ThaiFranchiseCenter Webboard

ThaiFranchiseCenter Webboard - Info Center

* สมัครสมาชิกเว็บบอร์ด ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ฟรี! *
หน้าแรก | เปิดร้านค้าฟรี! | โปรโมชั่นแฟรนไชส์ | ร้านหนังสือออนไลน์ | สนใจลงโฆษณา

ทางเว็บไซต์ ThaiFranchiseCenter.com ไม่มีส่วนรับผิดชอบกับข้อความต่างๆในเว็บบอร์ดแต่อย่างใด
    ไม่ว่าจะเป็นการซื้อ-ขาย-เช่า-เซ้ง หรือ อื่นๆ (ผู้ซื้อ หรือ ผู้ขาย กรุณาใช้วิจารณญาณในการติดต่อทางธุรกิจ)


แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Topics - นารา

หน้า: [1]
1
   การใช้ “น๊อต” หรือการตอก “ตะปู” ที่ผิดวิธีก็อาจผิดพลาด จนเกิดความเสียหายต่อชิ้นงานได้ การเลือกใช้ขนาดที่ใหญ่และเล็กเกินไป เช่น ถ้าเล็กเกินไปก็อาจทำให้ชิ้นงานติดกันไม่แน่น หรือถ้าใหญ่ไปก็ไม่เหมาะกับการใช้งาน

ปัญหาที่พบได้บ่อย ๆ ระหว่างประกอบน๊อตเข้ากับชิ้นส่วนอื่น

1.ชิ้นงานแตกหัก เสียหาย อาจเกิดได้กับงานประเภทไม้ ปูน ที่ไม่เจาะรูด้วยสว่านก่อน

2.อุปกรณ์ที่ใช้ยึดติดเกิดความเสียหาย เช่น ตะปูคดงอ เกลียวของน๊อตเสียหาย โดยส่วนมากเกิดขึ้นกับผู้ใช้งานที่ออกแรงมาเกินไป เกลียวจึงเสียหายไขได้ไม่แน่น

3.อุปกรณ์ที่ใช้ยึดติดไม่ได้มาตรฐาน ถ้าไม่ได้ซื้อกับเว็บ https://www.samakkee.co.th/น๊อต.html ที่มีคุณภาพ ก็ควรตรวจสอบก่อนซื้อเสมอ เนื่องจากวัสดุมีหลากหลายเกรดด้วยกัน ราคากับคุณภาพจึงต่างกันด้วย จึงต้องพิจารณาให้ดีว่ามีความน่าเชื่อถือมากน้อยเพียงใด เป็นที่นิยมของผู้ซื้อหรือไม่

นอกจากนี้ แหวนสำหรับรองน็อต ก็เป็นอีกหนึ่งชิ้นส่วนที่ขาดไม่ได้ ซึ่งตัวแหวนรองที่ว่านี้ มีหน้าที่ และประโยชน์อย่างไรบ้าง มีความจำเป็นหรือเปล่า ขอบอกเลยว่ามีความจำเป็นมาก โดยแบ่งออกเป็น 2 แบบด้วยกันดังนี้

1.แหวานอีแปะ - แหวนอีแปะชนิดนี้ เป็นแหวนรองน๊อตที่มีลักษณะกลม และแบน มีรูอยู่ระหว่างกลาง มีประโยชน์ในการช่วยกระจายแรง อีกทั้งยังช่วยเพิ่มพื้นที่ในการยึดเกาะ

2.แหวนแบบสปริง - ดูภายนอกจะคล้ายแหวนอีแปะ แต่จะต่างตรงที่แหวนสปริงจะมีรอยผ่า แล้วยกขอบตรงรอยต่อขึ้นทำให้ขอบตรงรอยต่อไม่เสมอกัน ประโยชน์ของแหวนสปริงนี้ ก็จะคล้ายกับแหวนแบบอีแปะอีกเช่นกัน แต่จะช่วยป้องกันการคลายเกลียวได้ดีกว่า

2
การพื้นอีพ็อกซี่ด้วยตนเอง ควรเริ่มที่ความหนา 2 มม. (0.0625 นิ้ว) หรือ 3 มม. (0.125 นิ้ว) เป็นหลัก เพราะความหนาระดับนี้ถูกใช้งานแพร่หลายที่สุด ด้วยลักษณะที่มันวาวดูเรียบเนียน ทั้งยังทำความสะอาดได้ง่าย และเป็นความหนาที่ทนทาน ตอบโจทย์กับอุตสาหกรรมส่วนใหญ่

ส่วนในกรณีที่ต้องการใช้งานหนักขึ้น ก็ต้องเพิ่มความหนาของพื้นอีพ็อกซี่จากเดิม ประมาณ 0.375 นิ้ว (375 มิล) หรือมากกว่านี้ และต้องใส่ผงเสริมความแข็งแกร่งเพิ่มเข้าไปอีกหลายชั้น ก่อนทำการการเคลือบด้วยยาแนวและสี อย่างไรก็ตาม มืออาชีพส่วนใหญ่แล้วมักติดตั้งให้ความหนาอยู่ที่ 0.020 ถึง 0.250 นิ้ว (20-250 มิล) เป็นหลัก

หลัก 3 ประการ สำหรับการเลือกความหนาพื้นอีพ็อกซี่

1.สภาพคอนกรีต – ความเสียหายของคอนกรีตส่งผลต่อความหนาพื้นอีพ็อกซี่ หากพื้นคอนกรีตมีรอยแตกขนาดใหญ่ ก็ต้องใช้ความหนามากขึ้น ส่วนพื้นคอนกรีตที่ยังใหม่อยู่ ก็เคลือบแค่ระดับบาง ๆ พอ

2. ความพลุกพล่าน – ถ้าผู้คนในพื้นที่มีมากก็ต้องเลือกความหนาพื้นอีพ็อกซี่ให้มากขึ้น แต่หากเคลือบในพื้นที่ที่ไม่มีคนพลุกพล่านมากนัก ก็เคลือบให้บางลงตามจุดประสงค์ของการใช้งานได้

3.สารเคมี – คนที่ซื้อสินค้าจากเว็บ http://สีพื้นโรงงาน.com/พื้นอีพ็อกซี่/ หรือที่ไหนก็ตาม ก่อนเคลือบพื้นก็ให้ระวังสารเคมีที่เกิดจากการทำความสะอาด หรือสารเคมีโรงงานอุตสาหกรรม เพราะมันส่งผลต่อความหนา ดังนั้น ต้องประเมินก่อนว่าพื้นที่ต้องเจอกับสารเคมีมากน้อยแค่ไหน จะได้เลือกใช้ความหนาให้เหมาะกับพื้นที่นั้น ๆ ได้

สรุปได้ว่า พื้นอีพ็อกซี่แบบบาง ๆ จะเหมาะสมกับพื้นที่ที่ไม่พลุกพล่าน หรือในจุดที่ต้องการเพิ่มความรู้สึกสุนทรี และง่ายต่อการทำความสะอาด ส่วนการเคลือบพื้นแบบหนา ๆ จะเหมาะสมที่สุดกับพื้นแบบคอนกรีตที่มีร่องรอยความเสียหายหนัก เป็นสนิม หรือต้องรองรับการใช้งานที่หนัก ซึ่งจะช่วยให้พื้นที่เคลือบอยู่ได้ยาวนานกว่า.

3
จากสถิติการนำเข้า-ส่งออกระหว่างประเทศ ไทยยังคงนำเข้าสินค้าจากจีนเป็นอันดับ 1 มาอย่างต่อเนื่อง” สำหรับสถิติการนำเข้าสินค้าจีนของไทย ก็พบว่ามีมูลค่าสูงยิ่งกว่าการนำเข้าสินค้าจากอเมริกา ที่อยู่ในอันดับ 3 มากถึง 3-4 เท่า เลยทีเดียว ตามมาด้วยที่อันดับ 2 ได้แก่ประเทศญี่ปุ่น อันดับ 4 ประเทศมาเลเซีย และอันดับ 5 คือเกาหลีใต้

จากข้อมูลนำเข้าสินค้าจากจีน ที่จัดทำโดยศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ โดยความร่วมมือจากกรมศุลกากร ยังได้พบอีกว่า การนำเข้าสินค้าของคนไทยส่วนใหญ่ยังคงเป็นสินค้าจากประเทศเพื่อนบ้านในแถบภูมิภาคเอเชียด้วยกันแทบทั้งสิ้น

มีอะไรบ้างที่ไทยนำเข้าสินค้าจากจีน
 
สำหรับการนำเข้าสินค้าจากจีนมายังประเทศไทยนั้น ค่อนข้างครอบคลุมในตลาดธุรกิจ ทว่าสินค้าประเภทหลักก็ไม่พ้นวัตถุดิบนอุตสาหกรรม เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ, เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ, เคมีภัณฑ์, เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์, ไปจนถึงส่วนประกอบและอุปกรณ์ยานยนต์ต่าง ๆ

สำหรับคนไทยที่นิยมนำเข้าสินค้าจีนตามที่ได้กล่าวไปทั้งจากในเว็บ https://www.chinathaicargo.com/ หรือช่องทางออนไลน์อื่น ๆ ถูกจัดอยู่ในหมวดสินค้าที่คนไทยนิยมนำเข้าจากต่างประเทศ ในอันดับที่ 2 - 5 และ 7 ตามลำดับ จึงเรียกได้ว่าเป็นเม็ดเงินที่สูงมากในหนึ่งปี

เมื่อมองถึงแนวโน้มการนำเข้าสินค้าจากประเทศจีนในอนาคต ก็มีข้อมูลที่น่าสนใจ ซึ่งแต่เดิมสินค้าจากจีนจำนวนมากล้วนขึ้นชื่อเรื่อง Copy Grade A ทว่าปัจจุบันได้เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ เพราะรัฐบาลจีนเริ่มเข้มงวดเรื่องลิขสิทธิ์ พร้อมกับประชาชนจีนที่เริ่มตื่นตัวคิดค้นสิ่งใหม่ ๆ

รวมถึงการจดสิทธิบัตรด้านนวัตกรรมของสินค้า ก็ช่วยให้การนำเข้าสินค้าจากจีนได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น ซึ่งจากเดิมในปี 2010 สถิติการจดสิทธิบัตรด้านทรัพย์สินทางปัญญาในจำนวนประชากร 10000 คน จะอยู่ที่ 1.7 รายการ แต่ทว่าในปี 2017 ที่ผ่านมา พบว่าสถิติเพิ่มขึ้นเป็น 9.8 รายการ หรือเพิ่มขึ้นเกือบ 6 เท่า

4
เครื่องปั่นสมูทตี้เหมาะกับคนรักสุขภาพเป็นอย่างยิ่ง เพราะผัก ผลไม้ ที่นำมาใช้ทำเครื่องดื่ม สามารถคงสภาพของวิตามินและสารอาหารต่าง ๆ ไว้ได้เป็นจำนวนมาก ซึ่งเหนือกว่าเครื่องปั่นแบบธรรมดา นอกจากนี้ ยังช่วยคงสภาพสารอินทรีย์ที่พบได้ในผักและผลไม้ได้ดีเช่นกัน เช่น วิตามินเอ ที่มีส่วนสำคัญในเรื่องช่วยการมองเห็น เสริมสร้างกระดูก กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน ช่วยซ่อมแซมดวงตาและหลอดลม

ผลทดสอบเครื่องปั่นสมูทตี้ในห้องปฏิบัติการ พบว่าช่วยรักษาและคงสภาพวิตามินเอได้สู่งกว่าถึง 438%  และแม้ว่าสารอาหารต่าง ๆ ไม่ได้ถูกทำลายลงไป แต่ก็อย่าลืมว่านี้คือน้ำผลไม้ ไม่ใช่อาหารมื้อหลักที่กินแทนข้าวได้ ดังนั้น ต้องทานอาหารที่หลากหลายควบคู่กันไปด้วย
 
ประโยชน์ของเครื่องปั่นสมูทตี้

1.ช่วยดูแลสุขภาพ – เพราะเลือกผสมผสานผักและผลไม้ได้หลากหลายชนิดตาม เพื่อนำมาสรรสร้างเป็นเมนูเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพในแบบที่ต้องการได้ไม่ซ้ำใคร ดังนั้น เมื่อมีเวลาว่าง ๆ ไม่ว่าจะเช้า สาย บ่าย เย็น ก็สามารถทำเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพทานได้ตลอดเวลา ไม่ต้องเสียเงินเสียเวลาออกไปหาซื้อกินตามร้านข้างนอก

2.ประหยัดเวลาและสะดวก – ข้อดีของการซื้อเครื่องปั่นจากเว็บ https://www.juicerclub.com/เครื่องปั่นสมูทตี้.html  เป็นของตัวเองคือ สามารถทำกินตอนไหนก็ได้ ตามใจต้องการ กำหนดได้ทั้งปริมาณและความคุ่มค่า ที่จะได้รับและช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายอีกด้วย ไม่ต้องเสียเวลาไปหาซื้อข้างนอก

3.ช่วยดับร้อน คืนความสดชื่นให้กับร่างกาย - เพียงแค่มีเครื่องปั่นสมูทตี้ติดบ้านเอาไว้สักเครื่อง ก็สามารถช่วยคนในครอบครัวต่อสู้กับความร้อนแรงของอากาศประเทศไทยได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการเนรมิตเครื่องดื่มสุขภาพที่มาพร้อมกับความเย็นชื่นใจมาดื่มกิน ไม่ต้องเดินฝ่าสายแดดที่ร้อนแรง เพื่อออกไปหาซื้อมากินอีกต่อไป.

5
อาจารย์แผนกวิชาช่างอิเล็กทรอนิกส์ วก.ศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย เจ้าของเครื่องปั่นไฟพลังงานแม่เหล็ก เผยว่า เครื่องกำเนิดฟรีไฟฟ้าจากพลังงานแม่เหล็ก เป็นนวัตกรรมพลังงานที่ช่วยผลิตกระแสไฟฟ้าใช้เอง โดยอาศัยพลังงานแม่เหล็กถาวร

ใช้หลักการผลักดันและดูดเข้าหากันของแม่เหล็กถาวร ประยุกต์กับเครื่องปั่นไฟ มีหลักการคือใช้แม่เหล็กถาวรที่ขั้วเหมือนกันวางใกล้กัน จนเกิดการผลักดัน ซึ่งแม่เหล็กถาวรตัวหนึ่งจะอยู่กับที่ ส่วนอีกตัวเคลื่อนที่หมุนเป็นทรงกลม

ทำให้เกิดการเคลื่อนที่ของกลไก แกนหมุนจะเชื่อมต่อกับไดนาโม เพื่อช่วยปั่นกระแสไฟฟ้าโดยไม่หยุดพัก ซึ่งพลังงานไฟฟ้าที่ผลิตขึ้น “ไม่มีขีดจำกัด” ที่สำคัญ พลังงานยังเอาไปใช้ประโยชน์ได้หลายอย่าง เช่น ใช้เป็นตัวกำเนิดพลังงานหลักทางไฟฟ้า หรือใช้ผลิตพลังงานกล

เครื่องปั่นไฟพลังแม่เหล็ก ช่วยแก้ไขข้อเสียของพลังงานทดแทน

นอกเหนือจากเครื่องปั่นกำเนิดไฟฟ้าที่ขายในเว็บ https://www.seapowergent.com/ นี้แล้ว พวกพลังงานทดแทนที่ใช้กัน ต่างก็มีข้อเสียแฝงอยู่ เช่น พลังงานแสง หรือโซล่าเซลล์จะใช้งานตอนกลางคืนไม่ได้ ส่วนพลังลมก็ต้องใช้แรงลมมาช่วยปั่นทำงาน ถ้าปราศจากลม ส่วนพลังงานน้ำที่ใช้กับเขื่อน ก็มีปัจจัยทำให้เกิดภาวะขาดแคลนเนื่องจากฤดูกาลที่ผันไป

สำหรับพลังงานแม่เหล็กนั้น ถือเป็นพลังงานที่นำมาใช้ได้ไม่มีวันหมด นอกจากนี้ ยังนำไปประยุกต์ใช้กับเครื่องใช้ไฟฟ้าได้หลายชนิด รวมถึงนำไปใช้ผลิตกระแสไฟฟ้าใช้เอง ซึ่งช่วยสร้างนวัตรกรรมใหม่ ๆ ป้อนเข้าสู่ตลาด

ใช้เวลา 3 เดือนเท่านั้น ในการผลิตเครื่องปั่นไฟพลังงานแม่เหล็ก

อาจารย์แผนกวิชาช่างอิเล็กทรอนิกส์ กล่าวว่า เครื่องปั่นไฟที่ผลิตขึ้นนี้ ใช้เวลาคิดค้นและก่อสร้างราว 3 เดือน เมื่อคิดว่าพร้อมก็นำผลงานเข้าประกวด จนได้รับรางวัลชนะเลิศรายการ “สิ่งประดิษฐ์เพื่อการอนุรักษ์พลังงาน ระดับภาคเหนือ”

และนอกจากเป็นเจ้าของเครื่องปั่นไฟพลังแม่เหล็กแล้ว อาจารย์แผนกวิชาช่างอิเล็กทรอนิกส์ยังเป็นเจ้าของผลงานประดิษฐ์มือกล สำหรับช่วยคนพิการแขนขาด จนคว้ารางวัลชนะเลิศสิ่งประดิษฐ์ด้านการแพทย์และชีวอนามัย ในการประกวดสุดยอดนวัตกรรมอาชีวศึกษา ระดับชาติ เมื่อปี 2557

6
“แรงม้า” หรือกำลังไฟมอเตอร์ คือส่วนสำคัญของปั๊มลม ยิ่งแรงม้ามากก็ยิ่งแรงขึ้นไม่ได้ต่างอะไรกับรถ ซึ่งกำลังของมอเตอร์และกำลังของหัวปั๊มแรงลมต้องทำงานสัมพันธ์กัน เพราะจะช่วยให้ผลิตแรงลมได้อย่างมีประสิทธิภาพ

แต่ตราบใดก็ตามที่กำลังของมอเตอร์และกำลังของหัวปั๊มลมทำงานผิดพลาด แรงลมก็จะออกมาเบาและยังทำให้อายุการใช้งานสั้นลงด้วย ซึ่งหลายครั้งก็มีคนซื้อมาใช้งานและเลือกแรงม้าไม่เป็น ผลที่ตามมาคือไม่สามารถผลิตแรงลมออกมาได้

ดังนั้น ก่อนซื้อปั๊มลมต้องรู้ความต่างของแรงม้าทั้ง 2 แบบก่อน

1.แรงม้ามอเตอร์ – เป็นกำลังไฟสำหรับผลิตกำลังขับให้มอเตอร์ปั๊มลมทำงาน ถ้าแรงม้าเยอะกำลังหมุนมากขึ้น

2.) แรงม้าหัวปั๊มลม – หรือกำลังผลิตแรงลม ซึ่งปริมาณลมที่ผลิตได้ก็ขึ้นอยู่กับแรงม้าของหัวปั๊ม หากแรงม้าน้อยก็ผลิตลมได้น้อย ถ้าแรงม้าเยอะขึ้นก็ผลิตลมได้เยอะขึ้นตามลำดับ

จากข้อมูลข้างต้นแสดงให้เห็นว่า แรงม้าจากหัวปั๊มลมเป็นปัจจัยหลักำหรับผลิตแรงลม กำลังของมอเตอร์และหัวปั๊มจึงต้องทำงานสัมพันธ์กัน ถ้ามอเตอร์แรงม้าเยอะแต่หัวปั๊มลมแรงม้าน้อย มอเตอร์ก็ทำงานไม่สัมพันธ์กัน โดยเฉพาะการกินไฟที่เยอะ

หรือถ้ามอเตอร์มีแรงม้าน้อยกว่าหัวปั๊ม ผลที่ตามมาก็คือมอเตอร์ทำงานโอเวอร์โหลดเกินไป ไม่สามารถขับเคลื่อนให้หัวปั๊มทำงานได้ ด้วยเหตุนี้ มอเตอร์จึงพังลงอย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังทำให้หัวปั๊มผลิตลมได้น้อยมาก

มือใหม่ควรใช้ปั๊มลมแบบไหนดี

ถ้าพิจารณาการขอดีข้อเสียแล้ว ปั๊มลูกสูบแบบขับตรงที่จัดจำหน่ายโดย https://www.tirawatgroup.com/ปั๊มลม จะเหมาะกับมือใหม่ที่สุด เพราะด้วยน้ำหนักที่เบา ขนาดเล็กกะทัดรัดสวยงาม น้ำหนักเบา ขนย้ายสะดวก ไม่เปลืองพื้นที่ ส่วนแรงลมที่ผลิตออกมาก็ค่อนข้างแรงเร็ว มาพร้อมกับราคาที่เป็นมิตร ส่วนข้อเสียก็เพียงแค่มีเสียงที่ดัง ในกรณีที่ใช้งานนาน ๆ

7
ด้วยกระบวนการผลิตผนังคอนกรีตมวลเบา ที่ปราศจากการใช้เตาเผา ที่เป็นตัวการทำให้เกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ที่ส่งผลเสียต่อชั้นบรรยากาศ แตกต่างกับกระบวนการผลิตอิฐมอฐ ที่ในขั้นตอนหลักต้องใช้การเผาไฟเป็นระยะเวลาอย่างต่ำ 7 วัน ซึ่งนับว่าสิ้นเปลืองวัสดุ เชื้อเพลิง ทั้งยังส่งผลเสียต่อชั้นบรรยากาศ ก่อให้เกิดสภาวะเรือนกระจกเพิ่มมากขึ้น
 
ในกระบวนการผลิตผนังคอนกรีต สามารถนำวัตถุดิบหลายอย่างมาใช้ใหม่ได้

ในกระบวนการผลิตผนังคอนกรีต สามารถนำวัตถุดิบหลายอย่างกลับมาใช้ใหม่ได้ด้วย ทั้งยังกลับไปเป็นส่วนผสมของกระบวนการผลิตขึ้นอีกครั้งได้ และนำมาใช้เป็นตัวตั้งต้นของการผลิตผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ หรือเรียกว่า แทบปราศจากของเสีย นับเป็นการใช้ประโยชน์ของทรัพยากรได้คุ้มค่า

นอกจากนี้ การใช้พลังงานไฟฟ้าภายในบ้าน ยังก่อให้เกิดก๊าซเรือนกระจกสูงถึง 16% ดังนั้น การออกแบบบ้านประหยัดพลังงานเป็นสิ่งหนึ่งที่เราสามารถช่วยโลกใบนี้ได้ ทั้งในเรื่องของการวางทิศทางของบ้าน ทิศทางการไหลของลม การระบายอากาศ การส่องสว่างภายใน

รวมถึงการเลือกใช้วัสดุก่อสร้าง เช่น ผนังมวลเบาจากเว็บ http://www.ecolite.co.th/ ที่ช่วยประหยัดพลังงานได้ เนื่องจาก 70 เปอร์เซ็นต์ของความร้อนภายในบ้าน ที่เกิดขึ้นจากการส่งถ่ายความร้อนผ่านทางผนัง และประมาณ 70 - 85 เปอร์เซ็นต์ เป็นการสูญเสียพลังงานไฟฟ้าโดยเครื่องปรับอากาศ

ด้วยคุณสมบัติ ที่มีฟองอากาศขนาดเล็กระจัดกระจายกันอยู่ในผนังคอนกรีต ซึ่งนอกจากจะทำให้มีน้ำหนักเบาขึ้นแล้ว ยังมีความสามารถในการกันเสียงได้อย่างมีประสิทธิภาพ มาพร้อมกับความทนทานต่อเปลวไฟได้นานกว่า 4 ชั่วโมงโดยไม่ไหม้ และยังช่วยป้องกันความร้อนจากแสงอาทิตย์ได้ดีกว่าผนังทั่วไป 4-8 เท่า เมื่อบ้านเย็นก็ไม่ต้องเปิดเครื่องปรับอากาศ จึงช่วยประหยัดพลังงานไฟฟ้าได้มากกว่า 30%

8
การป้องกันความร้อนให้บ้านที่มุงหลังคาเมทัลชีท สามารถเลือกทำได้หลายวิธี เช่น การใช้ฉนวนกันความร้อนแบบสำเร็จรูปที่มีขายอยู่มากมายตามท้องตลาดไปติดตั้ง ทว่า วิธีที่ได้รับความนิยมแพร่หลายและตอบโจทย์ได้มากกับการป้องกันความร้อนอย่างแท้จริง คือการติดตั้งฉนวนกันความร้อน “โฟม PU.” เพราะนอกจากกันร้อนได้แล้ว ยังได้ประโยชน์ด้านอื่นอีก

1.พ่นโฟม PU บนหลังคาเมทัลชีท ช่วยแก้ปัญหารั่วซึมได้

ไม่ว่าหลังคาเมทัลชีทที่ใช้งานอยู่จะสภาพยับเยินแค่ไหน หรือจะเป็นหลังคาหลังใหม่ต่างก็ต้องเจอปัญหา “รั่วซึม” ไม่วันใดก็วันหนึ่ง ซึ่งการพ่นโฟม PU ลงไป เสมือนการสร้างเกาะป้องกันให้กับหลังคา ช่วยเพิ่มความทนทานต่อสภาพแวดล้อมได้ดีขึ้น เนื่องจากโฟมที่ถูกพ่นลงไปจะเข้าไปอุดทุกรอยรั่ว จากนั้นโฟมจะจับเป็นแผ่นเดียวกันอยู่เหนือหลังคา จึงช่วยแก้ปัญหาเรื่องน้ำที่เข้ามาภายในรอยรั่วเหล่านั้นได้

2.ช่วยป้องกันเสียงที่เกิดจากฝนตกกระทบหลังคาเมทัลชีท

การพ่นโฟม PU บนหลังคาแบบที่ผู้จัดจำหน่ายเว็บนี้ http://www.t-onemetalic.com/ ได้ทำไว้ ยังช่วยป้องกันเสียงรบกวนด้วย เพราะโฟมจะเกิดปฏิกิริยาและจับตัวเป็นเนื้อเดียวกัน จึงช่วยลดแรงสั่นสะเทือนของวัสดุที่ตกบสู่หลังคาได้ เพราะคุณสมบัติของโฟม PU ที่เป็น “โพลิเมอร์” มีโครงสร้างปิดผนึก ซึ่งถือเป็นการจำลองสภาวะสุญญากาศ  ดังนั้น เมื่อฝนตกลงมาก็จะกระทบกับเนื้อโฟม PU ก่อนถึงหลังคา ทำให้เสียงเบาลงได้

3.ช่วยป้องกันสนิมกัดกร่อนหลังคาเมทัลชีท

นอกจากนี้ การพ่นโฟม PU บนหลังคาเมทัลชีท ยังเปรียบเสมือการสร้างเกาะป้องกันหลังคา จากสภาพแวดล้อมภายนอกที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ได้แบบ 100% จึงช่วยป้องกันการเกิดสนิม ป้องกันการเกิดปฏิกิริยาทางเคมีต่าง ๆ ได้ดี หรือถ้านำโฟม PU ไปพ่นลงบนหลังคาเก่า ๆ ซึ่งกำลังเสื่อมสภาพ ก็จะช่วยให้หลังคาเก่าดูใหม่ขึ้นมาอย่างรวดเร็ว พร้อมกับได้รับคุณสมบัติเพิ่มขึ้น ทั้งการป้องกันความร้อนและป้องกันเสียงรบกวน.

9
รถโฟล์คลิฟท์ หรือรถยก นิยมใช้กันในโรงงาน บริษัท ไปจนถึงห้างร้านต่าง ๆ โดยแบ่งระบบขับเคลื่อนออกเป็น 2 แบบด้วย คือระบบเครื่องยนต์ทั่วไป และระบบไฟฟ้า ซึ่งก็จะมีการใช้งานที่ต่างกัน ดังนั้น การเลือกซื้อให้เกิดความคุ้มค่ามากที่สุด จึงต้องพิจารณาจากการตั้งเงื่อนไขในการเลือกซื้อ 3 ประการ

หลักการเลือกซื้อรถโฟล์คลิฟท์ ให้เกิดความคุ้มค่ามากที่สุด

1.ราคาที่ตรงใจ –ราคาของรถโฟล์คลิฟท์ ที่ต้องตรงกับงบประมาณที่วางไว้ เช่น 300,000-500,000 บาท หรือ 500,000-1,000,000 บาท เป็นต้น เพื่อกำหนดแนวทางเลือกซื้อ งบไม่บานปลาย

พร้อมกันนี้ก็ให้ศึกษาราคารถแต่รุ่นผ่านเว็บ https://www.รถโฟล์คลิฟท์.com/ หรือตามช่องทางออนไลน์ต่าง ๆ เพื่อเทียบราคาและเช็คประสิทธิภาพผ่านเว็บ  ว่ามีความคุ้มค่าและเหมาะสมหรือไม่ ก็จะช่วยให้ได้รถที่ถูกใจ ไม่ว่าจะเป็นรถมือหนึ่ง หรือมือสอง

2.พิจารณาการใช้งานจริงของรถโฟล์คลิฟท์ – ไม่มีความคุ้มค่าแบบไหน เท่ากับการเลือกซื้อรถมาแล้วสามารถนำไปใช้งานได้เหมาะสมกับความต้องการมากที่สุด ดังนั้น ก่อนเลือกซื้อต้องตรวจสอบด้วย ว่างานที่นำไปใช้ หรือสภาพแวดล้อมในการทำงานเป็นอย่างไร

หากต้องการนำรถโฟล์คลิฟท์ไปใช้งานกลางแจ้ง อยู่ท่ามกลางสภาพอากาศร้อน เผชิญกับอุณหภูมิที่สูงและเปียกชื้นบ่อย ๆ ก็ต้องเลือกใช้รถระบบเครื่องยนต์ถึงมีความเหมาะสมกว่า แต่หากต้องการนำไปใช้ในพื้นที่ร่ม เช่น ในตัวอาหาร ก็เลือกใช้ระบบไฟฟ้า ที่มีความเงียบ ปราศจากไอเสีย และมีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพียงเท่านี้ ก็สามารถได้รถที่เหมาะสมกับการใช้งานแล้ว

3.ฟังก์ชันการใช้งาน - รถที่อยากได้ต้องมีฟังก์ชันที่ครบถ้วนและสมบูรณ์ เช่น ขนาดความกว้างของรถ ที่ช่วยให้รถวิ่งเข้าออกในพื้นที่ได้สะดวก กลับรถและตีวงเลี้ยวได้ง่าย รวมถึงเสางายก และความสูงของการยกสินค้า เป็นต้น หากเลือกรถที่ตอบสนองกับความต้องการนำไปใช้งานได้ ก็ย่อมมีความปลอดภัยและเกิดความคุ้มค่ามากกว่า

10
ปั๊มลมคืออุปกรณ์สำคัญ ที่งานกิจการอุตสาหกรรมหลายประเภทจะขาดไปไม่ได้ ซึ่งการเลือกปั๊มให้เหมาะสมกับการใช้งานนั้น นอกจากช่วยลดความยากในกระบวนการทำงานแล้ว ยังช่วยให้ชิ้นงานมีความแตกต่างกันอีกด้วย

ซึ่งงานอุตสาหกรรมส่วนใหญ่นั้น จะนิยมใช้งานปั๊มลม ( Air Compressors ) 2 ประเภท คือปั๊มลมลูกสูบระบบสายพาน และปั๊มระบบสกรู โดยสามารถสังเกตุเห็นได้ตามโรงงานอุตสาหกรรมหลายแห่งในไทย ทั้งโรงงานขนาดเล็กและใหญ่
 
โดยเฉพาะปั๊มลมสกรู 2 ระบบ ที่ได้รับความนิยมใช้ในงานอุตสาหกรรมมากกว่าชนิดอื่น

1.ระบบหล่อลื่นด้วยน้ำมัน (Oil-Flooded)

2.ระบบหล่อลื่นที่ไม่ใช้น้ำมัน (Oil-free)

ด้วยระบบการทำของปั๊มลมสกรูที่มีประสิทธิภาพและให้ปริมาณลมที่สูงอย่างต่อเนื่องได้ ที่สำคัญมีเสียงการทำงานที่ค่อนข้างเบาและมาพร้อมกับความประหยัดพลังงาน ถึงแม้มันจะมีขีดจำกัดในเรื่องราคาและขั้นตอนการดูแลรักษาที่อาจต้องจ้างผู้เชี่ยวชาญ

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ปั๊มลมระบบสกรูจากเว็บ https://www.tirawatgroup.com/ปั๊มลม จะได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในโรงงานอุตสาหกรรมทั่วไป ด้วยประสิทธิภาพการผลิตลมติดต่อกันได้เป็นเวลานานและให้ปริมาณลมหาศาล แต่ปริมาณลมที่ปล่อยออกมากนั้น ก็จะขั้นอยู่กับกำลังของมอเตอร์และการออกแบบหัวสกรู ก่อนเลือกซื้อก็ให้ดูส่วนนี้ด้วย เพราะยิ่งกำลังสูงตัวปั๊มก็จะอัดอากาศได้มากขึ้น

ส่วนปั๊มลมลูกสูบระบบสายพานนั้น เหมาะกับนำไปใช้งานที่ต้องการปริมาณลมไม่มากและไม่ได้ใช้ต่อเนื่อง ซึ่งปั้มแบบนี้จะมีราคาย่อมเยา ดูแลง่าย อะไหล่ไม่แพง นอกจากนี้ ตัวปั๊มยังมีขนาดกำลังดีทำให้เคลื่อนย้ายได้สะดวก ส่วนข้อกำจัดของปั๊มแบบนี้ก็อยู่ที่ต้องการปริมาณลมมาก มีเสียงการทำงานค่อนข้างดังและต้องได้รับการดูแลรักษาเป็นพิเศษ เพราะด้วยความต้องการปริมาณลมที่มากจึงทำให้ตัวปั๊มเสี่ยงต่อการชำรุดได้ง่าย

หน้า: [1]