียงแค่คุณจอดรถติดเครื่องทิ้งไว้แค่ 10 นาที ก็เสียน้ำมันฟรี ๆ ไปตั้ง 200 ซีซีเชียวนะ

การอนุรักษ์พลังงานน้ำ
น้ำเป็นสิ่งที่สำคัญ และจำเป็นต่อชีวิตของมนุษย์เราเป็นอย่างมากดังนั้นการอนุรักษ์พลังงานน้ำจึงจำเป็นที่ต้องใช้ความร่วมมือจากทุกฝ่าย หรืออาจจะเริ่มต้นได้ง่าย ๆ ที่บ้านของเรา อาทิ การอาบน้ำ โดยใช้ฝักบัวจะสิ้นเปลืองน้ำน้อยที่สุด ยิ่งรูฝักบัวเล็กเท่าไหร่คุณก็จะยิ่งประหยัดน้ำได้มากขึ้นเท่านั้น หรือแม้แต่การล้างรถคุณควรรองน้ำใส่ภาชนะ เช่น ถังน้ำแล้วใช้ผ้าหรือเครื่องมือล้างรถจุ่มน้ำลงในถังเพื่อเช็ดทำความสะอาดแทนการใช้สายยางฉีดน้ำโดยตรง ซึ่งจะเสียน้ำเป็นปริมาณมากถึง 150-200 ลิตร/ครั้ง เพราะหากคุณสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเป็นการใช้น้ำที่ควรใช้จริงอย่างถูกวิธี ไม่เปิดน้ำทิ้งระหว่างการใช้น้ำหรือปล่อยให้น้ำล้น และไหลทิ้ง หากทำได้ล่ะก็คุณจะสามารถลดการใช้น้ำได้ถึง 20-50 % ทีเดียว เรียกได้ว่าเป็นการช่วยประหยัดพลังงานน้ำได้อย่างแท้จริง

6
ความประทับใจแรกเริ่มของผู้ร่วมงานเมื่อก้าวเข้าห้องประชุมสัมมนานั้นสามารถเป็นเครื่องบ่งชี้ได้เป็นอย่างดีว่าการจัดงานในห้องสัมมนาครั้งนั้นๆ รอดหรือร่วง! เพราะเมื่อผู้จัดงานลงทุนเลือกใช้ห้องประชุมของโรงแรมหรือห้องสัมมนาของโรงแรมแล้ว ปัจจัยอื่นๆ ที่ตามมาก็ต้องจัดให้คุ้มค่าสมราคาค่าเช่าห้องสัมมนามากที่สุดเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นภาพรวมเรื่องของการจัดธีมงานหรือรายละเอียดยิบย่อย อย่างเรื่องของการจัดกิจกรรมให้ผู้เข้าร่วมประชุมได้มีส่วนร่วมหรือแม้แต่การเลือกของที่ระลึกให้เป็นที่น่าจดจำ และหากใครที่กำลังมองหาไอเดียดีๆ สำหรับการตกแต่งงานครั้งสำคัญเมื่อเลือกใช้ห้องสัมมนาของโรงแรมในกรุงเทพฯ อยู่ล่ะก็ ตามมาดูเทคนิคดีๆ กันทางนี้เลยดีกว่า… ไม่แน่ว่างานสัมมนาครั้งหน้าของคุณอาจจะเป็นที่พูดถึงระดับทอล์คออฟเดอะทาวน์เลยก็ได้ใครจะรู้...

ห้องโปร่งสบายอากาศถ่ายเท
สิ่งแรกที่ทุกคนจะได้สัมผัสเมื่อก้าวเท้าเข้าสู่สนามของห้องประชุมสัมมนาคือบรรยากาศโดยรอบ หากการจัดงานครั้งนั้นมีการตกแต่งแบบโล่งโปร่งสบาย ภายในห้องประชุมสัมมนาดูไม่รก แต่เพียบพร้อมไปด้วยการตกแต่งที่เข้าธีมอย่างเรียบง่ายพร้อมอุปกรณ์จำเป็น เพียงแค่นี้ก็สามารถสร้างบรรยากาศผ่อนคลาย ดูไม่น่าแอดอัดสำหรับผู้เข้าร่วมประชุมได้แล้ว

กลิ่นหอมผ่อนคลายสร้างความสดชื่น
การรับรู้ของกลิ่นก็สามารถนำพาซึ่งความประทับใจได้ด้วยเช่นเดียวกัน ซึ่งแน่นอนว่าห้องประชุมในโรงแรมนั้นดูจะเป็นตัวเลือกที่พร้อมกว่าสถานที่อื่นๆ ทั้งในเรื่องของความสะอาด และเรื่องของความพร้อม โดยผู้จัดงานอาจจะเลือกเพิ่มความสดชื่นด้วยดอกไม้อีกสักหน่อย เพื่อเป็นสีสัน และจุดพักผ่อนของสายตา อีกทั้งดอกไม้หอมๆ ยังสามารถสร้างความประทับใจให้แก่ผู้พบเห็นได้อีกด้วย

มีพื้นที่สำหรับกิจกรรมเพิ่มความหรรษา
หากสถานที่การจัดงานของคุณคือห้องสัมมนาใกล้รถไฟฟ้านั่นคือตัวเลือกที่เลิศที่สุด! และสิ่งที่จะมาช่วยเสริมทัพความน่าชื่นชมคือ การจัดกิจกรรมภายในงานสัมมนาของคุณ เพื่อสร้างความเพลิดเพลินครื้นเครงให้งานไม่น่าเบื่อ และแน่นอนว่ากิจกรรมนั้นต้องมาพร้อมของรางวัลที่น่าดึงดูด หากเป็นของรางวัลอย่างเงินรางวัลหรือบัตรกำนัลมูลค่าสูง ก็มีแต่จะเรียกความสนใจจากผู้เข้าร่วมประชุมได้อย่างแน่นอน

ของที่ระลึกสวยๆ สร้างความประทับใจ
และอีกหนึ่งองค์ประกอบหลักที่จะสร้างผลลัพธ์ความพึงพอใจต่อผู้เข้าร่วมประชุมครั้งนั้นๆ ได้โดยตรงคือ ของที่ระลึก ที่สามารถเพิ่มความน่าตื่นเต้นได้ โดยผู้จัดงานอาจจะต้องอาศัยความสร้างสรรค์อีกสักหน่อย ในการสรรหาของที่ระลึกโดนใจที่เข้ากับธีมงานการประชุมในครั้งนั้นๆ เพราะนอกจากจะเป็นการสร้างความประทับใจแล้ว หากของสิ่งนั้นมีดีไซน์น่ารัก สามารถใช้งานได้จริง อาจเตะตาผู้เข้าร่วมงานจนนำไปใช้ประโยชน์ต่อได้แม้งานครั้งนั้นจะจบลงไปแล้วก็ตาม

ทั้งหมดนี้คือเทคนิคเบื้องต้นง่ายๆ ที่ผู้จัดงานสามารถนำไปต่อยอดความคิดได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด เพื่อให้การจัดงานในห้องประชุมสัมมนาครั้งหน้าของคุณ ดูเตะตาต้องใจคณะแขกเหรื่อ อันส่งผลต่อภาพลักษณ์ สามารถนำมาซึ่งความสมบูรณ์แบบ ความสำเร็จ และกระแสตอบรับที่ดีต่อไปในอนาคตได้อีกด้วย

7
บรรยากาศอันน่าอภิรมย์คือ อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้การประชุมของคุณ และคณะเป็นไปอย่างราบรื่น เพราะหากสถานที่ทำเลดี บรรยากาศดี อุปกรณ์ต่างๆ ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ แล้วนั้น เป็นอันเรียกได้ว่าการเข้าประชุมในครั้งนั้นจะสามารถสร้างความประทับใจให้คณะผู้เข้าร่วมได้อย่างดีแน่นอน ทั้งนี้ต้องอาศัยรูปแบบการจัดสถานที่ และทำเลที่ตั้งร่วมด้วยเช่นกัน เพื่อช่วยส่งเสริมให้การทำกิจกรรมในครั้งนั้นเป็นไปอย่างสะดวกเช่น การเลือกสถานที่จัดห้องสัมมนาตามเส้นทางใกล้รถไฟฟ้า เป็นต้น และเทคนิคง่ายๆ กับรูปแบบการจัดห้องประชุม และห้องสัมมนา ให้เป็นไปอย่างมืออาชีพมีรูปแบบดังต่อไปนี้

Theater
เป็นการจัดห้องประชุมคล้ายกับการจัดแบบโรงละครหรือโรงหนัง โดยเหมาะสำหรับงานฝึกอบรมแบบบรรยายที่เน้นเนื้อหา และมีผู้เข้าร่วมมาก หรืองานแถลงข่าว ที่ต้องการให้ผู้ร่วมงานสนใจจุดเด่นเพียงจุดเดียวซึ่งนับเป็นข้อดี อีกทั้งยังเป็นการใช้พื้นที่ในห้องประชุมได้อย่างคุ้มค่าที่สุดซึ่งสามารถทำได้ในห้องประชุมของโรงแรมหรือห้องสัมมนาขนาดใหญ่  โดยการจัดสถานที่รูปแบบนี้สามารถรองรับจำนวนแขกเหรื่อได้เยอะพอสมควร

Classroom
เป็นการจัดห้องประชุมแบบเป็นแถวๆ คล้ายๆ แบบ Theater แต่แตกต่างตรงที่มีโต๊ะเพิ่มเข้ามา ซึ่งโดยทั่วไปแล้วจะมีการเตรียมความพร้อมให้แก่คณะผู้เข้าร่วมเช่น กระดาษ ปากกา และน้ำดื่ม เป็นต้น ข้อดีของการจัดสถานที่รูปแบบนี้คือ ผู้เข้าร่วมสามารถจดบันทึกได้อย่างสะดวกหรือหากบางคนต้องการพื้นที่ในการวางแล็ปท็อปก็สามารถทำได้เช่นกัน โดยการจัดสถานแบบคลาสรูมสามารถทำได้ที่ห้องสัมมนาของโรงแรม เช่น ที่ โรงแรมคราวน์ พลาซ่า กรุงเทพ ลุมพินี พาร์ค เพราะสถานที่ของโรงแรมนี้มีขนาดพื้นที่กว้างขวางเพียงพอต่อการจัดวางอุปกรณ์โต๊ะ และเก้าอี้ อีกทั้งยังเป็นห้องสัมมนาของโรงแรมที่อยู่ใจกลางกรุงเทพฯ ทำให้ผู้จัดคลายกังวลในส่วนของการเดินทางไปได้อีกเรื่องหนึ่ง

Boardroom
การจัดห้องรูปแบบนี้คือ การจัดห้องที่เหมาะสำหรับการประชุมแบบการระดมความคิดหรือเน้นให้ทุกคนมีส่วนร่วมในการประชุม ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วการจัดโต๊ะประชุมแบบนี้มักพบเห็นได้เป็นประจำตามบริษัทต่างๆ โดยเน้นจำนวนผู้เข้าร่วมประชุมไม่มากนัก เช่น การประชุมระหว่างหัวหน้าแผนก และพนักงาน ส่วนมากไม่เกิน 15 คน และข้อดีของการจัดโต๊ะแบบนี้คือ ทุกคนสามารถเป็นส่วนหนึ่งของการประชุมได้อย่างทั่วถึง

U-Shape
เป็นการจัดห้องประชุมแบบรูปตัว U โดยเหมาะสำหรับผู้บรรยายที่อยากจะทำปฏิสัมพันธ์ใกล้ชิดกับผู้ฟัง ส่วนมากเป็นการทำกิจกรรมแบบปฏิบัติ เพราะการจัดโต๊ะแบบตัว U ผู้บรรยายสามารถเข้าถึงตัวของผู้ฟัง และพูดคุยได้อย่างทั่วถึง ข้อดีคือ สามารถซ้อนโต๊ะได้ 2 ชั้น อีกทั้งยังมีพื้นที่ว่างตรงกลางไว้สามารถทำกิจกรรมได้อีกด้วย

8
ปัจจุบันธุรกิจต่างๆ มีการแข่งขันกันอย่างดุเดือด และพยายามช่วงชิงกลุ่มลูกค้าให้ไปเป็นของตัวเองกันอย่างต่อเนื่อง โดยสิ่งหนึ่งที่เป็นตัวชี้วัดว่าธุรกิจไหนจะอยู่รอดหรือไม่รอดนั้น ก็คือการให้บริการแก่ลูกค้า เพราะเป็นเสมือนการสร้างความประทับใจให้เกิดขึ้นกับลูกค้าของคุณให้กลับมาซื้อสินค้าหรือบริการอีก นอกจากนี้ยังเป็นการกระตุ้นให้พวกเขาส่งตอบความประทับใจแก่คนในครอบครัว เพื่อนสนิท และคนอื่นๆ ที่อยู่ในชีวิตพวกเขา

        แต่ถ้าจะให้คุณต้องมานั่งอบรมพนักงานของคุณเอง ซึ่งแม้ว่าจะเป็นเรื่องที่คุณก็สามารถทำได้เอง แต่จะดีกว่าไหมถ้ามีหลักสูตรการบริการจากสถาบันที่ได้มาตรฐาน น่าเชื่อถือ และมีความเชี่ยวชาญในด้านนี้มาช่วยแบ่งเบาภาระของคุณในด้านนี้ วันนี้เราจึงอยากแนะนำ 3 หลักสูตรการบริการที่น่าสนใจและคุ้มค่ากับเงินที่คุณเสียไปอย่างแน่นอน

1. People Plus หลักสูตรระดับมาสเตอร์พีซที่จะช่วยปรับบุคลิกและทัศนคติของพนักงานที่ให้บริการในธุรกิจของคุณแบบครบวงจร 360 องศา เป็นหลักสูตรการบริการที่ต้องก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงจากภายในสู่ภายนอก นั่นคือ ตัวพนักงานเอง เพื่อนร่วมงาน และลูกค้าที่พนักงานต้องให้บริการ โมเดลของหลักสูตรนี้แบ่งออกได้เป็น 3 ช่วง ได้แก่

·      Think Plus การคิดเชิงบวกถือเป็นหลักสำคัญของการมีจุดเริ่มต้นกับการทำงานและการมีความสัมพันธ์ที่ดี (ซึ่งรวมไปถึงการใช้ชีวิตประจำวันอีกด้วย) โดยในหลักสูตรนี้จะช่วยทำให้พนักงานของคุณนั้นมีความสุขตั้งแต่วินาทีแรกที่ได้เข้าคลาส และเมื่ออบรมเสร็จสิ้นแล้ว พวกเขาจะต้องกลายเป็นบุคลากรสำคัญขององค์กรคุณอย่างแน่นอน

·      Personality Plus เพราะแต่ละคนมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร เราจึงใส่ใจในการดึงความน่าสนใจส่วนตัวของแต่ละคนออกมาให้ได้มากที่สุด และเตรียมพร้อมพัฒนาความโดดเด่นนี้ให้กลายเป็นความน่าประทับใจและมั่นใจ

·      Service & Skill Plus นอกเหนือไปจากการคิดบวกและมีบุคลิกภาพที่โดดเด่นแล้ว หลักสูตรการบริการ นี้จะช่วยให้พนักงานเข้าถึงและสามารถถ่ายทอดเนื้อหาของธุรกิจคุณสู่ค้าได้อย่างถูกจุดและถูกใจ ซึ่งนั่นจะนำมาซึ่งผลลัพธ์อันเป็นเลิศแก่ทั้งองค์กร

2. Client for Life เพราะไม่ใช่แค่การขายและสร้างมูลค่าแก่สินค้า หากแต่หลักสูตรการบริการนี้จะช่วยให้พนักงานของคุณกลายเป็นสุดยอดในใจที่ปรึกษาของลูกค้าอยู่เสมอ ทำให้พวกเขาสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวกับลูกค้าได้อย่างยั่งยืนและราบรื่น เนื่องมาจากการมีความคิดที่เป็นบวก บุคคลิกที่น่าจดจำ และความรู้เทคนิคเชิงลึกที่น่าเชื่อถือ ทำให้พนักงานของคุณจะรับมือกับลูกค้าทุกรูปแบบ มัดใจพวกเขาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งในระดับส่วนตัวและระดับองค์กร ว่าแล้วรีบไปจองหลักสูตรการบริการนี้ได้เลย

3. Service in You หลักสูตรการบริการที่ผสานสกิลทั้ง 2 ส่วน คือ Service Mindset และ Service Skill ที่เป็นกุญแจสู่ความสำเร็จของงานบริการ เป็นการปรับพื้นฐานการสื่อสารและทักษะในการให้บริการจากระดับจิตใต้สำนึก โดยในหัวข้อแรก คือ Service Mindset จะเน้นไปที่การปรับทัศนคติและมุมมองในการให้บริการของผู้ให้บริการเป็นไปในเชิงบวกเสียก่อน ส่วนเนื้อหาของ Service Skill นั้นจะเน้นไปที่การพัฒนาทักษะและเพิ่มคุณค่าให้กับงานบริการ หลักสูตรการบริการที่สามนี้จะช่วยให้คุณได้รับความประทับใจและความไว้วางใจจากลูกค้า ผ่านการมีพื้นฐานในการสื่อสารแบบรอบด้าน

จากทั้งหมด 3 หลักสูตรการบริการนี้ ได้รับการดูแลและจัดการโดยบริษัทที่มีชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือ M Academy ที่มีความเชี่ยวชาญและใส่ใจกับทุกรายละเอียดการหลักสูตรการบริการ หากท่านสนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับหลักสูตรการบริการเพื่อพัฒนาพนักงานในองค์กรของคุณ ติดต่อมาที่เบอร์ 02-250-4681-4 ได้ทันทีเลย

หน้า: [1]