ThaiFranchiseCenter Webboard

ThaiFranchiseCenter Webboard - Info Center

* สมัครสมาชิกเว็บบอร์ด ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ฟรี! *
หน้าแรก | เปิดร้านค้าฟรี! | โปรโมชั่นแฟรนไชส์ | ร้านหนังสือออนไลน์ | สนใจลงโฆษณา

ทางเว็บไซต์ ThaiFranchiseCenter.com ไม่มีส่วนรับผิดชอบกับข้อความต่างๆในเว็บบอร์ดแต่อย่างใด
    ไม่ว่าจะเป็นการซื้อ-ขาย-เช่า-เซ้ง หรือ อื่นๆ (ผู้ซื้อ หรือ ผู้ขาย กรุณาใช้วิจารณญาณในการติดต่อทางธุรกิจ)


แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Topics - อนันชัย เตชะเลิศพนา

หน้า: [1]
1
บริการทั่วไป | General Services / SEO และ SEM คืออะไร?
« เมื่อ: กุมภาพันธ์ 01, 2022, 05:50:23 PM »
SEO และ SEM คืออะไร?
   การมีหน้าเว็บไซต์ธุรกิจ หัวใจสำคัญคือการทำให้ลูกค้ากดคลิกชมบนหน้าเว็บไซต์ของคุณให้ได้  ซึ่งการติดอันดับแรกบนหน้าเว็บคำค้นของกูเกิ้ลได้ จะต้องอาศัยการทำ SEM และ SEO ซึ่งทั้ง 2 วิธีนี้แตกต่างกันตรงที่วิธีการทำการตลาดบนออนไลน์ แต่ทำให้คนคลิกเข้าชมหน้าเว็บไซต์ ตัวเว็บมี Traffic เหมือนกัน
SEM คืออะไร
   SEM ย่อมาจาก Search Engine Marketing อีกรูปแบบหนึ่งของการทำการตลาดออนไลน์ โดยซื้อโฆษณาจาก Keyword บนเสิร์ชเอนจิ้น จะทำให้หน้าเว็บไซต์ธุรกิจปรากฎบนหน้าแรกบนเว็บไซต์ที่ค้นหา ซึ่งการทำ SEM จะเก็บเงินจากผู้ซื้อโฆษณาตามจำนวนคลิก ที่เรียกว่า PPC หรือ Pay Per Click
ผู้ซื้อโฆษณาสามารถทำ SEM บนเว็บไซต์เสิร์ชเอนจิ้งหลากหลาย ขึ้นอยู่กับพื้นที่ กลุ่มเป้าหมายและงบประมาณว่าควรเจาะกลุ่มอย่างไรให้แม่นยำที่สุด
SEO คืออะไร
SEO ย่อมาจาก Search Engine Marketing Optimisation เป็นการทำให้หน้าเว็บไซต์ธุรกิจปรากฎบนหน้าเสิร์ชในปริมาณมาก และติดอันดับท๊อป โดยกำหนดคีย์เวิร์ดไว้ในบทความของเว็บไซต์ แต่ไม่ได้ซื้อโฆษณา โดยมีบริษัทที่รับทำSEOอยู่มากมายสามารถหาและใช้บริการได้
นอกจากเทคนิค การปรับแต่งบทความให้มี Keyword แล้ว การปรับรูปเว็บไซต์และเนื้อหาส่วนอื่นๆบนหน้าเว็บให้ถูกใจ Google ยังช่วยให้หน้าเว็บไซต์ธุรกิจขึ้นอันดับต้นๆได้อีกเช่นกัน
การทำ SEO มีเทคนิค 3 แบบที่นิยมใช้กันทั่วไปดังนี้
   On–Page SEO ปรับเนื้อหาหน้าเว็บไซต์ให้ Google ค้นเจอ
คือการปรับเนื้อหาบนหน้าเว็บไซต์และปรับรูปแบบเว็บไซต์เพื่อทำให้หน้าเว็บธุรกิจตรงกับระบบเสิร์ชเอ็นจิ้นของ Google ซึ่งประกอบด้วย
1.ปรับปรุงคอนเท้นต์ให้มีคำเสิรช์ที่ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย
2.รูปแบบการวางคอนเท้นต์ที่อ่านง่าย ไม่รกสายตา
3.ใส่รูปภาพประกอบและติด Tag ข้อความ
4.เนื้อหาคอนเท้นต์อ่านเข้าใจง่าย มีการใส่เครดิต URLs ในหน้าเว็บไซต์
หากคุณปรับหน้าเว็บไซต์ให้ถูกใจ Google แล้ว ระบบ Algorithm ของกูเกิ้ลจะช่วยดึงให้หน้าเว็บไซต์ธุรกิจติดบนหน้าคำค้นได้ง่าย
   Off–page SEO ปรับเว็บไซต์ให้ติดอันดับต้นๆ
คือการปรับหน้าเว็บไซต์และปรับรูปแบบเว็บไซต์เพื่อทำให้หน้าเว็บธุรกิจติดอันดับต้นๆบนคำเสิร์ชมากขึ้น ซึ่งประกอบด้วย
1.สร้างบัญชีธุรกิจในกูเกิ้ล (Google My Business account) และปรับปรุงเนื้อหาให้ดีขึ้น
2.ปรับปรุงหน้าเว็บโดยใส่ Backlinks
3.สร้างแบรนด์ดิ้งบนหน้าเว็บไซต์ธุรกิจให้น่าเชื่อถือ
4.มีรีวิวเกี่ยวกับสินค้าและบริการในแง่ดี
   Technical SEO ปรับแต่งโครงสร้างเว็บไซต์ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
คือการปรับหน้าเว็บไซต์ที่ไม่เกี่ยวกับเนื้อหาและคำเสิร์ช  แต่จะเกี่ยวกับการปรับโครงสร้างเว็บไซต์ ความเร็วของเว็บไซต์

2
สุขภาพ | Health / กินไขมันอย่างไร จึงจะดีต่อร่างกาย
« เมื่อ: กุมภาพันธ์ 01, 2022, 05:36:59 PM »
กินไขมันอย่างไร จึงจะดีต่อร่างกาย
   ไขมัน เป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย แต่ต้องได้รับในปริมาณที่พอดี ไม่มากจนเกินไป ซึ่งจะทำให้ร่างกายได้รับโทษ มีปัญหาเรื่องน้ำหนักเกิน เกิดโรคอ้วน หรือ มีปัญหาเรื่องไขมันอุดตันในหลอดเลือด คอเลสเตอรอลสูง และไม่เพียงแต่ปริมาณไขมันที่ได้รับเท่านั้นที่ส่งผลต่อร่างกาย เพราะชนิดของไขมันก็สำคัญไม่แพ้กัน หากเลือกรับประทานไขมันชนิดที่เหมาะสม ก็จะช่วยให้ร่างกายห่างไกลจากโรคต่าง ๆ ได้
ชนิดของไขมัน
ชนิดของไขมัน แบ่งออกเป็น
คอเลสเตอรอล อยู่ในอาหารประเภทเนื้อสัตว์หรือผลิตภัณฑ์ของสัตว์ เช่น นม เนย
ไตรกลีเซอไรด์ เป็นไขมันหลักที่เรารับประทานจากอาหาร แบ่งเป็น
ไขมันอิ่มตัว อาทิ ไขมันจากสัตว์ ไขมันจากนม เนย ชีส และจากพืชบางชนิด เช่น น้ำมันปาล์ม น้ำมันมะพร้าว กะทิเป็นต้น
ไขมันไม่อิ่มตัว
   ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว คือไขมันที่ภายในโมเลกุลมีพันธะคู่อยู่ตำแหน่งเดียว พบได้ในน้ำมันมะกอก น้ำมันคาโนล่า น้ำมันรำข้าว น้ำมันเมล็ดชา
   ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน คือไขมันที่ภายในโมเลกุลมีพันธะคู่อยู่หลายตำแหน่ง พบได้ในน้ำมันพืชทั่วไป เช่น น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันรำข้าว น้ำมันงา เป็นต้น
โดยทั่วไปในน้ำมันหนึ่งชนิด จะประกอบไปด้วยกรดไขมันหลายชนิดรวมกันแต่เรามักเรียกชนิดของไขมันตามองค์ประกอบหลักของไขมันนั้น
ประโยชน์ของไขมัน
- ช่วยในการดูดซึมวิตามิน A D E K
- ช่วยในการสร้างฮอร์โมนบางชนิด
- ให้พลังงานกับร่างกาย
โทษของไขมัน
- ทำให้เกิดโรคบางอย่าง อาทิ โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง
- หากกินในปริมาณที่มากเกินไปจะทำให้เกิดน้ำหนักเกิน หรือ เกิดโรคอ้วนได้

การรับประทานไขมันที่ดีต่อร่างกาย
- ไขมันที่ดีที่สุดคือไขมันจากพืช ช่วยลดโอกาสการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจในระยะยาว
- ไขมันที่ควรหลีกเลี่ยงคือไขมันทรานส์ เพราะส่งผลเสียต่อร่างกายมากที่สุด
- รับประทานไขมันในปริมาณที่พอดีกับความต้องการของร่างกาย
- รับประทานไขมันธรรมชาติ โดยควรรับประทานไขมันไม่อิ่มตัวเป็นหลัก
ทำความรู้จักกับไขมันทรานส์
   ไขมันทรานส์ คือ การนำเอาไขมันไม่อิ่มตัวไปเติมไฮโดรเจนบางส่วนในระบบอุตสาหกรรม ทำให้สถานะของไขมันเปลี่ยนจากของเหลวไปเป็นของแข็ง ข้อดีคือทำให้ต้นทุนต่ำลง และสามารถเก็บได้นานขึ้น แต่ส่งผลเสียต่อร่างกายหลายประการ โดยเฉพาะทำให้เกิดโรคหลอดเลือดหัวใจและหลอดเลือดสมอง ทำให้ระดับไขมัน LDL ในหลอดเลือดสูงขึ้น และลดระดับไขมัน HDL ให้ต่ำลง

3
หลังเสริมจมูก กี่วันเข้าที่ ?เมื่อไหร่จมูกจะรัดแกน?
   ความกังวลใจที่หลายคนต่างก็กังวล ว่าต้องรอนานแค่ไหนจมูกถึงจะรัดแกน ต้องได้ทำการแก้จมูกไหม จมูกถึงจะเข้าที่ จะบวมมากไหม บวมนานไหม ซึ่งปกติแล้วหลังเสริมจมูก การรัดเเกนจะเริ่มเกิดขึ้นประมาณ 3 เดือน เเละเต็มทีประมาณ 6 เดือนจนถึง 1 ปี  แต่บางรายอาจใช้ระยะเวลาไม่เท่ากัน ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับร่างกายของเเต่ละบุคคล  แต่ไม่ต้องกังวลใจไป พอเมื่อจมูกเริ่มรัดเเกน จะยิ่งเห็นทรงชัดเจน  ดูสวยเป็นธรรมชาติมากขึ้น เข้ากับโครงหน้าเรามากขึ้น หรือสรุปง่ายๆ ว่ายิ่งเสริมนาน ยิ่งรัดเเกน จมูกจะยิ่งสวยขึ้นนั้นเอง

จมูกรัดแกน คืออะไร?
   จมูกรัดเเกน คือ การที่เนื้อเยื่อโดยรอบบริเวณจมูกยุบบวมลง โดยตัวโครงสร้างที่หมอใส่เข้าไปไม่ว่าจะเป็นซิลิโคน เนื้อเยื่อเทียม กระดูกอ่อนหลังหู หรือกระดูกอ่อนซี่โครง จะถูกยึดโยงด้วยพังพืด หรือที่เรียกกันว่าว Capsule ขึ้นมาบริเวณโดยรอบ จึงส่งผลให้จมูกเข้าที่ เห็นทรงชัดเจน และดูสวยเป็นธรรมชาติมากขึ้น
ระยะเวลาที่จมูกเริ่มรัดแกน
ระยะที่ 1 : หลังเสริมจมูก 7 – 14 วัน จะเห็นว่ามีอาการบวมช้ำ ทรงจมูกไม่เข้าที่ ซึ่งไม่ต้องกังวล ให้ประคบเย็นจนกว่าอาการบวมลดลง หรือทานอาหารที่ช่วยลดบวมช้ำ
ระยะที่ 2 : หลังเสริมจมูก 1-3 เดือน ในช่วงนี้จะไม่ค่อยมีรอยช้ำให้เห็น แต่จะมีอาการบวมอยู่เล็กน้อย และจะเห็นได้ว่าจมูกเริ่มรัดแกน
ระยะที่ 3 :  หลังเสริมจมูก 6 เดือน จนถึง 1 ปี จมูกเริ่มรัดแกนเต็มที่ เห็นเป็นรูปทรงที่ชัดเจน

ปัจจัยที่ทำให้จมูกรัดแกนและหายบวมไว
คนไข้ : ขึ้นอยู่กับร่างกายของคนไข้เเต่ละคน ซึ่งมีความเเตกต่างกันออกไป
การดูเเลหลังผ่าตัด : ขึ้นอยู่กับการดูเเลหลังผ่าตัด หากปฏิบัติตามคำสั่งแพทย์อย่างเคร่งครัด อาการบวมช้ำก็จะหายเร็วขึ้น
เทคนิคการผ่าตัด : ขึ้นอยู่กับความชำนาญ ฝีมือ และเทคนิคที่ใช้ในการผ่าตัดของแพทย์
ปัญหาของเคสที่เจอ : เคสเสริมใหม่จะยุบเร็วมากกว่า เเละบวมช้ำน้อยกว่า เคสที่ตอกฐาน เคสเเก้ที่ขูดฟิลเลอร์หรือสารเหลว จมูกจะรัดแกน หมอก็คงตอบได้แค่ว่าทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับร่างกายของคนไข้แต่ละคนและเวลาในการรักษาตัว

4
ความงาม | Beauty / กลยุทธ์ปั้นแบรนด์ครีม ด้วย Tiktok
« เมื่อ: กุมภาพันธ์ 01, 2022, 05:16:34 PM »
กลยุทธ์ปั้นแบรนด์ครีม ด้วย Tiktok
   ช่วงกระแสโควิด 19 ที่ผ่านมา ทำเอาแอปพลิเคชั่นสุดฮิตอย่าง Tiktok มียอดดาวน์โหลดทะลุ 2 พันล้านดาวน์โหลดเป็นที่เรียบร้อยในเดือนเมษายน ยิ่งทำให้ผู้ประกอบการณ์และสินค้าหลายแบรนด์ เริ่มใช้ Tiktok มาทำการตลาดออนไลน์กันมากขึ้น เพราะกำลังเป็นสื่อออนไลน์ที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมาก ท่านใดที่ต้องการผลิตครีมเป็นของตัวเองต้องศึกษาดูเอาไว้
มาทำความรู้จัก Tiktok กันดีกว่า
   ก่อนอื่น เรามาทำความรู้จักกับ Tiktok ก่อนดีกว่าครับว่า คืออะไร?  Tiktok เป็นแพลตฟอร์มวิดีโอสั้น 15 วินาที ที่มีลูกเล่นฟิลเตอร์วิดีโอและเพลง ให้ผู้ใช้งานได้ทำคอนเท้นต์แบบ Consumer Generation ด้วยตัวเอง จุดเด่นที่น่าสนใจของ Tiktok คือ มีผู้ใช้งานหลักเป็นกลุ่ม Gen Y และ Gen Z หรือในช่วงอายุ 18-24 ปี (มีสัดส่วน 48%) และ 13-17 ปี (มีสัดส่วน 36%) ทำให้ภาพลักษณ์แบรนด์สินค้า ที่มาลงใน Tiktok มักจะเป็นสินค้าวัยรุ่น น่ารักและมีความบันเทิงอยู่ในตัว และนี่จึงเป็นที่มาของกลยุทธ์ปั้นแบรนด์ครีมให้คนรู้จัก ด้วย Tiktok
กลยุทธ์ปั้นแบรนด์ครีมให้คนรู้จัก ด้วย Tiktok ทำได้อย่างไร?
   ต้องบอกก่อนว่า หากแบรนด์ต้องการความน่าเชื่อถือของสินค้า การลงโฆษณาบน Tiktok คงไม่เหมาะซักเท่าไหร่ เพราะการลงโฆษณาบนช่องทางนี้ จะเน้นที่ความสนุก ความบันเทิง และความน่ารักที่ผู้ใช้งานสามารถ Engage กับคอนเท้นต์ได้ คลิปที่ดีและปัง แบบที่คน Engage มักจะกลายเป็น Viral ที่ใครๆก็หยุดทำตาม เช่น เคสแม่สิตังค์ ส้มหยุด ที่เราเห็นคนทำคลิปตามกันเยอะมาก…ว่าแล้วเรามาดูกันดีว่า ถ้าจะทำการตลาดของครีมบน Tiktok ทำยังไงได้บ้าง?
ยิงโฆษณาบน Tiktok
และกลยุทธ์สุดท้ายที่คุณพลาดไม่ได้ ก็คือ การยิงโฆษณาบน Tiktok ปกติแล้ว Tiktok จะมีโฆษณา 3 แบบที่คุณเลือกยิงได้ 1) Brand Takeover เป็นโฆษณาที่จะขึ้นมาเป็นระยะเวลา 3 วินาที ทุกครั้งที่คุณเปิดใช้งานแอปพลิเคชั่น 2)TopView เป็นโฆษณาวีดีโอความยาวไม่เกิน 60 วินาที อยู่ด้านบนของแอปพลิเคชั่น ซึ่งคุณสามารถ คลิกไลค์ คอมเม้นต์ แชร์วิดีโอได้ นอกจากนี้ยังสามารถ Lead คนไปยังหน้าเว็บไซต์ของแบรนด์ได้ และ 3) In-Feed Ads : เป็นโฆษณาที่อยู่ใน Feed ยอดนิยม เวลาที่เราเลื่อน Feed ไปเรื่อยๆ จะขึ้นโฆษณาที่เป็นคลิป นอกจากนี้ยังสามารถ Lead คนไปยังหน้าเว็บไซต์ได้เหมือนกัน
ใช้ Influencer ร่วมกับสินค้า
   ทริคนี้เหมาะกับสินค้าออกใหม่ที่ต้องการให้คนรู้จัก การใช้ Influencer หรือคนดัง ร่วมโปรโมท จะช่วยให้คนจดจำแบรนด์ได้ง่ายมากขึ้น โดยที่คุณไม่ต้องทุ่มทำโฆษณาในส่วนอื่น ซึ่งคุณควรมองหา Influencer ที่ตรงกับกลุ่มเป้าหมายด้วย เพราะช่วยให้สินค้า ยังเป็นหนึ่งในความสนใจของพวกเขา (กลุ่มเป้าหมายและตรงกับไลฟ์สไตล์ของพวกเขา) และหากคนดังที่ชื่นชอบ ใช้อะไรแน่นอนว่าพวกเขาย่อมอยากใช้ตามแน่นอน

5
ความแตกต่างระหว่าง ท่อPE VS ท่อPVC
1. ท่อ PE
   โดย PE ย่อมาจาก Polyethylene ถูกผลิตขึ้นจากวัสดุที่ชื่อเรซินพอลิเอทีลีน ความหนาแน่นสูงจึงมีคุณสมบัติที่แข็งแรง ทนทาน และเหนียวมากเป็นพิเศษ ตัวเนื้อพลาสติกมีความลื่นและมัน ของเหลวที่ต้องลำเลียงสามารถไหลผ่านไปได้ดี สะดวก รวดเร็ว มีแรงดันค่อนข้างน้อย ไม่มีสารพิษใดมาเจือปนอยู่ บางคนนำไปใช้ทำระบบน้ำดื่มช่วยให้การบริโภคเป็นไปอย่างมีคุณภาพ ไร้เคมีหรือสารพิษตกค้างใด ๆ ตัวข้อต่อของท่อ HDPE นี้ก็ต่างจากของท่อ PVC ตรงที่จะมีความทนทานต่อกรด ด่าง เกลือ และสารเคมีทุกชนิดได้ยอดเยี่ยม ถูกนำมาใช้ในงานท่อส่งน้ำ ทำประปา
แต่ก็มีข้อจำกัดตรงที่ราคาสูงมาก ด้วยเหตุนี้งานประปาทั่วไปตามบ้านเรือนหรือตามสถานที่ที่ไม่ได้เน้นเรื่องวัสดุมากนักจึงนิยมเลือกใช้ท่อประเภทพีวีซีมากกว่า
2. ท่อพีวีซี
   ท่อ PVC เป็นท่อที่ใช้วัสดุอย่างโพลิไวนิลคอลไรด์ผสมกับวัสดุอย่างพลาสติกไซเซอร์ ซึ่งจริง ๆ แล้วควรเรียกให้ถูกต้องตามหลัก มอก. ว่าท่อ PVC แข็ง (แต่กระนั้นผู้คนรวมถึงช่างรับเหมามักจะเรียกว่าท่อ PVC ธรรมดา) โดยท่อพีวีซีนี้จะมีคุณสมบัติตามชื่อ คือ ผิวแข็งแรง ทนทาน มีความเรียบลื่น ไม่มีการเคลือบสารพิษเจือปนใด ๆ มีความทนต่อกรด-ด่างได้ดี สามารถจัดส่งของเหลวไปถึงที่หมายอย่างรวดเร็วและทำได้ดีมีมาตรฐาน ราคาถูกกว่าเมื่อเทียบกับท่อ PE
แต่ก็มีข้อด้อยอยู่ตรงที่การทนทานต่อความร้อนต่ำไม่ว่าความร้อนจากภายในหรือภายนอกก็ตาม โดยข้อต่อของตัวท่อยังมีความเปราะบาง ไม่ค่อยทน แตกเสียหายง่าย นิยมใช้ภายในครัวเรือน หรือสถานที่ที่ไม่ใหญ่โตมากนัก
   ทั้ง 2 ประเภทท่อ ไม่ว่าจะท่อพีวิซี หรือท่อพีอีหากสังเกตให้ดีคือมีความแตกต่างตั้งแต่เรื่องของวัสดุที่ใช้ผลิต ความทนทานของตัวท่อ และข้อต่อ ไปจนถึงราคา ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการนำไปใช้งานด้วย เพราะหากเลือกประเภทท่อได้เหมาะสม ย่อมก็ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ช่วยลำเรียงของเหลวไปถึงที่หมายปลอดภัย หวังว่าต่อจากนี้แต่ละคนจะเลือกไว้ใช้งานได้ถูกต้องกันแล้ว

6
ไขมันในเลือดสูง หมายถึงอะไร?
ไขมันในร่างกายที่เรากล่าวถึงส่วนใหญ่ หมายถึง โคเลสเตอรอล ไตรกลีเซอไซด์ ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของโรคหัวใจและหลอดเลือดตีบตัน ซึ่งอาจเป็นอันตราย ทำให้พิการหรือเสียชีวิตได้ ไขมันในเลือดสูงหมายถึงระดับไขมันในเลือดสูงกว่าปกติ ซึ่งระดับโคเลสเตอรอลปกติไม่ควรเกิน 200 มิลลิกรัมต่อเลือด 100 มิลลิลิตร และระดับไตรกลีเซอไรค์ ปกติไม่เกิน 150 มิลลิกรัมต่อเลือด 100 มิลลิลิตร
สาเหตุของการเกิดภาวะไขมันในเลือดสูง
• การรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง เช่น อาหารทอด เนื้อติดมัน
• การรับประทานอาหารที่ให้พลังงานเกินความต้องการของร่างกาย เพราะร่างกายมีกลไกในการสะสมพลังงานที่ได้จากอาหารที่เรารับประทานเข้าไปในรูปของไขมัน
• การดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมากเป็นประจำทำ ให้มีการสะสมไขมันตามเนื้อเยื่อมากขึ้นลดการกำจัดไขมันในเลือด เนื่องจากแอลกอฮอล์เป็นเครื่องดื่มที่ให้พลังงานสูง
• โรคบางชนิด เช่น ต่อมไทรอยด์ทำงานน้อยกว่าปกติ โรคตับ โรคเบาหวาน
• ขาดการออกกำลังกาย ทำให้ร่างกายใช้พลังงานน้อย
• กรรมพันธุ์ ผู้ที่มีประวัติพ่อแม่หรือญาติมีไขมันในเลือดสูง
• อาหารที่มีไขมันสูง

อันตรายที่มีผลมาจากไขมันในเลือดสูง
ไขมันในเลือดสูงเลือดจะมีความหนืดสูงกว่าปกติ ทำให้เกิดการสะสมของไขมันตามผนังหลอดเลือดได้ง่าย ทำให้หลอดเลือดตีบแคบลง ทำให้เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงส่วนต่างๆของร่างกายไม่สะดวก เมื่อนานวันขึ้นอาจเกิดการอุดตันของเลือด โดยเฉพาะอวัยวะที่สำคัญ เช่น หลอดเลือดแดงที่ไปเลี้ยงหัวใจอุดตัน ทำให้เกิดกล้ามเนื้อหัวใจตาย หัวใจวายและเสียชีวิต เฉียบพลัน หรือ ถ้าเกิดกับหลอดเลือดที่สมองทำให้เป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต หากไม่หาทางป้องกันแก้ไขภาวะไขมันในเลือดสูง จะมีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดโรคแทรกซ้อนต่างๆมากมายและมีคุณภาพชีวิตที่แย่ลง

จะทราบได้อย่างไรว่าไขมันในเลือดสูง
แพทย์สามารถประเมินว่าไขมันในเลือดมีปริมาณที่ผิดปกติได้ โดยการเจาะเลือดตรวจ โดยก่อนเจาะเลือดถ้าหากตรวจหาค่า Triglyceride ด้วย ต้องงดอาหารก่อนเจาะเลือด 12 ชั่วโมง แต่ดื่มน้ำเปล่าได้ แพทย์จะตรวจระดับของโคเลสเตอรอล (Total cholesterol , TC) ในเลือดร่วมกับตรวจหาระดับของไขมันอื่นๆร่วมด้วย ได้แก่ HDL-C , LDL – C , TG เพื่อประเมินการรักษาที่เหมาะสม
• LDL (Low Density Lipoprotein) มีส่วนประกอบของโคเลสเตอรอลในปริมาณสูง เรียกว่าไขมันไม่ดี ยิ่งมีมากยิ่งมีโรค
• HDL (High Density Lipoprotein) ทำหน้าที่ขนส่งโคเลสเตอรรอลจากเซลล์ต่างๆ ไปทำลายที่ตับ เรียกว่าไขมันดี ยิ่งมีมากยิ่งดี การออกกำลังกายยิ่งทำให้ HDL สูงขึ้น ทำให้ร่างกายแข็งแรงมากขึ้น
• TG (Triglyceride) ถ้ามีมากยิ่งทำให้หลอดเลือดแดงแข็งตัว ถ้าหาก TG สูงร่วมกับ HDL - C ในเลือดต่ำจะเพิ่มอัตราเสี่ยงของโรคหัวใจและโรคอื่นๆ มากขึ้น การตรวจระดับของโคเลสเตอรอล

7
เมนูอาหารที่ไม่ควรทานเพื่อลดคลอเรสเตอรอล
คลอเรสเตอรอล คือ ไขมันที่พบได้ในส่วนของผนังเซลล์ (เลือด) โดยคลอเรสเตอรอลเป็นส่วนประกอบในการสร้างเยื่อบุผนังเซลล์ สร้างฮอร์โมน สร้างน้ำดีย่อยไขมัน ถึงแม้ว่าคลอเรสเตอรอลจะมีประโยชน์มากสักเท่าไรแต่หากปริมาณคลอเรสเตอรอลในร่างกายมากเกินไป ก็อาจจะเกิดอันตรายต่อร่างกายเช่นเดียวกัน
6เมนูอาหารควรเลี่ยงเสี่ยงคลอเรสเตอรอลสูง
1. อาหารทะเล
อาหารทะเลเป็นหนึ่งในเมนูที่อุดมไปด้วยประโยชน์แต่แอบซ่อนคลอเรสเตอรอลจำนวนมาก โดยสัตว์จำพวก หอยนางรม ปลาหมึก กุ้ง ปู ล้วนมีปริมาณคลอเรสเตอรอลสูงทั้งนั้น โดยเฉพาะปลาหมึกกระดองที่มีปริมาณคอลเรสเตอรอลสูงถึง 322 มิลลิกรัม ต่อ 100 กรัม
2. ไก่ทอด หมูทอด
สำหรับอาหารประเภทที่ใช้น้ำมันในการทอดอย่าง ไก่ทอดและหมูทอด เป็นเมนูที่ควรเลี่ยง เนื่องจากกระบวนการทำอาหารที่ต้องใช้น้ำมันจำนวนมาก ทำให้น้ำมันแทรกซึมเข้าไปในเนื้อสัตว์ ไขมันหรือคลอเรสเตอรอลจึงสูงตามมา นอกจากนี้อาหารประเภทนี้มักมีไขมันทรานส์ (Trans-Unsaturated Fats) ซี่งอยู่ในสารสังเคราะห์ในกระบวนการยืดอายุอาหารจำพวกของทอด
3. อาหารฟาสฟู้ด
อาหารจานด่วนหรืออาหารฟาสฟู้ด อย่างเบคอนและไส้กรอก เป็นอาหารที่ใช้น้ำมันซึ่งมีส่วนประกอบของไขมันอิ่มตัว (Saturated Fatty Acid) ในการทอด ซึ่งไขมันอิ่มตัวนี้เองเป็นปัจจัยที่ก่อให้เกิดคลอเรสเตอรอล นอกจากอาหารประเภททอดแล้ว ฟาสฟู้ดประเภทอื่นอย่าง พิซซ่าและแฮมเบอร์ ก็มีความเสี่ยงไม่แตกต่างกัน เนื่องจากมีเนยและชีสเป็นส่วนประกอบ ซึ่งวัตถุดิบทั้งสองอย่างมีปริมาณคลอเรสเตอรอลที่สูง
4. ขนมปัง/เค้ก/ชีสเค้ก
อาหารที่เสี่ยงต่อภาวะคลอเรสเตอรอลสูงไม่ได้มีเพียงของคาวเท่านั้น ของหวานอย่างขนมปัง, เค้กหรือชีสเค้กก็มีความเสี่ยงไม่แพ้กัน เนื่องจากขนมหวานเหล่านี้มีส่วนผสมของ เนยเทียม (Margarine) ซึ่งมีกรดไขมันทราน (trans fatty acid) หนึ่งในปัจจัยที่ก่อให้เกิดภาวะคลอเรสเตอรอลสูง
5. อาหารที่ทำจากไข่แดง
ไข่แดงเป็นวัตถุดิบที่มีคลอเรสเตอรอลสูงถึง 1,085 มิลลิกรัม รวมถึงมีไขมันอิ่มตัวด้วย ดังนั้นหากไม่อยากเสี่ยงคลอเรสเตอรอล ควรเลี่ยงอาหารที่ทำมาจากไข่แดง ซึ่งมีทั้งของคาวและของหวาน อาทิ ชีสเค้ก, บัวลอยไข่แดงเค็ม, ข้าวเนื้อย่างไข่แดงดองและยำไข่แดงเค็ม เป็นต้น
6. สมองวัว
นี้คือหนึ่งในวัตถุดิบที่มีปริมาณคลอเรสเตอรอลมากที่สุด สมองวัวมีปริมาณคลอเรสเตอรอลมากกว่า 3,100 มิลิกรัมต่อ 100 กรัม สูงกว่าอาหารทะเลถึง 10 เท่า แต่ทั้งนี้สมองวัวคงเป็นเมนูที่ไม่ได้หาทานกันง่ายๆ ซึ่งหากพบเมนูนี้เมื่อไร ใครที่มีความเสี่ยงภาวะคลอเรสเตอรอลสูงควรหลีกเลี่ยง

8
เช็คให้ชัวร์ ฟิลเลอร์แท้ ปลอมดูยังไง ?
ฟิลเลอร์ คือ สารเติมเต็ม Hyaluronic Acid หรือ HA ช่วยเติมเต็มหรือเสริมชั้นในผิวหนังและใต้ผิวหนัง ที่ช่วยลดและแก้ไขปัญหาผิว ริ้วรอยร่องลึก บริเวณต่างๆ ของใบหน้า ให้กลับมาดูอ่อนเยาว์ กระชับ เปล่งปลั่ง

เช็คให้ชัวร์ ฟิลเลอร์แท้ ปลอมดูยังไง ?
1.กล่องต้องปิดเรียบร้อยไม่มีรอยแกะ
2.ด้านหลังกล่องต้องมีป้ายภาษาไทยระบุว่า ยาควบคุมพิเศษ
3.ท้ายกล่องยาจะมีวันหมดอายุชัดเจน
4.ข้างกล่องจะมีเลขล็อตสินค้า
5.ฉลากสินค้าด้านในกล่องเป็นภาษาไทย
6.เลขล็อตสินค้าข้างในกล่องเเละข้างนอกกล่องต้องตรงกัน
7.อุปกรณ์ครบพร้อมใช้ 1 CC เเละจะมีการซีลปิดไว้ไม่มีรอยแกะ ใน 1 CC ต้องเป็นของเราเท่านั้นไม่สามารถเเบ่งให้คนอื่นได้

ก่อนฉีดทุกครั้ง ทุกจุดจะต้องผ่านการประเมินรูปหน้ากับเเพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านปรับรูปหน้าโดยตรง ซึ่งการฉีดฟิลเลอร์ในเเต่ละจุด เเพทย์จะเลือกชนิดชนิดของฟิลเลอร์เนื้อที่เเตกต่างกันออกไป โดยจะเเบ่งออกเป็น 3 ชนิด
1.ฟิลเลอร์เนื้อนิ่ม
2.ฟิลเลอร์เนื้อกลาง
3.ฟิลเลอร์เนื้อเเข็ง
Filler Belotero จากประเทศสวิสเซอร์แลนด์ เติมเต็มปรับรูปหน้าให้ใบหน้าดูมีมิติ มี 4 รุ่นด้วยกัน
Colorful Filler SOFT เติมเต็มใต้ตา ริ้วรอย ตีนกา หน้าผาก
Colorful Filler VOLUME เติมเต็มแก้มตอบ ขมับบุ๋ม แก้มส้ม คาง
Colorful Filler BALANCE เติมเต็มร่องใต้ตา ร่องแก้ม หน้าผาก
Colorful Filler INTENSE เติมเต็มริมฝีปาก ร่องแก้ม ริ้วรอย

ฉีดฟิลเลอร์ จะเห็นผลจริงไหมแล้วอยู่ได้นานเเค่ไหน?
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา อยู่ได้นานเเค่ไหน เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับยี่ห้อเเละรุ่นที่เลือกใช่ด้วยนะคะ โดยทั่วไปฟิลเลอร์ที่ได้มาตรฐานผ่านอย.จะอยู่ได้ 6-18 เดือน

ผลข้างเคียงหลังทำ บวมช้ำกี่วัน
ในกรณีหากคนไข้มีอาการบวมหรือเขียวช้ำสามารถประคบเย็นเพื่อบรรเทาอาการบวมได้ เเต่ควรหลีกเลี่ยงการกด นวด บริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์เป็นเวลาอย่างน้อย 2-3 วัน
กรณีมีอาการปวดเล็กน้อยบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์สามารถทานยาแก้ปวดพาราเซตามอลได้เลย

9
3 ข้อที่คนกลัว ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ต้องรู้
ฟิลเลอร์ใต้ตา ฉีดฟิลเลอร์ที่ไหนดี ดวงตาคือหน้าต่างของหัวใจ ดวงตาสามารถบ่งบอกความรู้สึกของเราได้ ดังนั้นการดูเเลให้ดวงตาสดใส เปล่งประกาย จึงเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เชื่อมั้ย ว่าปัญหาใต้ตาเป็นร่อง ตาลึก ตาโหล ตาโบ๋ ขอบตาดำ ส่งผลกระทบโดยตรงคือ ทำให้หน้าดูมีอายุ โทรมไม่สดใส เป็นสาเหตุที่ลดความมั่นใจของเรา เเละแสดงออกมาทางสายตา ซึ่งวิธีแก้ไขปัญหาของหลายๆคน คือการต้องมานั่งเเต่งหน้าลงคอนซีลเลอร์เพื่อกลบรอยคล้ำในทุกๆวัน เเต่เหมือนเป็นการแก้ไขปัญหาที่ปลายเหตุ
ฟิลเลอร์ใต้ตา คือการเติมเต็มสารกลุ่ม ไฮยาลูรอนิค แอซิด Hyaluronic Acid เข้าไปใต้ผิวหนัง 9 จุดที่สามารถเติมเต็มฟิลเลอร์ได้
ใต้ตา
ปาก
ขมับ
ร่องแก้ม
คาง
แก้มส้ม
แก้มตอบ
กรอบหน้า
ผิวหน้า


เลือกโมเลกุลถูก ฉีดจุดไหนก็ปัง !!
ก่อนฉีดทุกครั้ง ทุกจุดจะต้องผ่านการประเมินรูปหน้ากับเเพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านปรับรูปหน้าโดยตรง ซึ่งการฉีดฟิลเลอร์ในเเต่ละจุด เเพทย์จะเลือกชนิดชนิดของฟิลเลอร์เนื้อที่เเตกต่างกันออกไป โดยจะเเบ่งออกเป็น 3 ชนิด
1.ฟิลเลอร์เนื้อนิ่ม
2.ฟิลเลอร์เนื้อกลาง
3.ฟิลเลอร์เนื้อเเข็ง
ซึ่งการเติมเต็ม ฟิลเลอร์ใต้ตา เเพทย์จะเลือกใช้ฟิลเลอร์เนื้อนิ่ม ตัว BELOTERO รุ่น SOFT ความนุ่มจะเหมาะกับผิวบริเวณใต้ตามาก ส่วนใหญ่ปริมาณในการฉีดจะอยู่ที่ 1-2 CC เเต่ทั้งนี้ทั้งนั้นคุณหมอจะต้องประเมินหน้าคนไข้อย่างละเอียด ความเหมาะสมก็จะขึ้นอยู่กับปัญหาใต้ตาของเเต่ละคนร่วมด้วย
Filler Belotero จากประเทศสวิสเซอร์แลนด์ เติมเต็มปรับรูปหน้าให้ใบหน้าดูมีมิติ มี 4 รุ่นด้วยกัน
Colorful Filler SOFT เติมเต็มใต้ตา ริ้วรอย ตีนกา หน้าผาก
Colorful Filler VOLUME เติมเต็มแก้มตอบ ขมับบุ๋ม แก้มส้ม คาง
Colorful Filler BALANCE เติมเต็มร่องใต้ตา ร่องแก้ม หน้าผาก
Colorful Filler INTENSE เติมเต็มริมฝีปาก ร่องแก้ม ริ้วรอย

ฟิลเลอร์ใต้ตาเหมาะกับใคร ?
ผู้ที่มีปัญหาใต้ตา                                                                                             
ผู้ที่มีปัญหาใต้ตาคล้ำ ขอบตาดำ ไม่ว่าเพราะสาเหตุ พักผ่อนน้อย ภูมิเเพ้ กรรมพันธุ์
ผู้ที่มีปัญหาถุงใต้ตา ใต้ตาหย่อยคล้อย
ผู้ที่มีปัญหาริ้วรอยใต้ตา

ฟิลเลอร์ใต้ตา อันตราย เสี่ยงเป็นก้อน ไม่สลาย จริงหรอ?
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา อันตรายเสี่ยงเป็นก้อนไม่สลาย คำเตือนที่พูดกันปากต่อปากเกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์ ทุกคนค้าไม่ผิดนะ ที่เราจะคิดกลัว หรือไม่กล้าที่จะลอง เเต่เรามากลัวกันอย่างมีสติพร้อมรู้ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตากันดีกว่า การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา จะไม่อันตรายเลย หากฉีดด้วยฟิลเลอร์ของเเท้ 100% ที่ได้รับมาตรฐานความปลอดภัยจากอย.

10
หลังเสริมจมูก กี่วันเข้าที่ ?เมื่อไหร่จมูกจะรัดแกน?
   ความกังวลใจที่หลายคนต่างก็กังวล ว่าต้องรอนานแค่ไหนจมูกถึงจะรัดแกน จมูกถึงจะเข้าที่ จะบวมมากไหม บวมนานไหม ซึ่งปกติแล้วหลังเสริมจมูก การรัดเเกนจะเริ่มเกิดขึ้นประมาณ 3 เดือน เเละเต็มทีประมาณ 6 เดือนจนถึง 1 ปี  แต่บางรายอาจใช้ระยะเวลาไม่เท่ากัน ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับร่างกายของเเต่ละบุคคล  แต่ไม่ต้องกังวลใจไป พอเมื่อจมูกเริ่มรัดเเกน จะยิ่งเห็นทรงชัดเจน  ดูสวยเป็นธรรมชาติมากขึ้น เข้ากับโครงหน้าเรามากขึ้น หรือสรุปง่ายๆ ว่ายิ่งเสริมนาน ยิ่งรัดเเกน จมูกจะยิ่งสวยขึ้นนั้นเอง

จมูกรัดแกน คืออะไร?
   จมูกรัดเเกน คือ การที่เนื้อเยื่อโดยรอบบริเวณจมูกยุบบวมลง โดยตัวโครงสร้างที่หมอใส่เข้าไปไม่ว่าจะเป็นซิลิโคน เนื้อเยื่อเทียม กระดูกอ่อนหลังหู หรือกระดูกอ่อนซี่โครง จะถูกยึดโยงด้วยพังพืด หรือที่เรียกกันว่าว Capsule ขึ้นมาบริเวณโดยรอบ จึงส่งผลให้จมูกเข้าที่ เห็นทรงชัดเจน และดูสวยเป็นธรรมชาติมากขึ้น

ระยะเวลาที่จมูกเริ่มรัดแกน
ระยะที่ 1 : หลังเสริมจมูก 7 – 14 วัน จะเห็นว่ามีอาการบวมช้ำ ทรงจมูกไม่เข้าที่ ซึ่งไม่ต้องกังวล ให้ประคบเย็นจนกว่าอาการบวมลดลง หรือทานอาหารที่ช่วยลดบวมช้ำ
ระยะที่ 2 :  หลังเสริมจมูก 1-3 เดือน ในช่วงนี้จะไม่ค่อยมีรอยช้ำให้เห็น แต่จะมีอาการบวมอยู่เล็กน้อย และจะเห็นได้ว่าจมูกเริ่มรัดแกน
ระยะที่ 3 :  หลังเสริมจมูก 6 เดือน จนถึง 1 ปี จมูกเริ่มรัดแกนเต็มที่ เห็นเป็นรูปทรงที่ชัดเจน

ปัจจัยที่ทำให้จมูกรัดแกนและหายบวมไว
คนไข้ : ขึ้นอยู่กับร่างกายของคนไข้เเต่ละคน ซึ่งมีความเเตกต่างกันออกไป
การดูเเลหลังผ่าตัด : ขึ้นอยู่กับการดูเเลหลังผ่าตัด หากปฏิบัติตามคำสั่งแพทย์อย่างเคร่งครัด อาการบวมช้ำก็จะหายเร็วขึ้น
เทคนิคการผ่าตัด : ขึ้นอยู่กับความชำนาญ ฝีมือ และเทคนิคที่ใช้ในการผ่าตัดของแพทย์

11
สารสกัดในครีมทาผิวกันแดดที่ต้องรู้
   เคยไหม? ที่ก่อนจะซื้อครีมกันแดดทุกครั้ง คุณจะต้องดูสารสกัดที่อยู่ในครีมกันแดดว่าช่วยปกป้องผิวได้มากแค่ไหน แต่บ่อยครั้งที่สารสกัดในครีมกันแดดสมัยนี้ มักเต็มไปด้วยชื่อทางเคมีที่กว่าคุณจะเข้าใจคุณสมบัติ สรรพคุณที่ช่วยบำรุงผิวก็ทำเอาเสียเวลาไปเหลือเกิน วันนี้เราขอพาทุกคนมาทำความรู้จักกับสารสกัดในครีมกันแดดมากยิ่งขึ้น ดังนั้นโรงงานผลิตอาหารเสริมและครีมจะมาอธิบายให้เราดูกันถ้าพร้อมแล้วมาดูกันเลย!
สารกันแดดที่ผสมอยู่ในครีมกันแดด แบ่งออกเป็น 3 คุณสมบัติ
Physical Sunscreen สารกันแดดในกลุ่ม Physical ซึ่งช่วยป้องกันรังสียูวีได้รูปแบบ โดยกันแดดประเภทนี้จะเคลือบบนชั้นผิวสะท้อนหรือหักเหรังสี UV ออกไปจากผิว นอกจากนี้ สารกันแดดประเภท Physical มักมีส่วนผสมของ Titanium Dioxide และ Zinc Oxide (ช่วยปกป้องผิวจากรังสี UVA-I, UVA-II, UVB ได้)
Chemical Sunscreen สารกันแดดในกลุ่ม Chemical โดยสารกันแดดประเภทนี้จะช่วยดูดซับรังสีไม่ให้ทะลุผ่านไปยังผิวหนังได้ นอกจากนี้ สารกันแดดประเภทนี้ยังสามารถ ปกป้องผิวจากรังสี UVB ได้ทุกตัว แต่การปกป้องจากรังสี UVA-I, UVA-II แตกต่างกันไป
Hybrid Sunscreen สารกันแดดแบบผสม ระหว่างแบบ Physical และ Chemical โดยมีคุณสมบัติทั้งสะท้อนและดูดซับรังสียูวีได้หลากหลาย อาทิ Bis-Benzotriazolyl Tetramethylbutylphenol หรือ Tinosorb M (ช่วยปกป้องผิวจากรังสี UVA-I,UVA-II, UVB ได้)
มาทำความรู้จักสสารสกัดในครีมทาผิวกันแดดที่ต้องรู้กัน!
Titanium Dioxide เป็นสารที่มีคุณสมบัติสามารถสะท้อนรังสีที่มีช่วงความยาวคลื่น 290-700 nm ได้เป็นอย่างดี ซึ่งรังสีช่วง 400-700 nm มักพบในครีมกันแดดทาตัว ที่ทาบนผิวแล้วเคลือบผิวให้สีขาว อย่างไรก็ดีสารชนิดอาจทำให้เกิดอาการแพ้ ระคายเคืองผิวได้
Benzophenone-3 (oxybenzone) เป็นสารกันแดดที่ค่อนข้างเสถียร แต่ประสิทธิภาพการดูดกลืนรังสีต่ำทำให้กันแดดไม่มีประสิทธิภาพในการกันแดดได้ดีเท่าทีควร
Bis-Ethylhexyloxyphenolmethoxytriazine เป็นสารกันแดดที่ปกป้องได้ทั้งรังสียูวีเอและบี อีกทั้งมีความเสถียรมากช่วยปกป้องรังสีจากแดดได้ดีเยี่ยม
Terephthalylidene Dicamphor Sulfonic Acid เป็นสารกันแดดที่ป้องกันได้ทั้งรังสียูวีเอและยูวีบี แต่เป็นสารกันแดดที่ไม่เสถียรภาพ เนื่องจากสารตัวนี้จะสลายตัว 40% เมื่อโดนแสงแดด 2 ชั่วโมง

12
ส่วนประกอบที่สำคัญของบอลวาล์ว
ช่างประปาโดยเฉพาะมือใหม่เพิ่งเริ่มต้นจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องรู้จักกับส่วนประกอบต่าง ๆ ที่สำคัญของบอลวาล์ว อุปกรณ์เด็ดที่ช่วยเปิด – ปิดน้ำประปาหรือของเหลวต่าง ๆ ได้ดี ว่าแต่สิ่งนี้มีอะไรเป็นส่วนประกอบบ้าง? ช่างประปาคนไหนต้องการข้อมูลแล้วก็อย่ารอช้าเพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาน่าประทับใจ
1. ตัววาล์ว
เริ่มต้นทำความรู้จักกับส่วนประกอบแรก อย่างตัววาล์วที่จะมีลักษณะเป็นทรงกลมเปรียบเสมือนลูกบอล (จึงได้ชื่อว่าบอลวาล์ว) สวมอยู่ด้านใน บริเวณตรงกลางด้านหนึ่งจะถูกเจาะทะลุช่วยให้น้ำประปาไหลเวียนได้ดีขณะเปิดใช้งาน ส่วนอีกด้านปิดทึบหมด เพื่อเวลาที่ปิดจะไม่มีน้ำรั่วซึมไหลออกมา ด้านบนมีร่องเซาะเอาไว้ แล้วใส่ก้านหมุนตัวเปิด – ปิดวาล์วรองรับแรงหมุนของเรา
2. เสื้อวาล์ว
ส่วนประกอบบอลวาล์วต่อมาที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือเสื้อวาล์ว มีด้วยกัน 2 ส่วน คือ ช่องไว้เป็นทางเข้า – ออก ที่จะไม่ติดกัน คือ สามารถแยกออกจากกันได้ โดยรายละเอียด
ส่วนที่ 1 เป็นช่องไว้สำหรับให้น้ำไหลผ่านเข้า – ออก รวมถึงมีปะเก็นคอยช่วยไม่ให้น้ำรั่วซึม
ส่วนที่ 2 ก็เป็นช่องไว้สำหรับให้น้ำไหลผ่านเข้า – ออกอีกเช่นกัน แต่จะมีก้านหมุน และมีด้านในที่ปะเก็นไม่ให้น้ำรั่วซึมอยู่ด้วย
3. ก้านที่ไว้ใช้หมุน
แน่นอนว่าการเปิด – ปิด ต้องมีก้านที่ไว้ใช้หมุนอยู่แล้ว โดยส่วนประกอบบอลวาล์วนี้สวมอยู่ที่เสื้อวาล์ว ด้านหนึ่งจะมีลักษณะเป็นเดือยหมุนเพื่อให้การสวมเข้าไปกับตัววาล์วเป็นเรื่องง่ายขึ้น และในตัวด้านหมุนเพื่อเป็นการป้องกันการรั่วซึมของน้ำก็จะมีโอริงสวมอยู่ด้วยกัน 2 ตัว และส่วนปลายที่มีลักษณะเป็นเดือยก็จะยึดหมุนและมีเกลียวใส่น็อตล็อคตัวด้ามหมุนไว้
4. นอตล็อคและด้ามหมุน
ไหน ๆ ก็ได้ยินทั้ง 2 ชื่อคร่าว ๆ แล้วเลยขออธิบายส่วนประกอบบอลวาล์วนี้ไปพร้อมกัน ซึ่งนอตล็อคจะเป็นตัวสวมที่อยู่กับก้านหมุน ทำหน้าที่คอยล็อคตัวด้ามที่หมุนอยู่ไม่ให้หลุดออกมาจากก้านหมุน และด้ามหมุนจะเป็นตัวที่สวมอยู่บริเวณก้านหมุนและมีนอตล็อคอยู่ ซึ่งด้ามนี้ทำหน้าที่คอยรับแรงจากการหมุนเปิด – ปิดวาล์ว
   ในส่วนของการทำงานบอลวาล์วต่อท่อนั้นมีท่อมากมายไม่ว่าจะเป็นท่อ pe ท่อPVC ก็สามารถต่อได้ เมื่อหมุนด้ามหมุนที่อยู่ตรงตัวล็อค ก้านหมุนของด้ามก็จะไปหมุนตัววาล์วทำให้เกิดช่องว่างขึ้น เมื่อเกิดช่องว่างน้ำประปาจึงไหลผ่านตัววาล์วออกมาได้สบาย ๆ ปริมาณน้ำที่ไหลสามารถกำหนดเองได้ ขึ้นอยู่กับการเปิดที่มาก – น้อย ยิ่งหมุนสุดช่องว่างมีมากน้ำก็ไหลแรงซึ่งหลังจากนี้ช่างประปาโดยเฉพาะมือใหม่จะเข้าใจและสามารถเลือกใช้เหมาะสมพร้อมประกอบถูกต้อง

13
3 วิธีลดคอเลสเตอรอลง่ายๆ ใครๆ ก็ทำได้
ไม่ว่าจะหญิงชาย หรืออ้วนผอม ก็มีโอกาสมีคอเลสเตอรอลเกินได้ทั้งนั้น
ทีนี้ปัญหาก็อยู่ที่ว่า จะลดคอเลสเตอรอลได้อย่างไร ในเมื่อคุณหมอกำชับมาว่า ต้องลดปริมาณคอเลสเตอรอลให้ได้ภายในครึ่งปี ก่อนที่จะมาเจอกันใหม่ เพราะฉะนั้นเรามาดูเคล็ดลับง่ายๆ ที่จะช่วยลดคอเลสเตอรอลในเลือดอย่างได้ผลกัน

ทำไมเราถึงมีคอเลสเตอรอลสูง?
หากมองย้อนกลับไปสักรุ่นคุณปู่คุณย่าเรา ปัญหาเรื่องของคอเลสเตอรอลจะไม่ค่อยมี เพราะพวกท่านทานแต่อาหารไทยเสียเป็นส่วนใหญ่ แม้ว่าอาหารไทยจะมีกะทิ แต่เราก็ยังมีน้ำพริก ผักสด ผักลวก ผลไม้สด หมู ไก่ ปลา ทานกันสดๆ แต่ที่สมัยนี้คนรุ่นใหม่มีปริมาณคอเลสเตอรอลมากกว่า ก็เพราะอาหารที่เราทานเป็นอาหารพลังงานสูง ที่มักมีต้นกำเนิดมาจากประเทศเขตอากาศหนาวๆ ที่ต้องการพลังงานสูงๆ เพื่อเพิ่มความอบอุ่นให้กับร่างกายนั่นเอง
ในขณะที่บ้านเราอยู่ในเขตร้อน การทานอาหารพลังงานสูงของชาวตะวันตกจึงไม่เหมาะกับร่างกายของเรา เมื่อเราไม่สามารถเผาผลาญพลังงานที่เกินความจำเป็นของเราออกไปได้ จึงกลายมาเป็นคอเลสเตอรอลในร่างกายของเรานั่นเอง

3 วิธีลดคอเลสเตอรอล
1.ทานอาหารเช้า จะได้ลดความเสี่ยงในการทานมื้อกลางวันมากกว่าปกติ ทานมื้อละจานเท่านั้น ไม่ต้องเพิ่ม มื้อเย็นลดแป้ง ทานโปรตีน และผัก เช่น แกงจืดวุ้นเส้นหมูสับ ส้มตำ (รสอ่อนๆ) สุกี้ (ไม่ใส่ลูกชิ้น ทานน้ำจิ้มน้อยๆ) เป็นต้น

2.ลดการทานอาหารพลังงานสูง เช่น เนื้อแดง เนื้อติดมัน อาหารปิ้งย่าง อาหารทะเล อาหารมัน อาหารทอด เครื่องในสัตว์ เบเกอรี่ ขนมหวาน ขนมปัง เนย เรายังสามารถทานได้ แต่ไม่ควรทานเยอะจนเกินความจำเป็นค่ะ

3.ออกกำลังกาย จะช่วยเปลี่ยนคอเลสเตอรอลให้กลายเป็นไขมันดีได้ โดยเน้นไปที่คาร์ดิโอ หรือการออกกำลังกายหัวใจ เช่น เล่นกีฬาต่างๆ วิ่ง ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน อย่างน้อย 30 นาทีต่อวัน 5 วันต่อสัปดาห์

14
ยืดอายุฟิลเลอร์ยังไงให้สวยนานที่สุด ไม่ต้องกลับมาเติมบ่อยๆ
อยากมีใบหน้าสวยเป๊ะปัง! หลังฉีดฟิลเลอร์นานๆ ไม่ต้องมาเติมบ่อยๆ แนะนำให้ทำตามเทคนิคหมอกันเลยครับ รับรองว่า อยู่ทนนานไม่ต่ำกว่า 2 ปี!
ข้อควรรู้
อายุของฟิลเลอร์นั้นจะอยู่นานหรือไม่? จะขึ้นอยู่กับปริมาณที่ฉีด ตำแหน่งที่ฉีด ชนิดของฟิลเลอร์ที่ใช้ฉีด และการดูแลหลังฉีดของผู้ที่รับการฉีดซึ่งผลลัพธ์แต่ละคนจะไม่เท่ากัน

เทคนิคยืดอายุฟิลเลอร์
1.แสดงสีหน้าน้อยลง
หากต้องการให้ฟิลเลอร์อยู่ทนสวยได้นานๆ ควรลดการแสดงออกทางสีหน้า เช่น ขมวดคิ้ว ทำหน้าบึงตึง เพราะการขยับกล้ามเนื้อบริเวณหน้าเยอะเป็นส่วนนึงที่ทำให้ฟิลเลอร์สลายเร็ว
2.ดื่มน้ำเยอะๆ
เนื่องจากฟิลเลอร์เป็นสารเติมเต็มที่มีความชุ่มชื้นของน้ำสูง ทำให้หากผู้ที่ฉีดฟิลเลอร์อยากยืดอายุฟิลเลอร์ในสวยนานๆ ได้ด้วยวิธีง่ายๆ คือ ให้ดื่มน้ำเยอะๆ อย่างน้อยวันละ 2 ลิตร ยิ่งเยอะยิ่งดีผิวยิ่งเด้งยิ่งชุ่มชื้น ผิวฉ่ำวาว อ่อนเยาว์เหมือนเด็กวัยรุ่น
3.ทาครีมกันแดด
สาร UV จากแดดส่งผลให้ทำให้ฟิลเลอร์สลายจะยังส่งผลให้ผิวหนังมีจุดด่างดำ ฝ้า กระขึ้นบนใบหน้า ซึ่งแสงรังสีที่ทำร้ายผิวนั้นไม่ได้มีแต่แสงแดดเท่านั้น แต่ว่าแสงสีฟ้าที่ออกจากจอทีวี โทรศัพท์มือถือ จอคอมพิวตอร์และหลอดไฟบางชนิด ดังนั้นควรทาครีมกันแดดเป็นประจำจะดีที่สุด
4.งดของหวาน
ใครเป็นสายหวาน ชอบทานขนมหวาน ชาไข่มุกเพิ่มน้ำตาล 150 % อาจจะต้องโบกมือลาน้ำตาลที่รักแล้วครับ เพราะว่า ในน้ำตาลมีอินซูลินสูง เมื่อร่างกายได้รับน้ำตาลเข้าไปมากๆ อินซูลินจะเข้าไปขับน้ำมันผิวหน้าออกมาเยอะส่งผลให้หน้ามันง่าย เพิ่มโอกาสให้เกิดสิวอุดตัน และยังเข้าไปลดความชุ่มชื้นที่ผิวหน้า ทำให้ผิวเหี่ยวย่น เกิดริ้วรอย และใต้ตาคล้ำ
5.พักผ่อนให้เพียงพอ
การพักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อย 8-10 ชั่วโมงจะช่วยให้ร่างกายได้พักผ่อน สมองหลั่งฮอร์โมนออกมาฟื้นฟูร่างกายได้เต็มที่ และการนอนดึก อดนอนติดต่อกันบ่อยๆ จะทำให้เกิดความเครียดสะสมส่งผลต่องสุขภาพผิวโดยตรง ทำให้ฟิลเลอร์สลายตัวเร็วกว่าที่ควร

15
เติมไขมัน กับ ฟิลเลอร์ต่างกันอย่างไร
เติมไขมัน กับ ฟิลเลอร์ ต่างกันอย่างไร ควรเลือกแบบไหนดีกว่ากัน
เทรนด์หน้าสวยในปัจจุบันนี้ของสาวๆ นอกเหนือจากการฉีด Botulinum toxin แล้ว หลายคนกำลังสนใจเทรนด์หน้าเด็ก แต่ไม่รู้ว่าฉีดฟิลเลอร์กับเติมไขมันแตกต่างกันยังไง? ระหว่างฟิลเลอร์กับไขมันแบบไหนดีกว่ากัน? สำหรับคนที่กำลังจะตัดสินใจเลือกวิธีการ “ปรับรูปหน้า” “หน้าเด็กลดอายุ” ของตัวเอง แต่ยังเลือกไม่ได้บทความนี้หมอจะมาให้ความรู้แบบจัดเต็ม ตอบทุกคำถามของไขมันและฟิลเลอร์

การเติมไขมัน คืออะไร เอามาจากไหน?
ฉีดไขมัน คือ การเติมไขมันหน้า หรือ Fat Transfer, FatGraft คือ การเติมเต็มส่วนที่ขาดบนใบหน้าด้วยการใช้ไขมันของตัวเอง โดยการย้ายเซลล์ไขมันจากส่วนที่เกิน มาเติมในส่วนที่ขาดไปบริเวณใบหน้า  ซึ่งการเติมไขมันไม่ใช้เติมเพียงแค่ความสวยเท่านั้นนะ ยังช่วยรักษาแผลเป็น และสเตมเซลที่อยู่ในไขมันช่วยให้ผิวดูอ่อนกว่าวัย หน้าดูเด็กขึ้นด้วย
เป็นอีกคำถามที่หลายคนถามกันเข้ามาว่า “แล้วเอาไขมันจากไหนมาฉีด?” “ถ้าเอาดูดไขมันมาแล้ว เราจะผอมลงด้วยหรือไม่?” มาทีละคำถามกันเลยนะ  การไขมันที่ฉีดส่วนใหญ่เราจะมาจากไขมันส่วนเกิน เช่น ต้นขา หน้าท้องหรือพุง เอว ต้นแขน โดยส่วนมากหมอหลายท่านจะนิยมเอาไขมันมาจากต้นขามากกว่า เพราะถ้าเอามาจากส่วนเอว กับต้นแขน ข้อเสียคือมีพังผืดเยอะ ทำให้เอาออกมายากกว่าต้นขา และอาจได้ไขมันมาในปริมาณที่น้อยได้  อีกคำถามหนึ่งก็คือ ถ้าดูดไขมันออกมาแล้ว สัดส่วนบริเวณที่ดูดออกมาจะเล็กลงหรือไม่? เนื่องจากไขมันที่เราดูด เราจะดูดมาใช้ในปริมาณที่พอดี ไม่มากจนทำให้สัดส่วนบริเวณที่ดูดเล็กลงได้

ฟิลเลอร์ (HA) คืออะไร
ฟิลเลอร์ คือ สารเติมเต็ม Hyaluronic Acid หรือ HA ที่เลียนแบบสารสกัดจากธรรมชาติในร่างกาย ช่วยเติมเต็มหรือเสริมชั้นในผิวหนังและใต้ผิวหนัง ที่ช่วยลดและแก้ไขปัญหาผิว ริ้วรอยร่องลึก บริเวณต่างๆ ของใบหน้าบวกกับคุณสมบัติอุ้มน้ำของฟิลเลอร์ จะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ให้กลับมาดูอ่อนเยาว์ กระชับ เปล่งปลั่ง

ฉีดไขมันหน้ากับฟิลเลอร์แตกต่างกันอย่างไร
ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นการฉีดเติมไขมัน กับ ฟิลเลอร์จะมีข้อดีหรือข้อเสียต่างกัน แต่ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคนนะ  สามารถเข้ามาปรึกษาแพทย์ก่อนได้ เพื่อให้ได้ความต้องการที่ตรงกัน และที่สำคัญจำเป็นต้องศึกษาสถานพยาบาลหรือคลินิกที่มีความน่าเชื่อถือ แพทย์ผู้ชำนาญในการเติมไขมันและฟิลเลอร์เพื่อความปลอดภัย ตรวจสอบได้

16
ท้องนอกมดลูก เกิดจากอะไร? สามารถป้องกันได้อย่างไร?
ท้องนอกมดลูก ถือเป็นปัญหาหนึ่งที่ส่งผลกระทบต่อการตั้งครรภ์มากที่สุด เพราะผู้ที่ตั้งครรภ์ต้องยุติการตั้งครรภ์ทันที และเกิดได้หลายสาเหตุมาก ซึ่งปัญหานี้ไม่ได้ส่งผลกระทบเพียงทารกในครรภ์เท่านั้นแต่หากรู้ตัวช้าอาจจะทำให้ผู้ครรภ์เสียชีวิตไปด้วย วันนี้หมอจะมาเล่าถึงสาเหตุของปัญหาให้ฟังกัน

ท้องนอกมดลูก เกิดจากอะไร?
ภาวะตั้งครรภ์นอกลูก หรือ Ectopic Pregnancy คือ ภาวะการผิดปกติ เนื่องจากตัวอ่อนเข้าไปฝังตัวในตำแหน่งที่ไม่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโต (โดยปกติแล้วตัวอ่อนจะต้องเคลื่อนตัวไปฝังตัวที่มดลูก) ประมาณ 95 % ของการตั้งครรภ์นอกมดลูกนั้น ตัวอ่อนมักจะฝังตัวที่ท่อนำไข่และเมื่อเวลาผ่านไปตัวอ่อนได้พัฒนาการต่อไปจนกระทั่งท่อนำไข่รองรับตัวอ่อนอีกต่อไปได้จนทำให้เกิดภาวะท่อนำไข่แตก มีอาการตกเลือดในช่องท้องและความดันโลหิตต่ำ เสี่ยงผู้ที่ตั้งครรภ์ที่อาจจะช็อกและเสียชีวิตได้

ภาวะเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์นอกมดลูก
ผู้ที่มีอายุมากกว่า 35 ปีขึ้นไป ทำให้เพิ่มโอกาสเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์นอกมดลูก
ผู้ที่เคยมีประวัติตั้งครรภ์นอกมดลูกมาก่อน
ความผิดปกติของท่อนำไข่ เช่น ท่อนำไข่อักเสบเรื้อรัง มีพังผืด เนื้องอก หรือท่อนำไข่ผิดปกติ
ผู้ที่เคยเข้ารับการผ่าตัดบริเวณท่อนำไข่ ซึ่งอาจทำให้เกิดพังผืดที่ท่อนำไข่ หรือเกิดตีบตันบางส่วน ทำให้เพิ่มโอกาสตั้งครรภ์นอกมดลูก
การติดเชื้อบริเวณอุ้งเชิงกราน ทำให้กระบวนการย้ายไข่ที่ปฏิสนธิไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้ ตัวอ่อนจึงฝังตัวในบริเวณที่ไม่เหมาะสมจนเกิดเป็นภาวะตั้งครรภ์นอกมดลูก

อาการตั้งครรภ์นอกมดลูกที่ต้องสังเกต
- มีอาการปวดท้องเฉียบพลันบริเวณท้องหรือท้องน้อย ลักษณะของการปวดจะเป็นการปวดแบบบีบรัดเป็นช่วงๆ โดยอาการนั้นจะไม่เหมือนกันบางรายอาจปวดข้างเดียว บางรายจะปวดทั้งสองข้าง ทั้งแบบมาๆ หายๆ หรือ ปวดตลอดเวลา
- มีเลือดออกที่อวัยวะเพศ
- เวียนศีรษะ หน้ามืดคล้ายจะเป็นลม
- มีภาวะความดันโลหิตต่ำ

วิธีการรักษา
ในกรณีที่เข้ามาตรวจกับหมอแล้วหมอวินิจฉัยแล้วว่า มีภาวะตั้งครรภ์นอกมดลูก หากอยู่ในภาวะปกติ คือ อายุครรภ์ไม่มากและยังไม่มีภาวะแทรกซ้อน หมอจะใช้วิธีการผ่าตัดส่องกล้องเพื่อนำตัวอ่อนออก แต่ถ้าในกรณีที่มีปัญหามากแล้ว หมอจำเป็นต้องจ่ายยาเพื่อยุติการตั้งครรภ์ เนื่องจากตัวอ่อนจะไม่สามารถพัฒนาต่อได้ และยังเสี่ยงต่อชีวิตของผู้ที่ตั้งครรภ์อีกด้วย

เคยตั้งครรภ์นอกมดลูกมาก่อน สามารถตั้งครรภ์ปกติได้หรือไม่?
การตั้งครรภ์นอกมดลูกนั้นไม่ได้ทำให้มีลูกยากขึ้นกว่าเดิม  เพราะเป็นภาวะอาการป่วยอย่างหนึ่งที่เมื่อรักษาแล้วก็สามารถใช้ชีวิตปกติและสามารถตั้งครรภ์ได้ แต่สำหรับผู้ที่มีปัญหาเช่นนี้และเพียงท่อนำไขเพียงข้างเดียวและกำลังวางแผนการตั้งครรภ์อยู่นั้น สามารถลดความเสี่ยงทั้งหมดให้ต่ำที่สุดได้ด้วยการใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์ด้วยการฝากไข่ ก็ได้

17
สิ่งที่ควรรู้ก่อนการปลูกสร้างบ้าน
     หลายๆคนก็อยากที่จะสร้างบ้านเป็นของตัวเองแต่รู้หรือไม่ว่ากาที่เราได้แบบบ้านฟรีมานั้นมันก็จะเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่ดีที่สุดที่จะช่วยทำให้เรานั้นสามารประหยัดค่าใช้จ่ายต่างๆได้เป็นอย่างดีเลย โดยไม่ว่าหน่วยงามไหน โดยเฉพาะจากภาครัฐ เช่น สำนักงานเขต กทม. นั้นหรือหน่วยงานเอกชนทั่วไป ก็จะมีแบบบ้านเอาไว้บริการกันนั่นเอง แถมรูปร่างหน้าตาของบ้านนั้นก็ยังมีความสวยงามสะดุดตากันอีกด้วย อย่างไรก็ตามนั้นข้อควรรู้ในการปลูกบ้านที่สำคัญนั้นก็จะมีดังต่อไปนี้

สิ่งที่ควรรู้ก่อนการปลูกสร้างบ้าน
        อันดับแรก เราก็จะต้องรู้เนื้อที่ที่เราจะปลูกบ้านเสียก่อน ไม่เช่นนั้นถ้าเราไปเลือกแบบบ้านมานั้นมันก็อาจจะไม่ตอบโจทย์ต่อความต้องการของเราได้นั่นเอง อย่างไรก็ตามนั้นเราก็จำเป็นอย่างมากที่จะต้องตรวจเช็คว่าพื้นที่ที่เราจะสร้างบ้านนั้นมันมีความกว้างความยาวกี่เมตร มีเรื่องของกฎหมายเข้ามาไหม เพื่อที่เราะจะได้สามารถที่จะเลือกบ้านได้แบบตามใจเรานอกจากที่ดินแล้วนั้นเราก็จะต้องรู้จักเลือกทิศทางของลมด้วย การที่เราจะปลูกบ้านสักหลังนั้นเราก็ควรที่จะหาแบบที่มันตอบโจทย์ต่อความต้องการของเราให้เป็นอย่างมาก ควรที่จะมีการเลือกการจัดห้องว่าควรที่จะอยู่ในฝั่งไหน แถมจำเป็นอีกด้วย การที่เราจะต้องทราบขนาดของห้องนอน ห้องน้ำ ซึ่งมันก็จะต้องออกแบบมาให้ตอบสนองกับความต้องการของเราเรื่องวัสดุการตบแต่งต่างๆนั้นก็จะเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ค่อนข้างที่จะมีความสำคัญอยู่เช่นกัน เพราะการที่เราเลือกวัสดุที่ดีนั้นก็จะทำให้บ้านของเราสามารถที่จะมีการเป็นอยู่ที่ดีขึ้นเป็นอย่างมากอีกด้วย วัสดุที่เราเลือกมานั้นไม่ว่าจะเป็นพื้น ประตู หน้าต่าง ดวงไฟ หรืออะไรก็ตามแต่เราก็จะต้องมีการปรับเปลี่ยนได้ตลอดเวลาเราสามารถที่จะกำหนดสิ่งต่างๆได้ตามความต้องการของเราได้แล้วนั้นก็อย่าลืม งบประมาณในการปลูกบ้านนั้นก็ค่อนข้างที่จะสำคัญเป็นอย่างมากเลย ควรที่จะต้องมีการประเมินราคาบ้านคราว ๆ กันเสียก่อนและอย่าลืมถึงค่าซ่อมบ้านทรุดเผื่อไว้ด้วย เพื่อที่จะทำให้งบในการปลูกบ้านของเรานั้นไม่บานปลายนั่นเอง

สรุป
        ดังนั้น เราก็ควรที่จะหาผู้ที่ปรึกษาและไว้ใจได้ในการให้คำปรึกษาเกี่ยวกับบ้านด้วย  เพราะแน่นอนถ้าเรามีที่ปรึกษาดี น่าเชื่อถือ ก็จะทำให้การสร้างบ้านของเรานั้นออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบและน่าประทับใจอีกด้วยนั่นเอง ดังนั้นข้อควรรู้ต่างๆ ที่เรานำมาฝากก็อย่าลืมนำไปปรับใช้กัน รับรองเลยว่าการสร้างบ้านของเราก็จะออกมาดีและเป็นที่ต้องการได้นั่นเอง

18
ส่องเทรนด์ตลาดเครื่องสำอาง
หลายคนอาจสังเกตได้ว่าช่วงหลังมา ผลิตภัณฑ์ความงาม สกินแคร์ รวมถึงเครื่องสำอางเริ่มมีดีไซน์ที่เป็นมินิมอล สีคลีนๆ เนื้อสัมผัสสีใสดูปลอดภัย ไม่มีสารเคมีเจอปน ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าสายนิชและวัยรุ่นกันมากขึ้น ซึ่งเรียกผลิตภัณฑ์ความงามสไตล์นี้ว่า คลีนบิ้วตี้ค่ะ (Clean Beauty) วันนี้ทีมงาน Beauty Cosmet ขอพาทุกท่านมารู้จักเครื่องสำอาง สกินแคร์แบบ Clean Beauty กันมากขึ้น
คลีนบิ้วตี้ (Clean Beauty) คืออะไร? แตกต่างจากผลิตภัณฑ์ออแกนิคยังไง?
มองเผลินๆก็เกือบจะแยกความแตกต่างไม่ค่อยออกสักเท่าไหร่ อันที่จริงแล้ว คลีนบิ้วตี้ (Clean Beauty) เป็นผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัย อ่อนโยนต่อสภาพผิว มีส่วนผสมที่โปร่งใส ปราศจากสารพิษ หรือสารเคมีที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองบนผิว ซึ่งส่วนผสมในผลิตภัณฑ์แบบ Clean Beauty ส่วนใหญ่มักมาจากธรรมชาติ และมีความเป็น Organic แฝงอยู่ด้วยค่ะ จุดเด่นของผลิตภัณฑ์ของคลีนบิ้วตี้ (Clean Beauty) อีกอย่าง มักเป็นเรื่องดีไซน์ที่มีความเป็นมินิมอล เรียบง่าย เน้นสีขาว ซึ่งช่วยให้ความรู้สึกว่าปลอดภัยถ้าใช้สินค้านี้
สารต้องห้ามที่ไม่ควรอยู่ในผลิตภัณฑ์แบบคลีนบิ้วตี้ (Clean Beauty)
ส่วนใหญ่ในโรงงานผลิตครีมต่างๆจะใช้สารเคมีอันตรายต่อผิว เช่น สารปรอท สารไฮโดรควิโนน สเตียรอยด์ และกรดเรติโนอิก นอกจากนี้ ยังมีพวกสารเคมีอย่างอื่นที่ผู้บริโภคควรตรวจเช็คก่อนซื้อด้วย เช่น สารตะกั่วทีพบในลิปสติกของผู้หญิง  สารมิเนอรัล ทัลค์ มักพบในแป้งฝุ่นหรืออายแชโดว์ รวมถึงในแป้งเด็ก สารโซเดียมซัลเฟต พบในยาสระผม ยาสีฟัน และสบู่  เป็นต้น  วิธีง่ายหากต้องการเช็คว่าผลิตภัณฑ์ที่ซื้อมาเป็น Clean Beauty สามารถดูได้ที่ฉลากสินค้า และเช็คสารเคมี ส่วนผสมบนฉลากได้เลย
ส่องเทรนด์ตลาดเครื่องสำอาง Clean Beauty ที่น่าสนใจ
พฤติกรรมในการใส่ใจเรื่องวัตถุดิบและส่วนผสมในสินค้างาม เริ่มมีมากขึ้นในกลุ่มลูกค้าที่เป็นผู้หญิง จึงไม่แปลกที่เครื่องสำอาง Clean Beauty กลับมาเป็นที่นิยมได้ สำหรับใครที่กำลังมองหาไอเดีย เครื่องสำอาง สกินแคร์ Clean Beauty ที่น่าสนใจ ในไทยก็เริ่มมีหลายแบรนด์วางขายแล้วค่ะ
แบรนด์  SKIN 1004  เป็น Clean Beauty จากเกาหลี ที่เน้นช่วยในเรื่องของผิวแพ้ง่าย เป็นสิวง่าย มีรอยสิวต่าง ๆ ส่วนผสมหลักจะเป็น สารสกัดจาก Centella (ใบบัวบก) ที่ช่วยในเรื่องการปลอบประโลมผิว ลดการอักเสบ ช่วยให้ผิวแข็งแรงขึ้น
แบรนด์ Drunk Elephant เป็นแบรนด์ Organic ที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติ ปราศจาก 6 สารก่อการระคายเคือง (และแบรนด์คิดว่าไม่จำเป็นต้องใส่) ได้แก่ Essential Oils, Drying Alcohols, Silicones, Chemical Sunscreens, Fragrances/Dyes และ SLS ทุกชิ้น เน้นความอ่อนโยนต่อผิว
แบรนด์ Supergoop เป็นครีมกันแดดที่ปราศจากสารเคมีที่เข้าได้กับทุกสภาพผิว โดยเฉพาะผิวบอบบางแพ้ง่าย เนื้อครีมบางเบา ไม่ทำให้ผิวอุดตันจนเกินสิว

19
การติดตั้งบอลวาล์วด้วยตนเอง
หากคุณเป็นอีกคนที่กำลังจะติดตั้งบอลวาล์วด้วยตนเอง แต่ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร จะต้องใช้ ข้อท่อPVCไหม? พยายามหาคำตอบก็ค่อนข้างสับสน อย่าได้กังวลใจในเรื่องดังกล่าวอีกต่อไป บทความนี้มีข้อแนะนำดี ๆ ในการติดตั้งบอลวาล์วมาบอกต่อ รับรองว่าหลังจากศึกษาเสร็จเรียบร้อยคุณจะสามารถติดตั้งเองได้อย่างราบรื่น ว่าแล้วก็ไปดูกันดีกว่า

ข้อแนะนำดี ๆ สำหรับผู้ที่ต้องการติดตั้งบอลวาล์วด้วยตนเอง
ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับลักษณะของบอลวาล์วสักเล็กน้อย ปกติแล้วจะมีหลายเกลียวมาก และเกลียวต่างชนิดไม่สามารถใช้งานร่วมกันได้ โดยบทความนี้ขอพูดถึงลักษณะของชนิดเกลียวที่จะมีรูทั้ง 2 ด้าน เอาไว้ใช้งานต่ออุปกรณ์อื่น ๆ หรือท่อต่าง ๆ ทั้งนี้ ยังมีให้มากกว่า 1 ทางด้วย
สิ่งสำคัญที่สุดคือการติดตั้งบอลวาล์วต้องเชื่อมต่อระหว่างกัน และไม่ว่าจะเกลียวไหน ทางใดก็ตามอาจต้องใช้เทปพันเกลียวเป็นตัวเชื่อมเพื่อประสานป้องกันการรั่วไหลของน้ำ แก๊ส ลม ฯลฯ โดยแบบเกลียวจะมี 2 แบบ คือ
– เกลียวแบบ BSPT ที่เรียกว่าเกลียวประปา เป็นเกลียวมาตรฐานจากประเทศอังกฤษ
– เกลียวแบบ NPT ที่จะเป็นแบบมาตรฐานจากประเทศอเมริกา

ขั้นตอนการติดตั้งด้วยตนเองต้องทำอย่างไร?
บางครั้งเรื่องเล็กน้อยอย่างการติดตั้งบอลวาล์วก็ไม่อยากต้องเสียเงินจ้างช่าง และหากต้องการติดตั้งด้วยตนเองแล้ว ก็มาทำให้สำเร็จพร้อม ๆ กันผ่านคำแนะนำดี ๆ ดังนี้
1. ให้เรานำส่วนประกอบต่าง ๆ มาประติดประต่อกันจนได้เป็นหัววาล์วขึ้น ตั้งแต่เสื้อวาล์ว ตัววาล์ว ก้านหมุน ด้ามหมุน พร้อมล็อคด้วยตัวล็อคให้เรียบร้อย
2. จากนั้นให้วัดระยะของท่อที่เราจะเอามาต่อส่วนวาล์ว เอาให้ตรงกับส่วนที่จะหมุนใช้งาน
3. จากนั้นให้สวมเข้าไปในหัววาล์วให้เรียบร้อย หลังจากสวมไปแล้วอย่างที่บอกคือให้ใช้เทปพันเกลียวที่เป็นสีขาวมาพันรอบ ๆ รอยต่อให้แน่น เพื่อป้องกันไม่ให้ระหว่างใช้งานเกิดของเหลวรั่วไหล
4. ลองทดสอบเปิด – ปิดวาล์วโดยการหมุนคลายล็อคออกดู เริ่มจากหมุนเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้ของเหลวไหลออกมา หากไม่มีปฏิกิริยารั่วไหลใด ๆ เกิดขึ้น ก็ถือว่าการติดตั้งบอลวาล์วสำเร็จ ผ่านไปได้อย่างราบรื่นตามต้องการ
อย่างไรก็ตาม บางยี่ห้อก็มีบอลวาล์วแบบท่อหมุน ไม่ต้องใช้เทปพันเกลียว เพียงแต่ช่วงการติดตั้งให้เราหมุนฝาหัววาล์วออกแล้ววัดระยะท่อ จากนั้นก็สวมท่อเข้าไป สุดท้ายขันฝาให้สุดเป็นอันเสร็จ

20
การปฏิบัติตัวเมื่อไขมันในเลือดสูง
เมื่อทราบว่าไขมันในเลือดสูง ควรปฏิบัติตัวดังนี้
           • ควบคุมอาหาร
           • ถ้าน้ำหนักเกินพิกัดควรลดน้ำหนัก
           • ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ออกำลังกายแบบแอโรบิค เช่น เดินเร็ว วิ่งเหยาะ ว่ายน้ำ กายบริหาร เป็นต้น โดยทำอย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 ครั้ง ครั้งละ 30-45 นาที ในผู้สูงอายุที่มีปัญหาโรคประจำตัว ควรปรึกษาแพทย์ก่อนว่าสามารถออกกำลังกายได้มากน้อยเพียงใด และออกกำลังกายชนิดใดจึงจะเหมาะสม
           • ถ้าคุมอาหาร ออกกำลังกายและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมต่างๆแล้ว ยังไม่ได้ผล แพทย์อาจให้รับประทานยาลดไขมัน ซึ่งมีหลายชนิด แพทย์จะพิจารณาจากลักษณะของไขมันที่สูงว่าผู้ป่วยควรรับประทานยาใด
           • ตรวจเช็คระดับไขมันในเลือดสูงเป็นระยะตามนัด
           • งดสูบบุหรี่ เพราะจะยิ่งทำให้หลอดเลือดอุดตันเพิ่มขึ้น
           • พยายามไม่อยู่นิ่งเฉย ไม่นั่ง ยืน นอน ตลอด ควรทำกิจกรรมต่างๆสม่ำเสมอ
           • ลดความเครียด

การควบคุมอาหารในผู้ที่ไขมันในเลือดสูง ควรปฏิบัติอย่างไร
            • รับประทานอาหารครบส่วนทั้ง 5 หมู่
            • หลีกเลี่ยงของทอด ผัดที่ใช้น้ำมัน รับประทานเป็นอาหารต้ม นึ่งซึ่งไม่ใช้น้ำมัน
            • ถ้าใช้น้ำมันควรใช้น้ำมันพืช ที่มีไขมันไม่อิ่มตัวสูงเช่น น้ำมันถั่วเหลือง ดอกทานตะวัน มะกอก ข้าวโพด รำข้าว เมล็ดดอกคำฝอย ส่วนน้ำมันปาล์มและน้ำมันมะพร้าว ควรเลี่ยงเนื่องจากจะทำให้ แอลดีแอลสูงทำให้หลอดเลือดตีบแข็งง่าย
            • งดอาหารที่มีไขมันสูง เช่น เนื้อติดมันและหนัง ถ้าจะรับประทานให้เอามันและหนังออกก่อน เครื่องในสัตว์ทุกชนิด ส่วนอาหารที่ควรหลีกลี่ยงหรือรับประทานนานๆครั้งได้แก่ อาหารทะเลพวกกุ้ง ปู ปลาหมึก ไข่แดง ไส้กรอก หมูยอ กุนเชียง เป็นต้น
            • อาหารที่สามารถรับประทานได้เป็นประจำคือ เนื้อไม่ติดมันไม่ติดหนัง ไข่ขาว ปลา ถั่วและธัญพืชต่าง ๆ
            • ควรรับประทานผักและผลไม้เป็นประจำทุกมื้ออาหารเนื่องจากลดการดูดซึมไขมันจากอาหารอื่นเข้าสู่ร่างกาย เพิ่มกากใยในอุจจาระทำให้ท้องไม่ผูก



21
การทำปากกระจับผ่าตัด หรือ ฉีดฟิลเลอร์ดี?
     “ปากกระจับ - ปากปีกนก” เป็นรูปทรงปากที่หลายคนปรารถนา และเป็นที่นิยมมากในเอเชีย  โดยเฉพาะปากกระจับ เป็นทรงที่ทำให้ใบหน้ามีมิติมากขึ้น ไม่ทำให้ปากบางหรือแบนเรียบจนเกินไปสำหรับคนที่อยากปรับรูปทรงปาก ทำปากกระจับ ทั้งปากกระจับบนปากกระจับล่างให้ดูเป็นธรรมชาติ
เสริมโหงวเฮ้งปากแต่ยังมีข้อสงสัยเกี่ยวกับขั้นตอนการทำ ข้อดี ข้อเสีย ทำปากกระจับกี่วันหายบวม? เจ็บไหม?
ปากกระจับ คืออะไร ?
“ปากกระจับ” คือรูปทรงปากที่มีลักษณะเนื้อบริเวณริมฝีปาก
ทั้งส่วนบนและล่าง ได้รูปสวยงามรับกับใบหน้า รูปทรงปากมีความโค้งเรียวสวย
คล้ายกับผลกระจับ จึงเป็นที่มาที่เรียกว่า ปากกระจับ หรือบางคนเรียก ปากปีกนก
เพราะมีลักษณะมุมปากแหลมยกขึ้นคล้ายปีกนก ทำให้รูปปากมีความอ่อนหวานมีเสน่ห์
 
การผ่าตัดปากกระจับ
การผ่าตัดปากกระจับมีข้อดี คือ
- สามารถรักษารูปทรงปากไว้ได้ถาวร
- เหมาะกับคนที่มีริมฝีปากหนามากๆไม่เป็นทรงและต้องการตัดเนื้อที่เยอะเกินไปออก
- แม้ว่าการผ่าตัดจะให้ผลถาวร แต่ก็มีความเสี่ยงมากเช่นกัน ต้องผ่าตัดกับแพทย์ที่มีความชำนาญระวังไม่ให้ผ่าไปโดนเนื้อเยื่อ กล้ามเนื้อสำคัญที่ใช้ในการพูด การเคลื่อนไหวของปาก และต้องมั่นใจว่าจะได้ปากกระจับทรงที่ต้องการ
- หลังจากผ่าตัดไปแล้วจะไม่สามารถแก้ไขได้ยิ่งในคนที่ปากบางอยู่แล้ว หากหมอทำให้ไม่ดี ตัดเนื้อออกมากเกินไปหรือผ่ารอยหยักไม่สวยเวลายิ้มจะทำให้เห็นเหงือกจนเสียความมั่นใจได้
- การผ่าตัดทำปากกระจับมีการเตรียมตัวและการรักษาตัวหลังผ่าตัดที่ค่อนข้างยุ่งยาก
- หลังจากผ่าตัดไปแล้วต้องใช้เวลานานกว่า 7-9 วัน ให้แผลสมานตัว และกว่าจะหายดีอาจต้องใช้เวลามากกว่า 2 สัปดาห์  ซึ่งในระหว่างนั้นก็ต้องระวังความสะอาดเป็นพิเศษ

การฉีดฟิลเลอร์ปากกระจับ
- แค่เติมฟิลเลอร์เข้าไปในจุดที่ต้องการเพียงเล็กน้อย (ปกติใช้ฟิลเลอร์ 1 CC) ก็ช่วยปรับทรงปากให้เป็นกระจับเป็นทรงสวยได้
- เหมาะกับคนที่ปากบาง หรือปากไม่หนามาก สามารถปรับแต่งได้ทั้งปากระจับบน และปากกระจับล่าง
- การฉีดฟิลเลอร์ปากกระจับมีความปลอดภัยสูงทำออกมาแล้วปากดูเป็นธรรมชาติหากฉีดฟิลเลอร์ปากกับแพทย์ที่มีประสบการณ์ก็ปลอดภัย 100%
- ถ้าไม่พอใจกับรูปปากก็สามารถฉีดสลายได้ ไม่เป็นอันตราย
- สามารถฉีดยกมุมปากได้ ช่วยปรับรูปหน้าโดยรวมให้ดูหวานและอ่อนเยาว์มากขึ้น
- ฟิลเลอร์ไม่สามารถอยู่ได้ถาวร แต่ก็ไม่ต้องผ่าตัดหลังทำไม่มีรอยแผล เห็นผลทันทีและไม่ต้องพักฟื้น



22
ฉีดฟิลเลอร์เข็มทู่หรือเข็มแหลมแบบไหนดีกว่า
     คงรู้กันอยู่แล้วว่าการฉีดฟิลเลอร์เพื่อเติมเต็ม นั้นไม่ต้องเสียเวลาในการพักฟื้น และเหมาะสำหรับคนที่ไม่ต้องการให้ใครมาถามว่าไปทำสวยที่ไหนมา แล้วหลายๆคนก็คงไม่อยากให้มีรอยเขียวช้ำบริเวณใบหน้า เพราะจะได้ไม่จุดสังเกตต้องมานั่งตอบคำถามของใครหลายๆคนที่ และทางเลือกหนึ่งที่สามารถลดรอยเขียวช้ำได้ ก็คือ การใช้เข็มทู่สำหรับการเติมเต็มฟิลเลอร์นั่นเอง

การใช้เข็มทู่
ในการฉีดฟิลเลอร์จะช่วยลดการเกิดรอยช้ำรอยเขียวได้ แต่การจะใช้เข็มปลายทู่ในการฉีดฟิลเลอร์ แพทย์นั้นจะต้องมีประสบการณ์ในการใช้เข็มปลายทู่  เพื่อให้สามารถฉีดฟิลเลอร์ได้อย่างเรียบเนียนไม่เป็นก้อน แล้วถ้าหากผิวหน้าของคนไข้บางคนมีลักษณะของหลุมสิวอยู่เป็นจำนวนมาก หรือเคยมีแผลเป็นมาก่อน ยิ่งต้องอาศัยความชำนาญของแพทย์ในการฉีดเพื่อเลาะพังผืดที่อาจมีอยู่ภายใต้หลุมสิว หรือแผลเป็น
ข้อดี
- รอยเปิดเข็มน้อย
- สามารถหลีกเลียงเส้นเลือดและการแทงทะลเนื้อเยื่อ ลดอาการบาด เจ็บของเส้นเลือดในบริเวณเนื้อเยื่อได้
- อัตราการเกิดเขียวซ้ำาน้อยลง
- เหมาะสมกับบริเวณทีจะต้องใช้ความละเอียดสูง
ข้อเสีย
- ต้องใช้เทคนิคและความชำนาญของแพทย์
- ถ้าแพทย์ฉีดออกแรงเยอะ หรือเส้นเลือดเปราะก็อาจทำให้แทงโดนเส้นเลือดได้

การใช้เข็มแหลม
มีบางตำแหน่งที่ไม่สามารถใช้เข็มทู่ในการฉีดฟิลเลอร์ได้ และส่วนมากจะเป็นตำแหน่งที่ต้องอาศัยความแม่นยำในการฉีด โดยเริ่มจากการฉีดในปริมาณที่น้อย เพื่อให้มีมิติพุ่งออกมา หรืออาจจะเป็นตำแหน่งที่ต้องฉีดในจุดที่ลึกมาก ก็จำเป็นต้องใช้เข็มแหลมในการฉีดครับ ดังนั้นการใช้เข็มในการฉีดเพื่อเติมเต็มนั้นไม่ได้แปลว่าการใช้เข็มทู่ในการฉีดจะดีกว่าการใช้เข็มแหลมเสมอไป เพราะขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่เราต้องการฉีดด้วย แต่ถึงยังไงหมอแนะนำว่าควรปรึกษากับแพทย์ ว่าใช้เทคนิคหรือเข็มแบบไหนถึงจะเหมาะสมกับการเติมเต็มตำแหน่งนั้นๆ ดีกว่า
ข้อดี
- สะดวกและง่ายต่อการใช้งาน
- เหมาะกับการใช้ในบางบริเวณ เช่น แอเรียที่ต้องใช้ความแม่นยำ หรือใช้ในการลิฟติ้ง เช่น ลิพบริเวณข้างโหนกแก้ม ขมับ ปลายคาง หรือฉีดร่องแก้มลึกๆ ได้
ข้อเสีย
- ในการฉีดแต่ละครั้ง จะมีรูเปิดเข็มหลายรอย
- มีโอกาสเกิดเขียวซ้ำได้สูง จากการบาดเจ็บของเนื้อเยื่อ
- และหลอดเลือด


23
แม่และเด็ก | Child / มีบุตรยาก ทำยังไงดี ?
« เมื่อ: มกราคม 15, 2022, 02:38:04 PM »
มีบุตรยาก ทำยังไงดี ?
อยากมีลูก
การที่คู่สมรสจะมีลูกยากหรือง่ายนั้นมักจะเกี่ยวกับอายุของฝ่ายหญิงและความถี่ในการร่วมเพศเมื่อมีอายุมากขึ้นและร่วมเพศน้อยลง โอกาสตั้งครรภ์ก็จะน้อยลงตามไปด้วยยิ่งถ้าร่วมเพศไม่ตรงกับช่วงตกไข่ด้วยแล้วก็จะไม่ทำให้ตั้งครรภ์ได้เพราะไข่ที่ตกแล้วจะอยู่ได้เพียง 24 ชั่วโมงเท่านั้นนอกจากนี้ถ้าฝ่ายหญิงมีโรคหรือความผิดปกติเกี่ยวกับมดลูก ท่อนำไข่ และรังไข่ เช่นเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ เนื้องอกมดลูก ฯลฯก็จะยิ่งทำให้โอกาสมีลูกเองตามธรรมชาติลดลงแม้การทำ IUI นั้นจะมีโอกาสมากกว่าแต่ลองมาดูวิธีแบบธรรมชาติกันก่อน
วิธีการมีลูก
1.วางแผนมีลูกตั้งแต่อายุยังน้อย ผู้หญิงที่มีลูกดกส่วนใหญ่แล้วจะแต่งงานเร็ว
ซึ่งตรงกันข้ามกับคู่ที่แต่งงานช้า โดยช่วงวัยที่เหมาะสมและมีโอกาสตั้งครรภ์ได้มาก
คือ ช่วงอายุ 20-30 ปี
เนื่องจากร่างกายมีความสมบูรณ์เต็มที่
ถ้าตั้งครรภ์ได้ก็จะมีโอกาสเกิดโรคแทรกซ้อนได้น้อยมาก
 
2.ร่วมเพศให้ถูกวัน การมีเพศสัมพันธ์ในช่วงไข่ตกจะทำให้มีโอกาสตั้งครรภ์ได้มากที่สุด
โดยปกติแล้วไข่จะตกในช่วงประมาณ 2 สัปดาห์ก่อนที่ประจำเดือนรอบใหม่จะมา
ถ้าสตรีมีรอบเดือนมาสม่ำเสมอและมีรอบเดือนมาทุก ๆ 28 วันเสมอ วันไข่ตกก็อยู่ในช่วงวันที่ 14 ของรอบเดือน (นับวันที่ประจำเดือนมาวันแรกเป็นวันที่ 1 ของรอบเดือน) ดังนั้น
ฝ่ายชายจึงสามารถเริ่มมีเพศสัมพันธ์ในช่วงก่อนวันตกไข่ได้ประมาณ 2 วัน คือ ตั้งแต่วันที่ 12 ของรอบเดือน เพราะอสุจิจะมีชีวิตรอผสมไข่อยู่ได้ประมาณ 2 วันก่อนการตกไข่ (มีคำแนะนำว่าให้มีเพศสัมพันธ์ในวันที่ 13, 15 และ 17 ของรอบเดือน
เพราะเป็นช่วงวันไข่ตก โดยดักทั้งหน้า กลาง และหลังวันไข่ตก)
ส่วนในกรณีที่มีรอบเดือนมาไม่สม่ำเสมอหรือมาค่อยตรงเวลา
การคำนวณวันไข่ตกก็อาจจะเกิดความคลาดเคลื่อนได้
แต่เราก็มีวิธีหาวันตกไข่ได้อย่างแม่นยำหลากหลายวิธีด้วยกันครับ เช่น
การตรวจวัดอุณหภูมิ, การตรวจมูกที่ปากมดลูก, การใช้ชุดตรวจการไข่, การตรวจน้ำลาย ฯลฯ สามารถอ่านเรื่อง "วันไข่ตก"
 
3.ความถี่ในการร่วมเพศ แม้ว่าการมีเพศสัมพันธ์ทุกวันจะช่วยเพิ่มโอกาสการตั้งครรภ์ได้จริง
แต่ก็อาจจะเป็นการเพิ่มความเครียดและทำให้ปริมาณของอสุจิลดน้อยลงด้วย
โดยทั่วไปจึงมีคำแนะนำให้มีเพศสัมพันธ์วันเว้นวันหรือ 2 วันครั้ง จะช่วยเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์ได้มากกว่า
เพราะอสุจิที่ปล่อยออกมาจะมีความสมบูรณ์แข็งแรงและแหวกว่ายเข้าไปได้ถึงปลายทาง
เมื่อทราบดังนี้แล้วก็อย่าหักโหมมากเกินไป
 
 


24
การตรวจที่ดินก่อนสร้างบ้าน ป้องกันปัญหาบ้านทรุด ที่ดินเป็นโพรง
     เนื่องจากการสร้างบ้านหนึ่งหลังนั้นจำเป็นที่จะต้องมีปัจจัยต่างๆ มากมาย และการตรวจที่ดินก็เป็นสิ่งที่ที่เจ้าของบ้านต้องให้ความสำคัญ เพราะปัญหาที่ดินที่ไม่พร้อมนั้นสามารถส่งผลต่อไปได้ในอนาคตไม่ว่าจะเป็น ปัญหาดินทรุด เกิดโพรงใต้บ้าน ที่ส่งผลต่อโครงสร้างของบ้านที่อาจจะถล่มพังลงมา และต้องสูญเสียเงินทองไปกับการ ซ่อมบ้านทรุด ทั้งก่อให้เกิดการสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สิน ดังนั้นวันนี้เราจึงจะมาแนะนำวิธีตรวจแปลงที่ดินก่อนซื้อหรือก่อนจะนำไปสร้างบ้านเพื่อดูว่า พื้นที่ตรงนั้นเหมาะสมที่จะนำไปสร้างหรือไม่?
วิธีตรวจที่ดินก่อนสร้างบ้าน ตรวจที่ก่อนซื้อต้องดูอะไรบ้าง?
1. ตรวจสอบประวัติพื้นที่ดิน
สิ่งที่ควรให้ความสำคัญในการตรวจสอบที่ดินก็คือ การเช็กประวัติของพื้นที่นั้นๆ ว่า มีประวัติความเป็นมาอย่างไร? ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงการตรวจสอบประวัติอาชญากรรมเพียงอย่างเดียว แต่ควรตรวจสอบประวัติอุทกภัยว่า พื้นที่แห่งนี้เคยเกิดน้ำท่วมหรือไม่? และระยะเวลาในการเกิดแต่ละครั้งนั้นมีความห่างของช่วงระยะปีอย่างไร เกิดขึ้นบ่อยแค่ไหน โดยวิธีการตรวจสอบก็สามารถทำได้หลากวิธี เช่น สอบถามกับชาวบ้านบริเวณใกล้เคียง
การค้นหาในอินเทอร์เน็ตเพื่อย้อนดูข่าวเก่า หากเคยมีประวัติน้ำท่วมในพื้นที่ควรตรวจเช็กระดับสูงสุดของน้ำว่าเคยขึ้นสูงระดับใด เช็กระดับน้ำในท่อระบาย เพื่อหาทางป้องกันต่อไปในอนาคตหากคุณเข้ามาอาศัยในพื้นที่แห่งนี้ เช่น การถมที่ให้สูงขึ้นเพื่อป้องกันน้ำท่วม หรือทำทางเดินน้ำ เพื่อป้องกันน้ำเข้ามา หรือช่องทางระบายออกจากบ้านเป็นต้น
2. เช็กระดับพื้นดิน
การเช็กระดับพื้นที่ส่วนใหญ่มักจะตรวจเช็กในพื้นที่ดินข้างเคียงและถนนหน้าบ้าน เพื่อใช้เป็นแนวทางในการถมที่ในกรณีที่พื้นที่นั้นมีหน้าดินที่ไม่สม่ำเสมอ หรือมีระดับที่ต่ำกว่าพื้นที่ดินข้างเคียงและถนนหน้าบ้าน โดยปกติจะนิยมถมเพิ่มให้สูงกว่าในระดับประมาณ 50-80 เซนติเมตร แต่เกินกว่านี้จะไม่ค่อยเป็นที่นิยมเพราะเพิ่มโอกาสเสี่ยงที่จะทำให้รั้วบ้านเสียหาย และค่าใช้จ่ายในการถมที่มีราคาที่แพงกว่ามาก
3. ดูขยะในดิน
ต้องดูว่าพื้นที่บริเวณนั้นมีเศษขยะ หรือเศษใบไม้ใบหญ้ามากน้อยแค่ไหน เช่น ใบไม้ โฟม เศษอิฐหรือคอนกรีต ทางที่ดีควรสุ่มตรวจโดยการขุดดูในบริเวณตื้นๆ ด้วยว่าภายในนั้นมีเศษขยะหรือไม่ และหากต้องการถมที่เพิ่มเติมจะต้องมั่นใจก่อนว่า ได้ทำการกวาดเก็บเศษขยะเหล่านี้ (รวมถึงใบไม้) ออกไปหมดแล้ว เพราะหากถมทับลงไปเลยโดยไม่ทำความสะอาดสิ่งของเหล่านี้จะเกิดเป็นช่องว่างของดินที่อาจจะทำให้เกิดบ้านทรุดในอนาคตได้


25
มาตรฐานโรงงานผลิตเครื่องสำอางและอาหารเสริม มีอะไรบ้าง?
     ผู้ประกอบธุรกิจเครื่องสำอางและอาหารเสริมรายใหม่คงเลือก โรงงานผลิตครีม เครื่องสำอาง อาหารเสริม แทนการลงทุนสร้างโรงงานเองนั้นเป็นเพราะว่ามีความเสี่ยงน้อยกว่าและใช้เม็ดเงินลงทุนน้อยกว่าเมื่อเทียบกับการต้องมาซื้อเครื่องจักรมาผลิตเองแต่ทว่ากลับมีข้อเสียที่ผู้ประกอบการต้องระมัดระวังเป็นอย่างมากหากเลือกโรงงานผลิตเครื่องสำอางและอาหารเสริมที่ไม่ได้มาตรฐานเหมือนกับการฆ่าแบรนด์ของตัวเองทางอ้อมได้เลย
1.หลักเกณฑ์ที่ดีในการผลิต ตามกระทรวงสาธารณสุข (GMP)
หลักเกณฑ์หนึ่งที่ใช้ชี้วัดมาตรฐานโรงงานผลิตครีมและอาหารเสริมคือมาตรฐานGMP(Good Manufacturing Practice)เป็นมาตรฐานตรวจวัดขั้นตอนการผลิตของกระทรวงสาธารณสุขซึ่งเป็นหลักเกณฑ์วัดสถานที่ผลิตภัณฑ์ต้องมีความสะอาดถูกสุขภาพอนามัยการผลิตถูกต้องปราศจากการปนเปื้อนในสายการผลิตตลอดถึงควบคุมบุคลลากรในการผลิตให้ถูกต้องเป็นไปตามมาตรฐานกล่าวโดยรวมคือการดูแลการผลิตครอบคลุมทั่วโรงงานซึ่งโรงงานผลิตเครื่องสำอางจำเป็นต้องมีGMPเป็นไปตามข้อบังคับของกระทรวงสาธารณสุขที่มีหน้าที่ตรวจสอบโดยบริษัทเอกชนจะไม่มีสิทธิ์เข้าดำเนินการตรวจสอบใดๆทั้งสิ้น
2.มาตรฐานไอเอสโอ ISO มาตรฐานคุณภาพระดับโลก
ISO (International Standards Organization)หรือมาตรฐานไอเอสโอเป็นมาตรฐานสากลหากโรงงานผลิตเครื่องสำอางและอาหารเสริมใดมีISOแสดงว่าเครื่องสำอางและอาหารเสริมนั้นมีมาตรฐานเป็นที่ยอมรับในระดับสากลซึ่งตัวเลขต่อท้ายISOมีความหมายแตกต่างกันแต่ISOที่มีความสำคัญกับอุตสาหกรรม เครื่องสำอางและอาหารเสริมคือ ISO 9001 และ ISO 22716
ISO 9001 คือการรับรองคุณภาพด้านการจัดการขององค์กรโดยจำแนกมาตรฐานดังนี้
1.สินค้าและบริการมีมาตรฐาน
2.ลูกค้าเป็นบุคคลสำคัญ
3.บริการรวดเร็วตรวจสอบได้ โดยการสื่อสารมีประสิทธิภาพ มีแผนปฏิบัติงานอย่างชัดเจน พนักงานมีความรู้ความสามารถ
4.ทุกกระบวนการมีผู้ตรวจสอบดูแลทุกขั้นตอน
5.มีการวิเคราะห์และประเมินผล ทำให้ผลิตภัณฑ์มีประสิทธิภาพ
ISO 22716:2007 เป็นระเบียบใหม่ของสหภาพยุโรปเพื่อกำหนดให้เครื่องสำอางและอาหารเสริมที่จำหน่ายในสหภาพยุโรปต้องมีระบบการจัดการที่ถูกสุขลักษณะหรือเปรียบเทียบมาตรฐาน GMP ระดับประเทศระดับเอเชียโดยมีขั้นตอนการปฏิบัติตามมาตรฐานดังนี้
1.ควบคุมการจัดเก็บ
2.การขนส่งผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอางและอาหารเสริม
3.มีการจัดการปัจจัยต่างๆที่เกี่ยวกับคุณภาพของ เครื่องสำอางและอาหารเสริม -
4.การจัดการระบบเอกสารอย่างมีระบบระเบียบ
5.มีการควบคุมการผลิต



26
ท่อ PE คือ
ท่อพีอี คือ คำเรียกแบบย่อ ซึ่งหมายถึงท่อพลาสติกสีดำชนิดหนึ่ง ที่ผลิตจากพอลิเอทิลีน สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท คือ
1.ท่อ HDPE คือ ท่อ pe ความหนาแน่นสูง ซึ่ง HDPE ย่อมาจาก High Density Polyethylene มีความหนาแน่นไม่น้อยกว่า 0.95 กรัมต่อลบ.ซม. ใช้ในงานท่อน้ำประปา และงานท่อร้อยสายงานระบบ
2.ท่อ LDPE คือ ท่อ pe ความหนาแน่นต่ำ ซึ่ง LDPE ย่อมาจาก Low Density Polyethylene มีความหนาแน่นน้อยกว่า 0.95 กรัมต่อ ลบ.ซม. ซึ่งจะมีคุณสมบัติเรื่อง ความคงทนแข็งแรงต่ำกว่า HDPE ใช้ในงานท่อส่งน้ำในงานเกษตร
ทั้งนี้ โดยส่วนใหญ่หากเรียกท่อ pe ประปา จะหมายถึง ท่อ HDPE ประปา แต่เนื่องจากท่อพีอี มีคุณสมบัติที่โดดเด่น เป็นได้ทั้งท่อประปา และท่อร้อยสายไฟ หากเรียก ท่อ pe เพียงแค่นี้ อาจทำให้เกิดความสับสนระหว่างสินค้าได้ ผู้ที่ต้องการซื้อท่อ pe จึงต้องระบุให้ชัดเจนว่า เป็นท่อ pe ใช้สำหรับงานระบบประปา

คุณสมบัติท่อ HDPE
1. ปราศจากสารพิษ ทนทานต่อสารเคมี แสงแดด และแรงกดแรงกระแทก
ท่อ PE มีคุณสมบัติเป็นกลางทางเคมี ทนต่อกรด-ด่าง ความปลอดภัยสำหรับการใช้ท่อส่งน้ำดื่ม และสามารถส่งของเหลวชนิดต่างๆได้ไม่ผุกร่อน ผลิตจากพลาสติกที่ได้รับการพัฒนาเพื่อนำมาใช้งานในเชิงวิศวกรรม มีสารป้องกัน UV ทนทานต่อแสงแดด ไม่เสียหายหรือแตกหักง่ายจากการกระแทก อายุการใช้งานมากกว่า 50 ปี
2. การไหลของน้ำในท่อดี แรงเสียดทานต่ำ
ท่อ PE มีผิวภายในท่อลักษณะเรียบมัน ไม่เป็นสนิม และไม่จับคราบหินปูน เมื่อเปรียบเทียบกับท่อชนิดอื่นๆ ในขนาดเท่ากัน การไหลของน้ำในท่อมีความสียดทานต่ำ ของเหลวสามารถไหลผ่านท่อได้ดี
3. แรงดันท่อ PN และชั้นคุณภาพ PE
การกำหนดชั้นคุณภาพที่จะใช้งานต้องระบุความสามารถในการรับแรงดันของตัวท่อ เป็น PN และกำหนดความแข็งแรงในการรับน้ำหนักของวัสดุ เป็น PE ไว้ควบคู่กัน เช่น ท่อ HDPE PN10 PE100 เป็นต้น
ประโยชน์ของท่อ pe ประปา คือ
1. ใช้ในงานการประปา ท่อน้ำดื่ม ท่อน้ำใช้
2. ใช้ในงานอุตสาหกรรมเหมืองแร่
3. ใช้ในงานอุตสาหกรรมทั่วไป เคมี อาหาร
4. ใช้ในท่อร้อยสายไฟ และสายเคเบิ้ล
5. ใช้เป็นท่อน้ำทิ้ง และท่อน้ำเสีย
6. ใช้เป็นท่อส่งก๊าซธรรมชาติ
7. ใช้ในงานการเกษตร สวนป่า สวนเกษตร สนามกอล์ฟ

27
ภาวะไขมันในเส้นเลือดสูง
           เป็นภาวะที่ร่างกายมีไขมันในเลือดมากกว่าปกติ ไขมันที่สูงนั้นอาจเป็นโคเลสเตอรอล (Cholesterol) หรือ ไตรกลีเซอไรด์ (Triglyceride) ภาวะไขมันในเส้นเลือดสูง เรียกว่า Hyperlipidemia เป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด เส้นเลือดตีบอุดตัน เลือดไหลไปเลี้ยงอวัยวะต่างๆ ของร่างกายไม่เพียงพอและเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้

สาเหตุของภาวะไขมันในเลือดสูง
           1. ความผิดปกติทางกรรมพันธุ์ ทำให้ร่างกายเผาผลาญทำลายไขมันลดลง
           2. การรับประทานอาหารที่ผิดหลักโภชนาการ
                       - รับประทานอาหารทีมีส่วนประกอบที่มีน้ำตาลมาก
                       - รับประทานอาหารเกินความจำเป็นของร่างกายใน 1 วัน
                       - การรับประทานอาหารที่มีไขมันมาก เช่น กะทิ เนื้อสัตว์ที่มีไขมันมาก อาหารทอดที่อมน้ำมัน
           3. การดื่มเหล้าหรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ในปริมาณมากและเป็นประจำ
                4. การใช้ยาบางชนิด หรือโรคบางอย่าง เช่น ยาขับปัสสาวะ ยาคุมกำเนิด โรคเบาหวาน โรคต่อมไทรอยด์ทำงานได้น้อย โรคไต เป็นต้น

อันตรายของภาวะไขมันในเส้นเลือดสูง
- เกิดจากเส้นเลือดแดงอุดตัน ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของโรคหัวใจขาดเลือด และอัมพฤกษ์
- อันตรายของภาวะไขมันในเส้นเลือดสูง
- ปวดท้อง บางรายอาจรุนแรงถึงขั้นตับอ่อนอักเสบได้
- ปื้นเหลืองที่ผิวหนัง มีลักษณะเป็นปื้นหนา โดยตรงกลางมีสีเหลือง ส่วนฐานของเม็ดพุพองนี้จะมีลักษณะสีแดง จะพบเมื่อไตรกลีเซอร์ไรด์สูงอย่างมาก จุดที่เกิด เช่น หนังตา ข้อศอก เข่า ฝ่ามือ
- ระบบประสาททำงานผิดปกติ ผู้ป่วยบางรายมีอาการดินโซเซ และกล้ามเนื้อแข็งเกร็ง
- ปวดข้อ แขน ขา ตึง เหยียดได้ไม่ถนัด
- หลอดเลือดแดงแข็งมีผลทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองไม่พอเกิดอัมพาตได้

การปฏิบัติตัวของผู้ที่มีภาวะไขมันในเส้นเลือดสูง
1. เปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคอาหาร โดย
   - ลดปริมาณอาหารที่มีโคเลสเตอรอลสูง ได้แก่ สมองสัตว์ ไข่แดง หอยนางรม ปลาหมึก กุ้ง เครื่องในสัตว์ โดยจำกัดให้ได้รับได้ไม่เกินละ 300 มิลลิกรัม ต่อวัน
   - ลดอาหารที่มีปริมาณไขมันสูง เช่น ข้าวขาหมู ข้าวมันไก่ หมูสามชั้น หนังเป็ด – ไก่
   - การปรุงอาหารที่ใช้วิธี นึ่ง ต้ม อบ ย่าง แทนการทอดหรือการใช้น้ำมันผัด
        - งดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ เช่น เหล้า เบียร์
2. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
   เช่น วิ่งเหยาะ ๆ เดินเร็ว ปั่นจักรยาน ว่ายน้ำ อย่างน้อยวันละ 30 – 45 นาที สัปดาห์ละ 3 – 5 ครั้ง
3. หลีกเลี่ยงภาวะเครียด
4. ควบคุมน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ

 
 
 


28
ความงาม | Beauty / ทำไมต้องฉีดฟิลเลอร์?
« เมื่อ: มกราคม 10, 2022, 06:17:02 PM »
ฟิลเลอร์ Filler
           ฟิลเลอร์ คือ สารเติมเต็ม Hyaluronic Acid หรือ HA ช่วยเติมเต็มหรือเสริมชั้นในผิวหนังและใต้ผิวหนัง ที่ช่วยลดและแก้ไขปัญหาผิว ริ้วรอยร่องลึก บริเวณต่างๆ ของใบหน้า ให้กลับมาดูอ่อนเยาว์ กระชับ เปล่งปลั่ง
ฟิลเลอร์ปลอดภัยไหม?
           ฟิลเลอร์เป็นเครื่องมือทางการแพทย์ที่ได้รับการรับรองโดยองค์กรอาหารและยาจากประเทศสหรัฐอเมริกา หรือ FDA เป็นสารสกัดจากธรรมชาติที่มีความปลอดภัยสูง และจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องให้แพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน รู้เทคนิคการฉีดที่ถูกต้องเหมาะสม และวิเคราะห์ปริมาณยาและตำแหน่งที่ฉีดได้อย่างแม่นยำ และจะต้องฉีดในสถานพยาบาลที่มีมาตรฐานได้ รับอนุญาตเพราะหากฉีดโดนเส้นเลือดหรือบริเวณอื่นๆ ที่ไม่ต้องการ อาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้
ทำไมต้องฉีดฟิลเลอร์
  1. เพื่อต้องการลดและแก้ไขปัญหาริ้วรอยร่องลึก บริเวณต่างๆ ของใบหน้า เช่น หน้าผาก รอบดวงตา ร่องลึกมุมปาก
  2. เพื่อบำรุงผิวหน้าให้กลับมาคงความอ่อนเยาว์ สดใส เปล่งปลั่ง
  3. เพื่อแก้ไขปัญหากังวลเรื่องรูขุมขน หลุมสิวบนใบหน้า
  4. เพื่อแก้ไขปรับแต่งรูปหน้า เช่น เติมริมฝีปาก ร่องแก้ม และยังช่วยทำให้แก้มดูตอบได้
ฟิลเลอร์ฉีดตรงไหนได้บ้าง?
ขมับ เติมเต็มใบหน้าให้สวย อ่อนเยาว์ ดูมีมิติ
แก้ม แก้มตอบ ใบหน้าเล็กลง ไขมันแก้มลดลง
ริมฝีปาก เติมเต็มร่องปากให้ดูอวบอิ่ม ยกมุมปากให้เป็นทรงสวย
คาง ปรับรูปหน้า ใบหน้าเรียวขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ กรอบหน้าคมชัด เหนียง, คาง 2 ชั้นลดลง
ใต้ตา ลดปัญหารอยดำ ร่องลึก ถุงใต้ตาเรียบตึงขึ้น
ข้อควรปฏิบัติก่อนฉีดฟิลเลอร์
1.ศึกษาข้อมูลที่จำเป็น ทั้งการเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน การเลือกหมอ เทคนิคในการทำ รวมไปถึงวิธีการสังเกตฟิลเลอร์แท้แต่ละยี่ห้อ เพื่อความปลอดภัยและมั่นใจว่าจะได้ผลลัพธ์ที่ดี คุ้มค่า
2.มียาและวิตามินบางชนิดที่ควรงดก่อนฉีดฟิลเลอร์ แอสไพริน, NSAIDs, วิตามิน St. Johns Wort, gingko biloba, primrose oil, garlic, ginseng และ Vitamin E
3.สามารถแจ้งเพื่อขอแปะยาชาก่อนฉีดฟิลเลอร์ได้ และหมอจะฉีดยาชาในจุดนั้น ๆ ให้ด้วย
4.หากมีโรคประจำตัวหรือยาที่ต้องรับประทานประจำควรแจ้งแพทย์ก่อนทำทุกครั้ง
5.งดคอร์สเลเซอร์และนวดหน้าอย่างน้อย 3 วัน ก่อนฉีด
6.งดยาผลัดเซลล์ผิว การดึงหรือโกนขนบริเวณที่จะฉีดฟิลเลอร์
7.แพทย์จะพิจารณาให้กินยาห้ามเลือดหรือฉีดยาลดบวมในบางเคส เพื่อลดความเสี่ยงในการบวมช้ำ อักเสบติดเชื้อ
 

29
ฟิลเลอร์ (Filler)
     ฟิลเลอร์ คือ สารเติมเต็มผิวชนิดหนึ่งที่มีส่วนผสมของกรดไฮยาลูรอนิค (Hyaluronic Acid) หรือ  “HA” ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยฟื้นฟูบริเวณชั้นผิวที่มีริ้วรอย ร่องลึก และรอยย่นต่างๆ บนใบหน้า ให้มีความชุ่มชื้น ผิวที่เหี่ยวย่นก็จะกลับมาเด้งเต่งตึง ลดรอยหมองคล้ำให้กลับมาสดใสอีกครั้ง ทำให้นิยมนำฟิลเลอร์มาฉีดบริเวณใต้ตา ฉีดลดรอยย่นบริเวณใบหน้า ฉีดเพิ่มบริเวณริมฝีปากแก้ริมฝีปากบาง เพิ่มความยาวของคางให้มีใบหน้ามีมิติ
 
ความร้อนทำให้ฟิลเลอร์ละลาย สลายเร็วจริงหรือไม่?
    ความร้อนกับฟิลเลอร์นั้น ถึงแม้ว่าจะเป็นสิ่งคู่กันที่หมอมักจะเตือนให้ระมัดระวังในช่วงแรกของการฉีดฟิลเลอร์ แต่เมื่อเวลาผ่านไปก็สามารถถูกความร้อนได้ตามปกติ เพราะฟิลเลอร์นั้นไม่ได้ไวต่อความร้อนขนาดนั้น ดังนั้นความร้อนจึงไม่ได้ส่งผลให้ฟิลเลอร์สลายตัวเร็วหรือทำให้การฉีดฟิลเลอร์ไม่ได้ผล
ทำไมฉีดฟิลเลอร์ ไม่เห็นผล?
สาเหตุของการฉีดฟิลเลอร์ไม่เห็นผล
    สาเหตุสามารถเกิดขึ้นได้หลายสาเหตุเนื่องจากในการที่คนไข้เข้ามาปรึกษาหมอเกี่ยวกับปัญหาบนใบหน้านั้น หมอจำเป็นที่จะต้องมีความเชี่ยวชาญเรื่องสรีระบนใบหน้าอย่างดี เพื่อจะได้วิเคราะห์ปัญหาได้ตรงจุด เพราะโครงหน้าของแต่ละคนมีไม่เหมือนกัน เมื่อวิเคราะห์แล้วก็จะทำมาหาวิธีการแก้ไข คำนวนปริมาณฟิลเลอร์ที่จะฉีดเข้าไป ซึ่งขั้นตอนการเลือกฟิลเลอร์นั้นเป็นสิ่งที่จำเป็นมาก เพราะฟิลเลอร์นั้นมีหลายยี่ห้อ มีหลายขนาดเมเลกุล หากเลือกใช้ไม่ถูกก็อาจจะทำให้ปัญหาของคนไข้ไม่หายได้
หากคนไข้ไปฉีดฟิลเลอร์มาจากคลินิกอื่น แต่ว่าไม่สามารถแก้ไขได้ จึงสามารถคาดเดาได้ว่า บางทีคลินิกนั้นๆ อาจจะยังไม่มีความเชี่ยวชาญพอที่จะคำนวนโครงสร้างใบหน้า ปริมาณฟิลเลอร์และขนาดโมเลกุลสำหรับฉีดบนใบหน้าได้อย่างเหมาะสม จึงทำให้ฉีดฟิลเลอร์แล้วไม่เห็นผล หรือเห็นผลได้น้อย
ใครที่เหมาะกับการฉีดฟิลเลอร์
- ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับใบหน้า เช่น รอยเหี่ยวย่น มุมปาก มุมแก้ม หน้าผากให้กลับมาเต่งตึง อ่อนเยาว์
- มีรอยหมองคล้ำบริเวณใต้ตา
- ต้องปรับรูปหน้าให้สวยและมีมิติมากขึ้น
คิดถึงฟิลเลอร์ให้คิดถึงคุณหมอกัน
นัดจองคิวล่วงหน้า หรือ ปรึกษาเพิ่มเติมได้ที่
https://www.theerathornclinic.com/blog/filler-break-down-fast/

 


30
ทำเด็กหลอดแก้ว
การทำอิ๊กซี่ (ICSI) คือเทคโนโลยีการเจริญพันธุ์ เป็นการปฏิสนธิภายนอกร่างกาย หรือที่เรียกว่า “การทำเด็กหลอดแก้ว” ถูกพัฒนาขึ้น เพื่อมาแก้ปัญหาที่การทำเด็กหลอดแก้วแบบ IVF ไม่สามารถทำได้ เช่น ผู้ชายที่เป็นหมัน น้ำเชื้อน้อย สเปิร์มไม่แข็งแรง หรือ ผู้หญิงที่มีปัญหาที่มดลูก ตัดปีกมดลูก ท่อนำไข่ตีบ ตัน คนที่อายุเยอะ คนที่มีปัญหาด้านสุขภาพ เช่น คนที่มีกลุ่มอาการถุงน้ำจำนวนมากในรังไข่ (PCOS) เป็นต้น
อาการและปัจจัยเหล่านี้ ล้วนส่งผลให้เกิดภาวะการมีบุตรยากได้ทั้งสิ้น ซึ่งการทำเด็กหลอดแก้วแบบอิ๊กซี่ (ICSI) เป็นวิธีที่จะช่วยเพิ่มโอกาสการปฏิสนธิและทำให้เกิดการตั้งครรภ์ได้สูงกว่าวิธีอื่น
    ข้อดีของการทำเด็กหลอดแก้ว
1.ใช้รักษาผู้ป่วยได้ทุกกลุ่มอายุ โดยเฉพาะผู้หญิงในกลุ่มเสี่ยงภาวะมีบุตรยาก อายุเฉลี่ย 35ปีขึ้นไป
2.ช่วยให้ผู้ป่วยตั้งครรภ์ที่มีความสมบูรณ์ได้ แม้ผู้ป่วยจะมีอายุมากแล้ว
3.เพิ่มโอกาสตั้งครรภ์สำเร็จ มากกว่าปกติสำหรับคนที่ตั้งครรภ์ยาก
4.เป็นวิธีการรักษาภาวะมีบุตรยาก ที่มีโอกาสตั้งครรภ์สำเร็จสูงที่สุด เมื่อเทียบกับวิธีการรักษาอื่นๆ
5.ลดความเสี่ยงที่ทารกจะมีความผิดปกติ (เช่น ดาวน์ซินโดรม ธาลัสซีเมีย เป็นต้น)

เด็กหลอดแก้วด้วยวิธี ICSI จะเสี่ยงแท้งง่ายกว่าปกติไหม?
    ภาวะแท้งนั้นเกิดขึ้นได้จากหลากหลายปัจจัย ซึ่งสามารถเกิดได้ทั้งกับครรภ์ปกติและครรภ์จากเทคโนโลยีทางการแพทย์ ขึ้นอยู่กับคุณภาพ ความพร้อม และหลักการปฏิบัติตัวของผู้ที่ตั้งครรภ์ ดังนั้นการทำ ICSI จึงไม่ได้ทำให้เกิดการแท้งง่ายกว่าวิธีอื่นๆ
    การทำเด็กหลอดแก้วนั้นไม่ได้มีข้อบ่งชี้ว่าจะทำให้เด็กที่เกิดมามีความอ่อนแอ หรือป่วยง่ายกว่าเด็กที่เกิดจากการตั้งครรภ์แบบปกติ เพราะเด็กที่เกิดมาจะมีความร่าเริงแข็งแรงเหมือนกับเด็กทั่วไป ยังมีโอกาสได้ลูกแฝดได้มากกว่าปกติ เนื่องจากในขั้นตอนการย้ายตัวอ่อนกลับเข้าไปในมดลูก หมอมักจะใส่ตัวอ่อนเข้าไปมากกว่า 1 ตัวเพื่อเพิ่มโอกาสการตั้งครรภ์ให้เพิ่มมากขึ้น ซึ่งในบางกรณีที่ตัวอ่อนเกิดการฝังในโพรงมดลูกมากกว่า 1 ตัว ก็สามารถทำให้คนไข้มีโอกาสตั้งครรภ์แฝดได้ และแม้ฝ่ายชายนั้นจะเป็นหมัน หรือ ทำหมันก่อนหน้านี้ หากต้องการมีบุตรก็สามารถมีบุตรได้ครับ โดยแพทย์จะทำการดูดน้ำเชื้อออกมาจากอัณฑะ แล้วนำมาเข้าสู่กระบวนการทำ ICSI ต่อไป

สรุปแล้วการทำเด็กหลอดแก้วนั้นแทบไม่มีความเสี่ยงเลย สนใจการทำเด็กหลอดแก้ว ติดต่อสอบถามได้ที่ https://worldwideivf.com/services/icsi/

31
อาหารเสริม
อาหารเสริม คือ สารอาหารที่ใช้รับประทานเพิ่มเติมจากมื้ออาหารหลัก ใช้เพื่อวัตถุประสงค์ทางการแพทย์ หรือเพื่อบำรุงสุขภาพตามความเชื่อของบางบุคคล ส่วนสารอาหารที่มักถูกนำมาทำเป็นอาหารเสริม ได้แก่ วิตามิน แร่ธาตุ กรดอะมิโน สมุนไพรต่าง ๆ เป็นต้น
อาหารเสริมถูกผลิตออกมาโดยโรงงานผลิตอาหารเสริมเพื่อให้สามารถรับประทานได้ในหลากหลายรูปแบบ ทั้งแบบเม็ด แบบแคปซูล แบบผง หรือแบบน้ำ โดยอาหารเสริมอาจเป็นส่วนหนึ่งในกระบวนการรักษาทางการแพทย์ ที่ผู้ป่วยต้องรับประทานภายใต้การดูแลจากแพทย์เท่านั้น หรืออาจถูกวางจำหน่ายตามร้านขายยา ซึ่งผู้บริโภคควรรับประทานตามคำแนะนำของเภสัชกรและข้อบ่งชี้ที่ระบุบนฉลากอย่างเคร่งครัด
ทำไมต้องรับประทานอาหารเสริม ?
การรับประทานอาหารเสริมอาจช่วยบำรุงสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงได้ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ไม่ใช่ทุกคนที่จำเป็นต้องรับประทานอาหารเสริมเพิ่มเติมจากสารอาหารที่ได้รับจากมื้ออาหาร เพราะสารอาหารที่จำเป็นต่อกระบวนการเจริญเติบโตของร่างกายหรือการมีสุขภาพดีโดยส่วนใหญ่ สามารถหาได้จากการรับประทานอาหารให้ครบโภชนาการทั้ง 5 หมู่ในปริมาณที่เหมาะสม
ส่วนผู้ที่อาจมีความจำเป็นต้องรับประทานอาหารเสริม ได้แก่ ผู้ที่กำลังป่วยด้วยภาวะต่าง ๆ ผู้ที่แพทย์วินิจฉัยแล้วว่าร่างกายมีภาวะขาดสารอาหารชนิดใด ๆ ก็ตาม ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์หรือวางแผนมีบุตร และผู้ที่ไม่สามารถบริโภคสารอาหารเหล่านั้นได้ในปริมาณที่ร่างกายสมควรได้รับ เป็นต้น ทั้งนี้ หากร่างกายขาดสารอาหารบางชนิด อาจทำให้เกิดภาวะอาการป่วยที่สร้างปัญหาแก่สุขภาพได้ เช่น
- การขาดวิตามินเอ อาจทำให้เกิดอาการอ่อนเพลีย เมื่อยล้า เสี่ยงต่อการเกิดปัญหาทางสายตา ภาวะผิวแห้ง ผมแห้ง หรือคันระคายเคืองที่ผิวหนัง เป็นต้น
- การขาดวิตามินบี อาจทำให้เกิดภาวะโลหิตจาง มือชา เมื่อยล้า อ่อนเพลีย ซึมเศร้า ผิวหนังอักเสบ หรือปากนกกระจอก เป็นต้น
- การขาดวิตามินซี อาจทำให้เกิดอาการอ่อนเพลีย ปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อ ผิวแห้ง ผมแตกปลาย เกิดรอยฟกช้ำได้ง่าย เลือดออกตามไรฟัน เหงือกบวมโรคลักปิดลักเปิด และภูมิคุ้มกันร่างกายต้านทานการติดเชื้อได้ไม่ดีเท่าที่ควร ทำให้ป่วยง่าย เป็นต้น
- การขาดวิตามินดี อาจเสี่ยงต่อการเกิดโรคกระดูกพรุน อาการปวดตามกระดูก กล้ามเนื้ออ่อนแรง เป็นต้น
- การขาดธาตุเหล็ก อาจทำให้เกิดภาวะโลหิตจาง อาการอ่อนเพลีย เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดพัฒนาการช้าทางร่างกาย การเคลื่อนไหว และกระบวนการคิด
- การขาดแคลเซียม อาจทำให้เป็นตะคริวได้ง่าย อาการกล้ามเนื้อหดเกร็งบริเวณมือและเท้า ปวดเกร็งหน้าท้อง หรืออาจนำไปสู่ภาวะกระดูกบางและโรคกระดูกพรุนได้ในที่สุด
อยากมีแบรนอาหารเสริมเป็นของตัวเองติดต่อได้ที่ โรงงานผลิตอาหารเสริม


32
ข้อต่อท่อ PVC มีแบบไหนบ้าง?
ข้อต่อท่อ PVC อุปกรณ์ท่อพีวีซี มีหลากหลายชนิดเหมาะสำหรับการใช้งานเฉพาะทางมีหลายคนอาจจะสงสัยเรื่องชนิดของข้อต่อท่อ PVC ว่าทำไมมีหลายขนาด หลายชนิดการใช้งานของข้อต่อ PVC ขึ้นอยู่กับชนิดงานที่ต้องใช้
   ข้อต่อแบบหนา - เหมาะสำหรับงานประปาแบบแรงดันน้ำสูง หรืองานที่มีความทนทานมาก เช่นประปาในบ้าน ฝังดิน โดยที่อุปกรณ์พวกนี้จะรับแรงดันน้ำได้มากขึ้น 13.5 bar หรือที่เรียกว่าชั้นความดัน 13.5
   ข้อต่อแบบบาง - เหมาะสำหรับงานประปาแบบแรงดันน้ำต่ำ เช่นระบายน้ำ งานเกษตร โดยที่อุปกรณ์พวกนี้จะรับแรงดันน้ำได้แค่ 8.5 bar หรือที่เรียกว่าชั้นความดัน 8.5 ข้อต่อพวกนี้จะมีราคาถูก แต่ก็มีความบาง ความสั้นกว่าข้อต่อPVC แบบหนา
   ข้อต่อแบบเกลียว - เป็นอุปกรณ์มีเกลียว ส่วนมากใช้สำหรับงานบ้านและสวน สาารถต่อเข้ากับสุขภัณฑ์มีเกลียวหลายอย่างได้
   ข้อต่อแบบเกลียว ทองเหลือง - เป็นอุปกรณ์มีเกลียวทองเหลือง มีความทนทานมากกว่าเกลียวPVC ธรรมดา แต่ก็มีราคาแพงกว่ามาก แถมยังหาซื้อค่อนข้างยาก เกลียวทองเหลืองหากใช้กับเทปพันเกลียวก็จะสามารถกันปัญหาน้ำรั่ว น้ำซึมได้เยอะ
คุณสมบัติข้อต่อท่อ PVC
    - มีความทนทานต่อแรงกด แรงดัน คุณสมบัติที่สำคัญที่สุดของข้อต่อพีวีซีก็คือการรับแรงดันน้ำ พลาสติกพีวีซีมีคุณภาพดี มีความเหนียว มีความยืดหยุ่นตัวดี
    - เป็นฉนวนกันไฟฟ้า ข้อต่อท่อประปาสมัยก่อนเป็นท่อเหล็ก ซึ่งเป็นตัวนำไฟฟ้า วัสดุพีวีซีเป็นพลาสติกกันไฟฟ้าที่เหมาะสมกับการประปามากที่สุด
    - น้ำหนักเบา ขนส่งและติดตั้งง่าย หากเทียบกับท่อเหล็กหรือท่อประปาชนิดอื่น ข้อต่อ PVC มีขนาดเบาสามารถขนส่งและติดตั้งได้ง่ายมากกว่า
ขนาดต่างๆของข้อต่อท่อ PVC
ท่อพีวีซีมีหลากหลายขนาดตั้งแต่ 1/2" (หรือเรียกว่า 4 หุน) ไปถึงขนาด 12" โดยที่ท่อแต่ละขนาด แต่ละชั้นความดันก็จะมีการใช้งานไม่เหมือนกัน ซึ่งข้อต่อPVC ก็ต้องปรับขนาดให้ตามขนาดท่อด้วย เช่น
    ท่อระบายอากาศ > ขนาด 1 1/2" ชั้น 8.5 ท่อน้ำที่ไม่มีการใช้งานอย่างต่อเนื่องต้องมีการระบายอากาศเพื่อรักษาอายุการใช้งาน
    ท่อโสโครก > ขนาด 4" ชั้น 8.5 ใช้ท่อขนาดใหญ่เพื่อลำเลียงของโสโครกจากชักโครก
    ท่อน้ำดีในบ้าน > ขนาด 1/2" ชั้น 13.5 ขนาดเล็กเหมาะกับสุขภัณฑ์ต่างๆ ใช้ความดันสูงเพื่อความทนทาน
    ท่อน้ำทิ้ง > ขนาด 2" ชั้น 8.5 มีไว้นำน้ำใช้แล้วไปบำบัด ใช้คู่กับอุปกรณ์ P-Trap กันกลิ่นตีกลับ

 เปรียบเทียบราคาข้อต่อท่อเพิ่มเติมได้ที่ https://www.hiachet.com/joint-pvc/





33
บ้านทรุดดูยังไง
เคยสงสัยไหมว่าบ้านเริ่มทรุดปัญหารอยร้าวที่แก้เท่าไหร่ก็ไม่หาย ไม่ว่าจะสกัดฉาบใหม่กี่ครั้งก็ตามนั่นเป็นเพราะการทรุดเอียงนั้นไม่ถูกแก้ไขรอยร้าวที่ผนังจึงแยกตัวออกไม่ว่าจะซ่อมอีกกี่ครั้งก็ตาม
บางอาคารอาจมีการทรุดเอียงทั้งหลังโดยที่ไม่มีรอยแตกร้าวเลยก็สามารถเกิดขึ้นได้เรามาดูลักษณะรอยร้าวที่บ่งบอกว่าบ้านทรุดเอียงที่อาจเกิดขึ้นได้มีอะไรบ้าง ดังนี้
 
1. รอยร้าว ผนังแยกส่วนต่อเติม
โดยมากส่วนต่อเติมจะแยกโครงสร้างกับตัวอาคาร แต่การใช้เสาเข็มสั้น ทำให้มีการแตกร้าวระหว่างรอยต่ออาคารหลักและส่วนต่อเติม หากรอยร้าวมีลักษณะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ก็จะส่งผลต่อการใช้งานอาคารตามมาได้
สำหรับบ้านสำเร็จรูปนั้น จะมีรอยแตกร้าวบริเวณแนวรอยต่อของแต่ละชิ้นส่วน อาทิเช่น รอยร้าวตามแนวนอนระหว่างพท้นกับผนังของอาคาร

2. รอยร้าวที่คานโครงสร้าง
รอยร้าวที่คานบริเวณใต้ท้องคานและหลังคาน โดยเป็นรอยร้าวแนวตั้ง ที่เกิดจากการทรุดตัวของเสาแต่ละต้นไม่เท่ากันทำโครงสร้างเกิดการรั้ง

3. รอยร้าวแบบเฉียง บริเวณผนังอาคาร
บ้านทรุดดูยังไง อย่างที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดคือรอบอร้าว รอยร้าวแบบเฉียงเกิดจากการทรุดตัวของอาคารที่ไม่เท่ากัน โดยเกิดการดึงของผนังทำให้ผนังเกิดรอยแยก ซึ่งหากปล่อยทิ้งไว้ รอยแยกจะกว้างมากขึ้น
เพื่อตรวจสอบว่ารอยร้าวมีการขยายตัวหรือไม่ ทำได้โดยการวัดความกว้างรอยร้าวและกำกับวันที่ไว้เบื้องต้น ที่บริเวณกึ่งกลาง และปลายของรอยร้าว

4. อาการอื่นๆ
ในบางครั้งที่บ้านทรุดนั้นไม่มีรอยแตกร้าวเกิดขึ้นเลยก็สามารถเป็นไปได้เนื่องจากมีการทรุดเอียงของทั้งอาคารไปเป็นในแนวระนาบเดียวกัน แต่อาจจะมีอาการอื่นๆ เช่น กระเบื้องแตกร้าว กระเบื้องโก่ง, ประตูเปิดไม่ได้หรือติดขัด , บานเลื่อนฝืดขึ้น เป็นต้น

สาเหตุบ้านทรุดมีอะไรบ้าง?
นอกจากจะรู้ว่าบ้านทรุดดูยังไงแล้ว เราควรทราบสาเหตุบ้านทรุดด้วยเพื่อหาทางป้องกันอาคารทรุดแตกร้าวส่วนใหญ่ หากเกิดจากปัญหาการทรุดตัวไม่เท่ากัน หรือไม่ได้ทรุดตัวเป็นระนาบ อาจส่งผลให้โครงสร้างผนัง คาน เสาเกิดการแตกร้าวด้วย นอกเหนือจากเสาเข็มที่เสียหายแล้ว

เมื่อมีอาการเหล่านี้แล้วก็ควรรีบ ซ่อมบ้านทรุดให้ไวก่อนเกินแก้
สามารถติดต่อจองคิววิศวกรเสตะ แก้บ้านทรุดได้ก่อนใครได้ที่ 

https://setaengineering.com/

หน้า: [1]