การขอสินเชื่อเป็นหนทางหนึ่งที่จะช่วยให้เกิดสภาพคล่องทางการเงินแก่ผู้ที่มีความจำเป็นต้องใช้เงินก้อนในการใช้จ่าย ซึ่งในปัจจุบันตามธนาคารและสถาบันทางการเงินต่างๆ ล้วนแล้วแต่ออกนโยบายสินเชื่อที่หลากหลาย ทั้งสินเชื่อบ้าน สินเชื่อรถยนต์ สินเชื่อส่วนบุคคล ฯลฯ ด้วยเงื่อนไขและอัตราดอกเบี้ยที่ดึงดูดใจลูกค้า รวมทั้งสร้างภาพลักษณ์ความสะดวกสบายด้วยการลดเงื่อนไขขั้นตอนการสมัคร เช่น ไม่ต้องมีบุคคลค้ำประกัน และระยะเวลาที่สามารถพิจารณาอนุมัติเงินสินเชื่อ อย่างไรก็ตามสินเชื่อก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียที่ผู้ขอสินเชื่อต้องรู้ไว้เป็นพื้นฐานก่อนตัดสินใจขอสินเชื่อจากธนาคาร โดยที่ข้อดีและข้อเสียของสินเชื่อมีดังนี้

ข้อดีของสินเชื่อ

ข้อดีของการขอสินเชื่อ คือ ทำให้ผู้ขอสินเชื่อสามารถนำเงินสดที่ได้รับ ไปใช้จ่ายตามเงื่อนที่ได้ระบุไว้ในการขอสินเชื่อ เช่น สินเชื่อซื้อบ้าน โดยที่ไม่ต้องรอให้ตนเองเก็บเงินได้ตามราคาบ้านที่ต้องการจะซื้อหรือก่อสร้าง ซึ่งนับว่าตอบสนองต่อความต่อความต้องการของผู้ที่ต้องการจะปรับปรุงบ้านหรือมีบ้านเป็นของตนเองได้อย่างทันทีทันใด ขณะเดียวกัน ผู้ขอสินเชื่อก็มีหน้าที่ที่จะต้องชำระค่างวดรายเดือนทุกๆเดือน เป็นระยะเวลาหลายปีตามที่ได้ตกลงไว้กับธนาคาร นอกจากสินเชื่อประเภทบ้าน ก็ยังรวมถึงสินเชื่อเพื่อธุรกิจ ที่ดูเหมือนว่าได้รับความนิยมอย่างมากสำหรับผู้ประกอบที่กำลังมองหาเงินทุนเพื่อขยายธุรกิจของตนเอง โดยสถาบันการเงินยินดีที่จะตอบสนองต่อผู้ประกอบการที่ยื่นกู้ ด้วยจำนวนเงินกู้ที่สูงและมีอัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่าสินเชื่ออื่นๆ ในทางกลับกันการขอสินเชื่อเพื่อธุรกิจก็ไม่ได้ง่ายดายนัก เพราะต้องมีการประกอบธุรกิจตามที่ธนาคารกำหนด และมีกำไรต่อตามที่ธนาคารกำหนดด้วย อีกทั้งต้องไม่มีประวัติที่การเงินที่มั่งคง จึงจะสามารถทำการยื่นขอสินเชื่อได้ และสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายได้ในแต่ละเดือนได้ เนื่องจากค่าชำระในแต่ละเดือนจะเท่ากันทุกเดือน

ข้อเสียของสินเชื่อ

ส่วนข้อเสียของสินเชื่อ ประการสำคัญคือ คุณสมบัติของผู้ขอสินเชื่อ ซึ่งหากไม่เข้าหลักเกณฑ์ของสถาบันการเงินจะถูกปฏิเสธจากธนาคารและอาจจะทำให้ไม่สามารถขอสินเชื่อกับธนาคารนั้นๆ โดยเฉพาะสินเชื่อประเภทบุคคลอย่างบัตรเครดิต หรือบัตรกดเงินสด หากผิดนัดชำระค่าบัตรเครดิต หรือเป็นหนี้บัตรเครดิต เมื่อต้องการจะสมัครบัตรเครดิตใหม่ ก็จะไม่ผ่านการอนุมัติ เพราะมีประวัติในเครดิตบูโร นอกเหนือจากเรื่องของหลักเกณฑ์แล้ว หากมีการนำหลักทรัพย์ที่ไปคํ้าประกันตามเงื่อนไขของธนาคารบางแห่ง เมื่อธนาคารประเมินราคาหลักทรัพย์และหากราคาประเมินไม่ครอบคลุมกับจำนวนเงินสินเชื่อที่ขอกู้ ก็จะปฏิเสธการ ขอสินเชื่อด้วยเช่นกัน อีกทั้งมีอัตราดอกเบี้ยที่ไม่เท่ากัน และอัตราดอกเบี้ยค้างชำระที่ไม่เท่ากันของแต่ละสถาบันการเงิน ผู้ที่ต้องการขอสินเชื่อจึงต้องทำการตรวจสอบก่อนทำการขอสินเชื่อ ยิ่งไปกว่านั้นในกรณีที่ค้างชำระ อาจโดนค่าปรับที่สูง และอาจถูกฟ้องร้องหากค้างชำระล่าช้ากว่าที่ธนาคารได้กำหนด พร้อมกับต้องชำระคืนทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยที่ผิดนัดชำระ

ดังนั้นผู้ที่จะขอสินเชื่อจึงต้องพิจารณาเงื่อนไขหลักเกณฑ์ต่างๆให้ดี และต้องวางแผนการใช้เงินให้รอบคอบและรัดกุมเพื่อให้เงินเกิดสภาพคล่องทางการเงิน แต่หากตอนนี้คุณกำลังมองหาสินเชื่อที่น่าสนใจ เราขอเสนอ สินเชื่อยูโอบี เป็นตัวเลือกหนึ่งในการช่วยตัดสินใจ ด้วยสินเชื่อยูโอบี เป็นสินเชื่อที่มีจุดเด่นคือ อนุมัติเงินสินเชื่อได้ไว มีระยะเวลาผ่อนชำระสินเชื่อที่นาน

สมัครง่ายผ่านทาง INTERNET และไม่ต้องมีบุคคลหรือหลักทรัพย์มาค้ำประกัน ซึ่งถือว่าเป็นการลดเงื่อนไขหรือความเสี่ยงที่อาจจะถูกธนาคารปฏิเสธการให้สินเชื่อ และยังเปิดโอกาสให้กับคนที่พึ่งเริ่มต้นทำงานก็สามารถมีสินเชื่อได้ (สำหรับบุคคลที่มีเงินเดือน 15,000 บาท – นโยบายของสินเชื่อ UOB I CASH) เพื่อที่จะได้นำเงินก้อนไปช่วยจุนเจือและพัฒนาคุณภาพชีวิตของตนเองได้ทันท่วงที สินเชื่อยูโอบีจึงเป็นสินเชื่อหนึ่งที่ช่วยลดภาระกับผู้ขอสินเชื่อและเพิ่มโอกาสให้กับผู้ที่สมัครสินเชื่อได้มีเงินใช้ยังรวดเร็ว

อายุมากขึ้นดูเหมือนอะไรๆก็ยากขึ้น ใครทักว่าแก่สักหน่อยก็เจ็บเหลือเกิน มันแสลงใจ พาลจะป่วยเอาง่ายๆ  พอป่วยง่ายก็กังวลไปอีกว่าค่ารักษาพยาบาลเอย แล้วไหนจะคนข้างหลังที่เราเป็นห่วงว่าเขาจะอยู่ได้มั้ยถ้าไม่มีเรา แต่พอจะไปทำประกัน นอกจากจะยุ่งยากเพราะทำประกันปกติก็ไมได้ แต่พอทำประกันชีวิตคนแก่ก็ได้ยินเสียงลือเสียงเล่าอ้างอีกว่า เลิกไมได้บ้าง ตายไปแล้วก็ไม่ได้เงินบ้าง ตอนเจ็บป่วยรักษาก็ไม่ได้เงินชดเชยใดใด โอ้ย! แค่แก่ก็เจ็บแล้ว ยังต้องมาเจ็บจากทำประกันอีกหรือ แล้วต้องทำประกันชีวิตผู้สูงอายุแบบไหนดี ที่ทำแล้วไม่เจ็บล่ะเนี่ย!!! วันนี้เรามาดูไปพร้อมกันเลย


เริ่มต้นการทำประกันชีวิตสำหรับผู้สูงอายุ

อย่างแรกต้องเข้าใจก่อนว่าเหตุผลที่บริษัทประกันนั้นต้องแยกประกันชีวิตคนแก่กับประกันชีวิตปกติออกจากกัน เพราะคนแก่คือกลุ่มที่เสี่ยงต่อการเป็นโรค ทำให้ความเสี่ยงในการเสียชีวิตจากโรคภัยไข้เจ็บละความเสี่ยงจากการเสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุก็มากกว่าคนหนุ่มสาว แหงล่ะ! หูตาฝ้าฟาง เดินเหินก็ไม่ใคร่จะสะดวกแล้วด้วย ด้วยเหตุนี้บริษัทประกันจึงต้องแยกการทำประกันชีวิตคนแก่ออกมาเป็นอีกประเภท เพื่อให้ผู้สูงอายุนั้นสามารถทำประกันชีวิตได้ โดยไม่ถูกปฏิเสธจากบริษัทประกันนั่นเอง แต่ก็ต้องยอมรับว่าผลตอบแทนนั้นอาจจะไม่เท่ากับการทำประกันชีวิตทั่วไป แต่ทั้งนี้ก็ต้องดูเงื่อนไขรายละเอียดอื่นๆด้วย

อะไรบ้างที่ควรสอบถามให้ละเอียดในการทำประกันชีวิตคนแก่

ข้อแรกที่ควรสอบถามให้เคลียร์คือคุณสมบัติในการทำประกันและเงื่อนไขที่จะได้รับเงินชดเชย โดยส่วนใหญ่ประกันชีวิตคนแก่จะเริ่มทำได้เมื่ออายุเข้าสู่ช่วง 50-70 ปี หมายความว่าหลัง 70 ปีไปแล้วจะไม่สามารถทำได้แล้วนั่นเอง นอกจากบริษัทไหนจะใจดีมากๆๆๆๆให้ทำประกันอย่างอื่นก็แล้วไป แจ้งให้ครบถ้วนเลยว่าเรามีโรคประจำตัวอะไรต่างๆ แต่โดยส่วนใหญ่ประกันชีวิตผู้สูงวัย หรือประกันชีวิตคนแก่จะเข้าใจในส่วนของการมีปัญหาเรื่องโรคประจำตัวของคนแก่ หรืออผู้สูงอายุเป็นอย่างดี จึงได้เกิดเงื่อนไขในการจ่ายเงินที่ผู้ทำประกันชีวิตนั้นต้องยอมรับ

การยอมรับเงื่อนไขในการจ่ายเงินชดเชยประกันชีวิตผู้สูงวัยหรือระกันชีวิตคนแก่

โดยส่วนใหญ่บริษัทประกันจะระบุไว้ในการทำประกันชีวิตคนแก่ว่า หากเสียชีวิตลงเพราะอาการป่วยใน 1-2 ปีแรกนั้นจะได้เบี้ยประกันที่ชำระคืนและบวกกับเงินอีกสองถึงห้าเปอร์เซ็น แต่หากเป็นกรณีเสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุจะจ่ายเงินชดเชยเต็มจำนวนตามที่ระบุไว้ในเงื่อนไข
สำคัญที่สุด! ก่อนทำประกันและหลังจากตกลงใจทำ ต้องศึกษารายละเอียดให้ชัดเจน เพื่อที่เราเองก็จะได้อุ่นใจว่า คนที่อยู่ข้างหลังเราเขาจะไม่ลำบากนั่นเอง

ยิ่งอายุมากยิ่งต้องเตรียมความพร้อมในทุกด้านของชีวิต เพราะเมื่ออายุมากขึ้นจะได้ไม่เป็นภาระของลูกหลาน หรือในวันที่พวกเขาไม่มีคุณแล้วก็ยังอุ่นใจได้ว่าพวกเขาจะไม่ลำบากมากนัก เพราะคุณได้เตรียมความพร้อมของวันนั้นไว้แล้ว ซึ่งการเลือกซื้อประกันชีวิตของผู้สูงอายุเป็นที่ทราบกันดีว่าเป็นไปค่อนข้างยาก เนื่องจากมีเงื่อนไขและข้อจำกัดมากมาย ทั้งในเรื่องอายุ และที่สำคัญการเช็คตรวจโรคประจำตัวต่างๆอย่างรอบคอบ ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อก้าวเข้าสู่วัยที่เรียกว่า “ผู้สูงอายุ” แล้วนั้น คงหนีได้พ้นโรคประจำตัวต่างๆที่เป็นที่นิยมของผู้สูงวัยอย่างแน่นอน ดังนั้นเมื่อหลายๆบริษัทประกันชีวิตมีข้อจำกัดเรื่องโรคต่างๆ จึงทำให้ผู้สูงวัยหลายท่านไม่สามารถทำประกันชีวิตในยามชราได้นั่นเอง แต่ไม่ใช่กับ เมืองไทยประกันชีวิตผู้สูงอายุ เพราะโครงการนี้ออกแบบมาเพื่อเอาใจลูกหลานที่ต้องการเลือกซื้อประกันชีวิตให้กับบุพการีอันเป็นที่รักของคุณอย่างยิ่ง เนื่องจากไม่ต้องตอบคำถามเรื่องสุขภาพใดๆเลย เพียงแค่มีอายุถึงเกณฑ์ที่กำหนดเท่านั้นก็สามารถทำประกันชีวิตให้กับผู้สูงอายุในบ้านที่คุณรักได้แล้ว





เพราะเมื่ออายุมากขึ้นความกังวลว่าตนเองจะต้องเป็นภาระของลูกหลานจึงมีมากขึ้นตามไปด้วย เนื่องจากความชราและถดถอยทางด้านร่างกายและสภาพจิตใจที่อ่อนแอจากเดิม เนื่องจากไม่สามารถทำอะไรด้วยความคล่องตัวได้เหมือนเช่นเคย เมืองไทยประกันชีวิต ผู้สูงอายุ จึงเล็งเห็นจุดนี้ที่จะช่วยคลายความกังวลให้กับคนที่คุณรัก จึงคลอดโครงการนี้ออกมาให้ได้เฮกันอย่างถ้วนหน้า กับโครงการ “เมืองไทยวัยเก๋า” ที่เน้นความคุ้มครองให้กับผู้สูงอายุได้มีไว้เพื่อความอุ่นใจ ไม่ว่าจะเป็นประกันอุบัติเหตุ ประกันจากความเจ็บป่วยหรือผลตอบแทนในเรื่องค่ารักษาพยาบาลต่างๆ ก็สร้างความอุ่นใจและมั่นใจได้ว่า ผู้สูงอายุที่คุณรักและรวมถึงคนที่คอยดูแลท่านเหล่านั้นจะไม่ต้องลำบากหากเกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้น





ประกันสำหรับผู้สูงอายุ ของเมืองไทยประกันชีวิต มีจุดเด่นในเรื่องที่บริษัทประกันอื่นๆไม่มีนั่นก็คือ การไม่ตรวจโรคหรือแม้กระทั่งการตอบคำถามสุขภาพสำหรับผู้สูงอายุเลย ซึ่งนั่นจึงสร้างความแตกต่างและความหมดกังวลในเรื่องโรคประจำตัวที่ผู้สูงอายุมักจะมีเล็กๆน้อยๆอยู่แล้วไปได้ทีเดียว

 หากคุณกำลังมองหาประกันชีวิตเพื่อผู้สูงอายุสักโปรแกรมหนึ่งแล้วล่ะก็ เชื่อได้ว่าเมืองไทยประกันชีวิต ผู้สูงอายุ สามารถตอบโจทย์ความต้องการให้ครอบคลุมเพื่อคุ้มครองผู้สูงอายุวัยเก๋าในบ้านคุณได้อย่างตรงใจเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องค่ารักษาพยาบาล การดูแลระหว่างรักษาตัวในโรงพยาบาลหรือช่วงพักฟื้น ตลอดจนผลตอบแทนที่จะได้รับเมื่อวันนั้นมาถึง หรือจนตลอดอายุสัญญาหากผู้สูงอายุยังคงแข็งแรงเช่นเดิมก็รับเงินคืนไปแบบเต็มๆ อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นด้านไหนเชื่อได้ว่าผู้สูงอายุจะต้องมีความสุขในการไม่ต้องกังวลในเรื่องที่จะไม่ต้องเป็นภาระของลูกหลานอย่างแน่นอน

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับประกันชีวิตผู้สูงอายุได้ที่นี่ https://rabbitfinance.com/life-insurance/life-elderly