ThaiFranchiseCenter Webboard

ThaiFranchiseCenter Webboard - Info Center

* สมัครสมาชิกเว็บบอร์ด ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ฟรี! *
หน้าแรก | เปิดร้านค้าฟรี! | โปรโมชั่นแฟรนไชส์ | ร้านหนังสือออนไลน์ | สนใจลงโฆษณา

ทางเว็บไซต์ ThaiFranchiseCenter.com ไม่มีส่วนรับผิดชอบกับข้อความต่างๆในเว็บบอร์ดแต่อย่างใด
    ไม่ว่าจะเป็นการซื้อ-ขาย-เช่า-เซ้ง หรือ อื่นๆ (ผู้ซื้อ หรือ ผู้ขาย กรุณาใช้วิจารณญาณในการติดต่อทางธุรกิจ)


แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - คอตแอคติค

หน้า: [1]
1

หากคุณเป็นคนที่กำลังฝึกขับรถหรือเป็นนักขับมือใหม่อาจต้องเคยกังวล ว่าการขับรถตอนกลางคืนนั้นมีความแตกต่างกับการขับรถตอนกลางวันอย่างไร ต้องขับแบบไหนถึงจะปลอดภัยมากที่สุด วันนี้เราจึงรวบรวมเทคนิคขับรถกลางคืนที่มือใหม่และมือเก๋าต้องรู้มาฝากครับ โดยจะมีเทคนิคน่าสนใจอะไรบ้างนั้น ไปดูกันได้เลย

เทคนิคขับรถกลางคืนที่ไม่ควรมองข้าม
การขับรถกลางคืนอาจดูเป็นเรื่องยากกว่าการขับรถกลางวัน เนื่องจากทัศนวิสัยที่มืดและแย่ลงกว่าช่วงเวลาอื่น ทำให้การมองเห็นสิ่งต่าง ๆ บนท้องถนนทำได้ยากกว่า ส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุง่ายขึ้น ดังนั้นคุณจึงควรปฏิบัติตามเทคนิคการขับรถกลางคืนดังต่อไปนี้เพื่อความปลอดภัย

1.พักผ่อนให้เพียงพอก่อนเดินทาง
การพักผ่อนให้เพียงพอก่อนเดินทางจะช่วยให้ร่างกายสดชื่น ไม่ง่วงนอน และสามารถจดจ่อในการขับขี่ได้ดีขึ้น โดยควรนอนหลับอย่างน้อย 6-8 ชั่วโมงก่อนออกเดินทาง
2. ตรวจสภาพรถให้พร้อมใช้งาน
ก่อนออกเดินทางควรตรวจสภาพรถให้พร้อมใช้งาน โดยเฉพาะระบบไฟส่องสว่างและไฟสัญญาณต่าง ๆ ที่ต้องอยู่ในสภาพดี จนสามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
3. เลือกใช้ไฟส่องสว่างที่เหมาะสม
ควรเลือกใช้ไฟส่องสว่างที่เหมาะสมกับสภาพถนนและสภาพแวดล้อม เช่น หากถนนมืดมาก ควรใช้ไฟสูงเพื่อเพิ่มทัศนวิสัยในการมองเห็น แต่ควรเปิดไฟสูงสลับไฟต่ำบ่อยๆ เพื่อไม่ให้รบกวนสายตาของผู้ขับขี่รถคันอื่น
4. เว้นระยะห่างกับรถคันหน้าให้มากขึ้น
เนื่องจากทัศนวิสัยที่ลดลง ทำให้ไม่สามารถกะระยะการหยุดรถได้แม่นยำ ดังนั้นจึงควรเว้นระยะห่างกับรถคันหน้าให้มากขึ้นเพื่อความปลอดภัย
5. ลดความเร็วลง
ควรลดความเร็วลงเมื่อขับรถกลางคืน โดยเฉพาะเมื่อขับผ่านบริเวณที่มีแสงสว่างน้อย หรือขับผ่านเขตชุมชนที่มีผู้คนเดินข้ามถนนบ่อย ๆ
6. เพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษ
ควรเพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษเมื่อขับรถกลางคืน เช่น ระวังสัตว์ป่าข้ามถนน ระวังรถที่จอดอยู่ริมถนน ระวังคนข้ามถนนโดยไม่ระมัดระวัง
7. หลีกเลี่ยงการขับรถฝ่าฝน
หากฝนตกหนัก ควรหลีกเลี่ยงการขับรถฝ่าฝน เนื่องจากทัศนวิสัยที่ลดลง อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุที่ไม่คาดฝันได้
8. แวะพักรถเป็นระยะ ๆ
หากต้องขับรถกลางคืนเป็นเวลานาน ควรจอดแวะพักรถทุก 2-3 ชั่วโมง เพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อและลดความเหนื่อยล้า
9. ศึกษาเส้นทางล่วงหน้า
ควรศึกษาเส้นทางล่วงหน้าก่อนออกเดินทาง โดยเฉพาะเส้นทางที่ไม่คุ้นเคย เพื่อให้สามารถวางแผนการเดินทางได้อย่างเหมาะสม และลดปัญหาเฉพาะหน้าที่อาจเกิดขึ้นในตอนกลางคืน
10. ขับขี่อย่างมีสติ
ควรขับขี่อย่างมีสติ ไม่ประมาท ไม่หักเลี้ยวกะทันหัน ไม่ใช้โทรศัพท์ขณะขับรถ และปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด

หากปฏิบัติตามเทคนิคเหล่านี้อย่างเคร่งครัด ก็จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุจากการขับรถกลางคืนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และหากคุณกำลังมองหารถเช่าเพื่อเดินทางเที่ยวต่างจังหวัดอย่างสบายใจ ไม่ต้องกังวลเรื่องการซ่อมบำรุง Drive Car Rental ขอแนะนำบริการเช่ารถกรุงเทพราคาดี ทั้งรายวันและรายเดือน พร้อมบริการตรวจเช็กสภาพรถอย่างสม่ำเสมอ และมีบริการกรณีเกิดเหตุฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง ติดต่อจองรถที่หน้าเว็บไซต์ของเราได้เลยครับ!

2

มาตรฐานแรงดันไฟฟ้าเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ช่างไฟควรให้ความใส่ใจ เพื่อความปลอดภัยสูงสุดในการดำเนินงาน บทความนี้เราจะพูดถึงเกี่ยวกับความแตกต่างของไฟฟ้าแรงสูง ไฟฟ้าแรงต่ำ และไฟฟ้าแรงต่ำพิเศษ รวมถึงข้อควรรู้และข้อควรระวังที่ช่างไฟควรคำนึงถึง

ไฟฟ้าแรงสูง (High Voltage) คืออะไร
เป็นระบบไฟฟ้าที่มีแรงดันตั้งแต่ 1,000 โวลต์ขึ้นไป มีคุณสมบัติพิเศษคือสามารถส่งกระแสไฟฟ้าไปได้ไกลโดยไม่สูญเสียพลังงานมากนัก อีกทั้งยังสามารถกระโดดข้ามอากาศเพื่อเข้าหาวัตถุต่าง ๆ ได้โดยไม่ต้องสัมผัสสายไฟโดยตรง จึงเหมาะสำหรับการส่งไฟฟ้าไปยังพื้นที่ห่างไกลหรือต้องการส่งไฟฟ้าปริมาณมาก แต่ต้องระมัดระวังอันตรายจากไฟฟ้าแรงสูงที่อาจทำให้เสียชีวิตได้ทันที

การระบุค่าไฟฟ้าแรงสูงจะนิยมเขียนด้วยสัญลักษณ์ kV หรือ กิโลโวลต์ สามารถคำนวณได้โดยเอาค่าแรงดันไฟฟ้า (โวลต์) หารด้วย 1,000 เช่น ค่าแรงดันไฟฟ้า 115 กิโลโวลต์ จะเท่ากับ 115 x 1,000 = 115,000 โวลต์ เป็นต้น

ข้อควรรู้ - ข้อควรระวัง
  • หากต้องปฏิบัติงานหรือใช้เครื่องมือกล ควรอยู่ห่างจากเสาไฟฟ้าแรงสูงในระยะ 4 เมตรขึ้นไป เพื่อป้องกันไม่ให้กระแสไฟฟ้าแรงสูงกระโดดเข้าหาเรา
  • ไม่ควรทำกิจกรรมที่อาจก่อให้เกิดอันตรายในบริเวณใกล้เคียงกับเสาไฟฟ้าแรงสูง เช่น ปล่อยโคมลอย จุดไฟเผาขยะ เป็นต้น
  • หากพบสายไฟฟ้าแรงสูงชำรุดหรือขาดลงมาบริเวณพื้น ให้หลีกเลี่ยงการเข้าใกล้บริเวณนั้นและรีบแจ้งการไฟฟ้าทันที

ไฟฟ้าแรงต่ำ (Low Voltage) คืออะไร
เป็นระบบไฟฟ้าที่มีแรงดันระหว่าง 100 - 1,000 โวลต์ และนิยมนำมาใช้งานในชีวิตประจำวัน โดยในประเทศไทยจะแบ่งออกเป็น 2 ระบบ ได้แก่ ระบบไฟฟ้า 1 เฟส 2 สาย (220V) และระบบ 3 เฟส 4 สาย (380V) ซึ่งหากสัมผัสถูกกระแสไฟฟ้าอาจก่อให้เกิดการบาดเจ็บหรืออันตรายถึงชีวิตได้

ข้อควรรู้ - ข้อควรระวัง
  • ควรติดตั้งระบบไฟฟ้าให้เหมาะสมกับการใช้งาน หากเป็นบ้านเรือนทั่วไปที่ใช้ไฟฟ้าไม่มาก ควรใช้ระบบไฟฟ้า 1 เฟส แต่หากเป็นอาคารหรือโรงงานที่จำเป็นต้องใช้ไฟฟ้าปริมาณมาก ควรใช้ระบบไฟ 3 เฟส
  • ไม่ควรนำระบบไฟฟ้า 3 เฟสมาใช้กับเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือน เพราะอาจทำให้เครื่องใช้ไฟฟ้าเสียหายจากไฟเกินได้

ไฟฟ้าแรงต่ำพิเศษ (Extra Low Voltage) คืออะไร
เป็นระบบไฟฟ้าที่มีแรงดันไม่เกิน 50 โวลต์ มีจุดเด่นคือเครื่องใช้ไฟฟ้าในประเภทนี้ไม่จำเป็นต้องติดตั้งสายดิน สามารถสัมผัสได้โดยไม่เกิดอันตรายถึงชีวิต โดยส่วนใหญ่จะใช้ในการแบ่งประเภทอุปกรณ์ป้องกันไฟดูด รวมถึงเป็นเกณฑ์การทำงานสำหรับเครื่องตัดไฟรั่วในสถานที่เฉพาะ

ช่างไฟและวิศวกรจึงต้องมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับระบบไฟฟ้าทั้ง 3 ประเภท เพื่อความปลอดภัยในการดำเนินงาน โดยเฉพาะในส่วนของระบบไฟฟ้าแรงต่ำที่เราจำเป็นต้องใช้ในชีวิตประจำวัน ดังนั้น เมื่อติดตั้งระบบไฟฟ้าภายในบ้านหรือโรงงานอุตสาหกรรมต่าง ๆ เรียบร้อยแล้ว ก็อย่าลืมจัดระเบียบระบบสายไฟภายในจุดต่าง ๆ ให้เป็นระเบียบ เพื่อความสะดวกและป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้

หากวิศวกรไฟฟ้าหรือช่างไฟท่านใด ต้องการตู้ไฟ รางไฟคุณภาพดี ทนทุกสภาพการใช้งาน และตรงตามมาตรฐานการติดตั้งทางไฟฟ้า สอบถามข้อมูลสินค้าได้ที่
LINE Official Account: @KJL.connect หรือคลิก https://lin.ee/lzVhFfo
Facebook: facebook.com/KJLElectric

3

สายไฟสามารถเสื่อมสภาพและเสียหายได้ตามกาลเวลา และเมื่อไหร่ที่สายไฟเสียหายมันก็มีความเป็นไปได้สูงที่จะเกิดผลข้างเคียงอย่าง ไฟฟ้าลัดวงจร ไฟรั่ว หรือสายไฟไหม้ได้ ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุสุดวิสัยขึ้น วันนี้เราจึงได้รวบรวมสาเหตุของปัญหาสายไฟไหม้มาฝากทุกคนครับ โดยสายไฟไหม้จะเกิดจากอะไร ป้องกันได้อย่างไร วันนี้เรามีคำตอบ

สายไฟไหม้เกิดจากอะไร

สายไฟไหม้เกิดจากหลายสาเหตุ สาเหตุหลัก ๆ ได้แก่
  • ไฟฟ้าลัดวงจร เกิดจากสายไฟขาดหรือชำรุด ทำให้กระแสไฟฟ้าไหลผ่านสายไฟโดยไม่ผ่านอุปกรณ์ไฟฟ้าตามปกติ ส่งผลให้สายไฟเกิดความร้อนสูงจนไหม้
  • การใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าเกินกำลัง เกิดจากการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีกำลังไฟสูงเกินกว่าสายไฟที่รองรับได้ ส่งผลให้สายไฟเกิดความร้อนสูงจนไหม้
  • สายไฟขาดหรือชำรุด เกิดจากการใช้งานที่ยาวนาน เกิดจากการกัดแทะของสัตว์ หรือการถูกกระแทกจนสายไฟขาดหรือชำรุด ส่งผลให้สายไฟเกิดความร้อนสูงจนไหม้
  • การติดตั้งสายไฟไม่ถูกต้อง เกิดจากการติดตั้งสายไฟที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐาน อาจทำให้สายไฟเกิดความร้อนสูงจนไหม้

วิธีป้องกันสายไฟไหม้

วิธีป้องกันสายไฟไหม้อย่างถูกต้อง มีดังนี้

  • ตรวจสอบสภาพสายไฟอยู่เสมอ หมั่นสังเกตว่าสายไฟมีรอยแตก รอยชำรุด หรือถูกสัตว์กัดแทะหรือไม่ หากพบเห็นความผิดปกติ ให้เปลี่ยนสายไฟใหม่ทันที
  • ใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าให้เหมาะสมกับกำลังไฟ ไม่ควรใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีกำลังไฟสูงเกินกว่าสายไฟที่รองรับได้
  • ถอดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกครั้งเมื่อเลิกใช้งาน เพื่อป้องกันการเกิดไฟฟ้าลัดวงจร
  • ติดตั้งสายไฟให้ถูกต้องตามมาตรฐาน ควรให้ช่างไฟฟ้าที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญเป็นผู้ติดตั้ง
  • ควรใช้สายไฟที่มีคุณภาพดี สายไฟที่มีคุณภาพดีจะมีฉนวนหุ้มที่หนาและทนทาน ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดไฟฟ้าลัดวงจร
  • ควรเก็บสายไฟให้ห่างจากความร้อนและความชื้น ความร้อนและความชื้นอาจทำให้สายไฟเสื่อมสภาพและเกิดไฟฟ้าลัดวงจรได้
  • ควรหมั่นทำความสะอาดสายไฟ ฝุ่นละอองอาจสะสมบนสายไฟและทำให้เกิดความร้อนสูงจนไหม้ได้

นอกจากนี้ ยังมีวิธีป้องกันสายไฟไหม้เพิ่มเติมอีก เช่น

  • ติดตั้งเบรกเกอร์ป้องกันไฟลัดวงจร เบรกเกอร์ป้องกันไฟลัดวงจรจะช่วยตัดไฟทันทีที่เกิดการลัดวงจร เพื่อป้องกันไม่ให้สายไฟเกิดความร้อนสูงจนไหม้
  • ติดตั้งเครื่องตัดไฟรั่ว เครื่องตัดไฟรั่วจะช่วยตัดไฟทันทีที่ตรวจพบกระแสไฟฟ้ารั่วไหล เพื่อป้องกันไม่ให้สายไฟเกิดความร้อนสูงจนไหม้

การป้องกันสายไฟไหม้เป็นสิ่งสำคัญที่ทุกคนควรให้ความสำคัญ เพราะอาจทำให้เกิดอัคคีภัยและทรัพย์สินเสียหายได้ หากพบเห็นความผิดปกติของสายไฟ ควรรีบแก้ไขหรือเปลี่ยนสายไฟใหม่ทันที เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน และหากวิศวกรไฟฟ้าหรือช่างไฟท่านใด ต้องการตู้ไฟ รางไฟคุณภาพดี ทนทุกสภาพการใช้งาน และตรงตามมาตรฐานการติดตั้งทางไฟฟ้า สอบถามข้อมูลสินค้าได้ที่
LINE Official Account: @KJL.connect หรือคลิก https://lin.ee/lzVhFfo
Facebook: facebook.com/KJLElectric

4

รหัสสีสายไฟคือการกำหนดสีของฉนวนสายไฟเพื่อระบุหน้าที่ของสายไฟนั้น ๆ รหัสสีสายไฟมีมาตรฐานสากลและมาตรฐานของแต่ละประเทศ ซึ่งในประเทศไทยนั้น รหัสสีสายไฟจะต้องเป็นไปตามมาตรฐาน มอก.11-2553 โดยรหัสสีสายไฟจะมีรายละเอียดแบบใดนั้น เราได้รวบรวมมาให้ทุกคนได้ลองอ่านและศึกษากันแล้วครับ

สายไฟ คืออะไร
สายไฟ (Cables) คือ อุปกรณ์ส่วนที่สำคัญในการติดตั้งงานระบบไฟฟ้า เพื่อทำหน้าที่เป็นเส้นทาง หรือตัวกลางในการส่งผ่านกำลังไฟฟ้า จากแหล่งจ่ายกริด (Grid) ไปยังโหลดหรือบริภัณฑ์ไฟฟ้าต่าง ๆ ที่ติดตั้งอยู่ภายในบ้านพักอาศัย อาคาร สำนักงาน และโรงงาน เพื่ออำนวยความสะดวกในการใช้ชีวิตประจำวันของเรา

รหัสสีสายไฟ
สีของฉนวนสายไฟจะกำหนดใหม่ โดยสายไฟฟ้าหุ้มฉนวนแกนเดียวขนาดไม่เกิน 16 ตร.มม. กำหนดให้สีของฉนวนเป็น
สีฟ้าสำหรับสายนิวทรัล (N)
สีน้ำตาลสำหรับเฟส 1 (L1)
สีดำสำหรับเฟส 2 (L2)
สีเทาสำหรับเฟส 3 (L3)
สีเขียวคาดเหลือง (อนุโลมให้ใช้สีเขียวหรือสายเปลือยได้) สำหรับสายดิน (G)



ขอบคุณรูปภาพจาก https://www.kjl.co.th/
ซึ่งช่างไฟและวิศวกรไฟฟ้าต้องเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น เมื่อทำการติดตั้งงานระบบไฟฟ้าให้กับโครงการประเภทปรับปรุง ต่อเติม และซ่อมแซมอาคาร สิ่งปลูกสร้าง ที่จำเป็นต้องใช้มาตรฐานสายไฟใหม่ ร่วมกันกับสายไฟที่ติดตั้งอยู่เดิมที่เป็นสายไฟตามมาตรฐานตัวเก่า ดังนั้นการทำเครื่องหมายกำกับเพิ่มเติมไว้จึงเป็นเรื่องที่สำคัญมากเพื่อให้เกิดความปลอดภัย

อ่านมาถึงตรงนี้ช่างไฟก็คงจะทราบแล้วนะครับว่าสีสายไฟแต่ละสีคืออะไร มีความสำคัญอย่างไร และถ้าหากวิศวกรไฟฟ้าหรือช่างไฟท่านใด ต้องการตู้ไฟ รางไฟคุณภาพดี ทนทุกสภาพการใช้งาน และตรงตามมาตรฐานการติดตั้งทางไฟฟ้า สอบถามข้อมูลสินค้าได้ที่
LINE Official Account: @KJL.connect
Facebook: facebook.com/KJLElectric - https://www.thaifranchisecenter.com/forumboard/index.php?action=post2;start=0;board=88

5

คงแย่แน่หาก ภายในอาคารมีผู้คนอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก เมื่อเกิดเหตุไฟไหม้หรือเหตุฉุกเฉินอื่น ๆ อาจจะไม่สามารถอพยพคนหนีออกมาได้อย่างทันท่วงที ในสภาวะเช่นนี้ วงจรไฟฟ้าช่วยชีวิต เป็นสิ่งจำเป็นอีกหนึ่งอย่าง เพื่อให้สามารถช่วยชีวิตผู้คนที่ติดอยู่ในสถานที่อันตราย ภายในอาคารได้ โดยวันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับ “วงจรไฟฟ้าช่วยชีวิต” พร้อมแล้วไปดูกันเลย

วงจรไฟฟ้าช่วยชีวิต คืออะไร?
“วงจรไฟฟ้าช่วยชีวิต” คือ วงจรที่ถูกออกแบบให้มีความแข็งแรงเป็นพิเศษ สามารถทนต่อความร้อนจากไฟไหม้ได้ และยังคงความปลอดภัยต่อกระแสไฟฟ้ารั่วหรือลัดวงจร เพื่อให้สามารถช่วยชีวิตผู้คนที่ติดอยู่ในสถานที่เกิดไฟไหม้หรือภาวะฉุกเฉินอื่น ๆ ในอาคารชุด อาคารสูงหรืออาคารใหญ่พิเศษ

ขอบเขตการติดตั้งวงจรไฟฟ้าช่วยชีวิต
ในประเทศไทย มีการกำหนดมาตรฐานการติดตั้งไฟฟ้า สำหรับอาคารประเภทต่าง ๆ ดังนี้

- อาคารชุด
- อาคารสูง
- อาคารขนาดใหญ่พิเศษ
- อาคารเพื่อการสาธารณะใต้ดิน

วงจรไฟฟ้าช่วยชีวิต จะต้องมีระบบวงจรไฟฟ้าทั้งหมด 7 อย่าง ดังนี้

1. ระบบจ่ายพลังงานไฟฟ้าสำรอง สำหรับหนีภัย
2. ระบบแจ้งเหตุเพลิงไหม้ และระบบสื่อสารฉุกเฉิน
3. ระบบไฟฟ้าแสงสว่างฉุกเฉิน
4. ระบบอัดอากาศสำหรับบันไดหนีไฟ
5. ระบบดูดและระบายควัน รวมทั้งระบบควบคุมการกระจายของไฟและควัน
6. ระบบเครื่องสูบน้ำและระบบดับเพลิงอัตโนมัติ
7. ระบบลิฟต์ดับเพลิง

ทั้งนี้การติดตั้งวงจรไฟฟ้าช่วยชีวิต มักนิยมใช้การเดินไฟฟ้าในวงจรสำคัญ โดยเฉพาะวงจรฉุกเฉินด้านความปลอดภัย  เพราะสามารถจ่ายไฟได้ในระยะเวลาหนึ่งของการเกิดเพลิงไหม้ทำให้วงจรยังทำงานได้ สามารถดำเนินการช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาฉุกเฉินยามเกิดเหตุเพลิงไหม้ได้ทันท่วงที ดังนั้น วงจรไฟฟ้าช่วยชีวิต มีความจำเป็นอย่างมากในด้านความปลอดภัยและควรติดตั้งก่อนเกิดเหตุอันไม่คาดฝันเกิดขึ้น

หากวิศวกรไฟฟ้าหรือช่างไฟท่านใด ต้องการตู้ไฟ รางไฟคุณภาพดี ทนทุกสภาพการใช้งาน และตรงตามมาตรฐานการติดตั้งทางไฟฟ้า สอบถามข้อมูลสินค้าได้ที่
LINE Official Account: @KJL.connect
Facebook: facebook.com/KJLElectric

6

ผู้ใช้รถใช้ถนนหลายท่านอาจจะยังไม่เคยรู้และยังคงสงสัยว่ามอเตอร์เวย์คืออะไร แตกต่างกับทางด่วน (Expressway) ไฮเวย์ (Highway) และโทลล์เวย์ (Tollway) อย่างไร วันนี้เราได้รวบรวมความแตกต่างและลักษณะสำคัญของเส้นทางความเร็วสูงที่คนไทยคุ้นเคยเหล่านี้มาฝากครับ

มอเตอร์เวย์คืออะไร
มอเตอร์เวย์ (Motorway) เป็นทางด่วนพิเศษที่เชื่อมต่อระหว่างเมืองหรือจังหวัด ถือเป็นถนนทางเลือกที่ทอดยาวควบคู่ไปกับทางปกติ มีการเก็บค่าผ่านทาง มอเตอร์เวย์จะอนุญาตให้ใช้งานได้เฉพาะรถยนต์ รถบัส และรถบรรทุกเท่านั้น ซึ่งมอเตอร์เวย์จะมีอยู่สองสายคือ ทางด่วนพิเศษหมายเลข 7 กรุงเทพฯ-ชลบุรี-พัทยา และสาย 9 ถนนกาญจนาภิเษก (วงแหวนรอบนอกด้านตะวันออก)

ทางด่วนคืออะไร
ทางด่วน (Expressway) เป็นถนนทางเดินรถพิเศษที่มีการเก็บค่าผ่านทางสำหรับผู้ใช้งาน ดูแลโดยการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ปัจจุบันมีทางด่วนทั้งหมด 8 สายดังนี้

1. ทางด่วนเฉลิมมหานคร หรือ ทางด่วนขั้นที่ 1 (ดินแดง-ท่าเรือ , บางนา-ท่าเรือ , ดาวคะนอง-ท่าเรือ)
2. ทางด่วนศรีรัช หรือ ทางด่วนขั้นที่ 2 (บางโคล่-แจ้งวัฒนะ , พญาไท-ศรีนครินทร์)
3. ทางด่วนฉลองรัช (จตุโชติ-รามอินทรา-อาจณรงค์)
4. ทางด่วนบูรพาวิถี (บางนา-ชลบุรี)
5. ทางด่วนอุดรรัถยา (แจ้งวัฒนะ-บางปะอิน)
6. ทางพิเศษสาย S1 (อาจณรงค์–บางนา)
7. ทางด่วนกาญจนาภิเษก วงแหวนรอบนอกด้านใต้ (บางพลี-พระราม 2)
8. ทางพิเศษสายศรีรัช–วงแหวนรอบนอกกรุงเทพฯ (ทางด่วนสายศรีรัช-วงแหวน, ทางด่วนหมอชิต-วงแหวน)

ไฮเวย์คืออะไร
ไฮเวย์ (Highway) คือทางหลวงแผ่นดินที่วิ่งระหว่างจังหวัดมุ่งไปยังภาคต่าง ๆ ของประเทศไทย ทางหลวงนี้จะไม่เสียค่าผ่านทางในการวิ่ง แบ่งออกเป็น 5 ประเภทได้แก่ ทางหลวงพิเศษ ทางหลวงแผ่นดิน ทางหลวงชนบท ทางหลวงท้องถิ่น และทางหลวงสัมปทาน โดยทางหลวงหลักที่เชื่อมต่อระหว่างกรุงเทพไปยังภูมิภาคต่าง ๆ มีทั้งหมด 4 สาย ได้แก่

1. ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1 ถนนพหลโยธิน กรุงเทพฯ-แม่สาย (เขตแดน)
2. ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 2 ถนนมิตรภาพ สระบุรี-หนองคาย (เขตแดน)
3. ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 3 ถนนสุขุมวิท กรุงเทพฯ-ตราด
4. ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 4 ถนนเพชรเกษม กรุงเทพฯ-อ.สะเดา

โทลล์เวย์คืออะไร
โทลล์เวย์ (Tollway) คือทางยกระดับที่เก็บค่าผ่านทางซึ่งดูแลโดยบริษัททางยกระดับดอนเมือง (เอกชน) โทลล์เวย์เป็นทางด่วนยกระดับที่มีความยาวทั้งสิ้น 28.2 กม. ถูกแบ่งเป็นสองช่วงคือ คือ ดินแดง-ดอนเมือง และ อนุสรณ์สถาน-รังสิต

หวังว่าทุกคนที่อ่านมาถึงตรงนี้จะเข้าใจแล้วนะครับว่ามอเตอร์เวย์คืออะไร แตกต่างจากทางหลวงอื่นอย่างไร และหากคุณกำลังมองหารถเช่าเพื่อเดินทางเที่ยวต่างจังหวัดอย่างสบายใจ ไม่ต้องกังวลเรื่องการซ่อมบำรุง Drive Car Rental ขอแนะนำบริการเช่ารถกรุงเทพราคาดี ทั้งรายวันและรายเดือน พร้อมบริการตรวจเช็กสภาพรถอย่างสม่ำเสมอ และมีบริการกรณีเกิดเหตุฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง ติดต่อจองรถที่หน้าเว็บไซต์ของเราได้เลยครับ!

ขอบคุณข้อมูลจาก
https://www.innnews.co.th
https://auto.mthai.com

7

ปัญหาอาการแบตเตอรี่รถยนต์เสื่อมสามารถเกิดขึ้นได้กับรถทุกคันทุกประเภท เพราะแบตเตอรี่ถือเป็นชิ้นส่วนที่มีการใช้งานอยู่ตลอดเวลา มันจึงเป็นเรื่องปกติที่ตัวแบตจะเริ่มเสื่อมสภาพไปตามระยะเวลาที่ผ่านไป และเมื่อแบตเตอรี่เกิดเสื่อมสภาพจนไม่สามารถใช้งานได้เมื่อไหร่ มันก็จะทำให้เกิดปัญหาต่าง ๆ ตามมามากมาย เช่น ระบบไฟส่องสว่างมีปัญหา, รถสตาร์ทติดยาก หรือรถสตาร์ทไม่ติด โดยสาเหตุของอาการแบตเตอรี่รถยนต์เสื่อมจะเกิดจากอะไร ป้องกันได้อย่างไร มาดูกันครับ

1.สตาร์ทรถทิ้งไว้เป็นเวลานาน
พฤติกรรมการสตาร์ทรถแล้วจอดทิ้งไว้เป็นเวลานาน นอกจากจะเปลืองน้ำมันและยังปล่อยควันเสียจนกลายเป็นมลพิษทางอากาศแล้ว มันยังทำให้แบตเตอรี่รถยนต์และชิ้นส่วนอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องทำงานหนักโดยไม่มีความจำเป็นอีกด้วย ซึ่งถ้าหากคุณทำแบบนี้บ่อย ๆ แบตเตอรี่ของตัวรถก็จะมีอายุการใช้งานที่สั้นลง ทำให้แบตเตอรี่เสื่อมสภาพและหมดอายุการใช้งานไปอย่างรวดเร็ว ถือเป็นอีกหนึ่งสาเหตุของอาการแบตเตอรี่รถยนต์เสื่อมที่หลายคนไม่เคยรู้
2.เปิดไฟส่องสว่างไว้ทั้งคืน
การตรวจสอบรถให้ดีทุกครั้งที่เราจอดรถเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากการเปิดไฟส่องสว่างตามส่วนต่าง ๆ ของรถทิ้งไว้ทั้งคืน อาจทำให้แบตเตอรี่รถยนต์ทำงานหนักจนเสื่อมสภาพไวขึ้น มันจึงถือเป็นอีกหนึ่งสาเหตุของอาการแบตเตอรี่รถยนต์เสื่อมที่ใครหลายคนคาดไม่ถึง ดังนั้นเมื่อลงจากรถทุกครั้ง เราควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าไฟส่องสว่างใด ๆ ไม่ได้ถูกเปิดทิ้งไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้แบตเตอรี่มีปัญหาเกิดขึ้นก่อนก่อนเวลาอันควร
3.น้ำกลั่นสกปรกหรือไม่มีมาตรฐาน
การใช้น้ำกลั่นที่มีมาตรฐานเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากน้ำกลั่นที่ไม่สะอาดหรือมีสิ่งปนเปื้อนอาจเกิดปฏิกิริยาทางเคมีที่ไม่สมบูรณ์ ซึ่งอาจส่งผลให้แบตเตอรี่ไม่สามารถเก็บพลังงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และอาจทำให้แบตเตอรี่เสื่อมสภาพอย่างรวดเร็ว

ดังนั้น เจ้าของรถจึงควรใช้น้ำกลั่นที่มีมาตรฐานสำหรับการเติมแบตเตอรี่ เพื่อรับประกันว่าแบตเตอรี่จะทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังควรทำความสะอาดแบตเตอรี่ก่อนการเติมทุกครั้งโดยเฉพาะในบริเวณจุกเติมน้ำกลั่น เพื่อป้องกันไม่ให้มีสิ่งสกปรกเข้ามาสะสมภายในแบตเตอรี่ระหว่างการเติม การดำเนินการเหล่านี้จะช่วยให้แบตเตอรี่มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน ห่างไกลจากปัญหากวนใจที่อาจเกิดขึ้น
4.จอดรถทิ้งไว้นานไม่ได้ขับ
การจอดรถทิ้งไว้เป็นเวลานานถือเป็นสาเหตุของอาการแบตเตอรี่รถยนต์เสื่อมที่ใครหลายคนไม่เคยรู้ เพราะตัวแบตเตอรี่จะคายประจุไฟออกมาตลอดเวลาในช่วงที่เราไม่ได้ขับ ทำให้พลังงานในแบตเตอรี่อ่อนลงเรื่อย ๆ ซึ่งถ้าหากเราปล่อยทิ้งไว้เป็นเวลานาน แบตเตอรี่จะเริ่มเสื่อมสภาพและไม่สามารถใช้งานได้ในที่สุด ดังนั้น เราจึงควรนำรถออกไปขับบ้างอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง หรือใช้เครื่องชาร์จแบตเตอรี่คอยชาร์จไฟให้เต็มอยู่เสมอ เพื่อยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ให้ยาวนานไม่เสื่อมสภาพก่อนเวลาอันควร

มาป้องกันปัญหาแบตเตอรี่เสื่อมจากการจอดนานที่ต้นเหตุ ด้วยเครื่องชาร์จแบตเตอรี่ CTEK MXS 5.0 และ CTEK XS 0.8 เครื่องชาร์จแบตเตอรี่อัจฉริยะที่ขายดีที่สุดในท้องตลาด เทคโนโลยีลิขสิทธิ์เฉพาะจากประเทศสวีเดน ใช้งานง่าย ปลอดภัย รับประกัน 5 ปี ไม่ต้องมีความรู้เรื่องช่างก็สามารถใช้งานได้ในทันที มาพร้อมกับระบบตัดไฟอัตโนมัติเมื่อชาร์จเต็ม สามารถชาร์จทิ้งไว้ได้เป็นเดือน ๆ โดยไม่ทำให้แบตเตอรี่เสีย เป็นมิตรกับระบบไฟฟ้าภายในตัวรถอย่างแน่นอน

8

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นภดล วิวัชรโกเศศ

ระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนหลังคาควบคู่กับระบบกักเก็บพลังงานแบตเตอรี่มีแนวโน้มการใช้งานสูงขึ้น เนื่องจากเป็นทางเลือกที่ดีในการลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานไฟฟ้า แล้วหากองค์กรใดต้องการใช้งานระบบผลิตไฟฟ้าเช่นนี้ควรเตรียมการอย่างไรบ้าง หาคำตอบไปด้วยกันกับ KJL

 สิ่งที่ควรรู้ ก่อนติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนหลังคา
การออกแบบและติดตั้งระบบดังกล่าวต้องเป็นไปตามมาตรฐานติดตั้งทางไฟฟ้าสำหรับประเทศไทย: ระบบการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนหลังคา พ.ศ. 2565 (วสท. 022013-22) ที่กำหนดไว้ เพื่อให้เกิดความปลอดภัยโดยเฉพาะระบบไฟฟ้ากระแสตรง และ PV array ที่อาจก่อให้เกิดอันตรายในด้านอื่น ๆ ได้ นอกเหนือจากระบบไฟฟ้ากระแสสลับทั่วไป
 3 ข้อควรรู้ จากมาตรฐานการติดตั้งทางไฟฟ้าสำหรับประเทศไทย
มาตรฐาน วสท. 022013-22 ฉบับนี้เป็นมาตรฐานที่ได้รับการปรับปรุงเพิ่มเติมจากมาตรฐานการติดตั้งระบบการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ฯ ฉบับ พฤศจิกายน พ.ศ. 2559 ที่เป็นฉบับเดิม จึงมีประเด็นสำคัญที่กำหนดเพิ่มเติมจากฉบับเดิม ดังนี้

(1) การเพิ่มข้อบังคับการติดตั้งอุปกรณ์ที่ทำหน้าที่หยุดทำงานฉุกเฉิน (Rapid Shutdown) เพื่อลดค่าแรงดันไฟฟ้าในบริเวณ Array boundary ให้เหลือ
      ไม่เกิน 80 โวลต์ ภายในเวลา 30 วินาที หรือการใช้อุปกรณ์ควบคุม เพื่อลดความเสี่ยงจากการเกิดไฟดูดและเกิดอันตรายต่อพนักงานดับเพลิง เป็นต้น
(2) การกำหนดขนาดพิกัด Voc ARRAY สูงสุดสำหรับ PV array ที่ติดตั้งใช้งานบนหลังคา โดยกำหนดให้มีพิกัดแรงดันไฟฟ้ากระแสตรงไม่เกิน
     1,000 โวลต์ สำหรับอาคารที่พักอาศัย และไม่เกิน 1,500 โวลต์ สำหรับอาคารอื่นๆที่ไม่ใช่ที่พักอาศัย

(3) การเชื่อมต่ออุปกรณ์ การต่อเคเบิล อุปกรณ์ป้องกันทางไฟฟ้า อุปกรณ์ตัดต่อ การต่อลงดิน รวมถึงระบบจัดเก็บพลังงานแบตเตอรี่ (Battery Energy
     Storage System, B(ESS) อุปกรณ์แปลงไฟฟ้าเพื่อการอัดประจุ และคายประจุไฟฟ้าสำหรับแบตเตอรี่

หากวิศวกรไฟฟ้า หรือช่างไฟท่านใดต้องการตู้ไฟคุณภาพดี ตรงตามมาตรฐาน สามารถดูรายละเอียด หรือสอบถามข้อมูลสินค้าได้ที่ KJL LINE Official Account: @KJL.connect

9

เหล่าไบค์เกอร์ที่ชื่นชอบการออกทริปท่องเที่ยวคงจะทราบกันดี ว่าอุปกรณ์เซฟตี้ถือเป็นสิ่งจำเป็นต่อการเดินทางมากขนาดไหน เพราะอุบัติเหตุสามารถเกิดขึ้นได้ในทุกที่ทุกเวลา หากเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้น อุปกรณ์เหล่านี้จะช่วยลดทอนความเสียหาย และปกป้องคุณจากอันตรายได้ไม่มากก็น้อย ดังนั้นวันนี้เราจึงได้รวบรวมอุปกรณ์เซฟตี้ที่ไบค์เกอร์ต้องมีก่อนออกทริปมาฝากครับ

1.หมวกกันน็อค
หมวกกันน็อคถือเป็นอุปกรณ์เซฟตี้ชิ้นสำคัญที่ไบค์เกอร์ทุกคนต้องมีและต้องสวมใส่ทุกครั้งเวลาขับขี่บนท้องถนน เพราะมันเป็นอุปกรณ์ที่จะช่วยปกป้องศีรษะของผู้สวม จากแรงกระแทกหรืออุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้น หมวกกันน็อคในปัจจุบันมีอยู่ด้วยกันหลายแบบหลายสไตล์ ซึ่งถูกแบ่งประเภทตามลักษณะการใช้งานที่แตกต่างกันไป เราจึงควรเลือกหมวกกันน็อคที่เหมาะสมกับจุดประสงค์การใช้งาน พอดีกับขนาดศีรษะ และมีมาตรฐานระดับสากลเพื่อความปลอดภัย

2.ถุงมือป้องกัน
สำหรับการขับขี่บิ๊กไบค์ระยะไกลหรือออกทริปทัวร์ริ่งนั้น ถุงมือป้องกันถือเป็นสิ่งจำเป็นที่ไบค์เกอร์ทุกคนควรมีสวมใส่ เพราะนอกจากจะป้องกันมือของเราเวลาเกิดอุบัติเหตุแล้ว มันยังช่วยป้องกันลม แสงแดด หรือสิ่งแปลกปลอมที่อาจทำอันตรายต่อมือเราได้อีกด้วย ช่วยให้เราสามารถควบคุมรถได้อย่างถนัด พร้อมเดินทางในทุกเส้นทางที่อยากไป

3.เสื้อการ์ดเกราะอ่อน
เสื้อการ์ดเกราะอ่อนถือเป็นอุปกรณ์เซฟตี้ชิ้นสำคัญที่นอกจากจะเสริมความปลอดภัยให้กับผู้สวมใส่แล้ว มันยังเพิ่มความเท่และเติมเต็มความมั่นใจของผู้ขับขี่ได้อีกหลายเท่า เราจึงควรเลือกเสื้อการ์ดเกราะอ่อนที่มีคุณภาพ แข็งแรงทนทาน และสามารถป้องกันความเสียหายเมื่อเกิดอุบัติเหตุได้อย่างมีประสิทธิภาพ ที่สำคัญคือต้องระบายอากาศได้ดี เพราะการขับขี่รถกลางแดดเป็นเวลานาน อาจทำให้เราเป็นฮีทสโตรกหรือลมแดดได้ถ้าไม่ระวัง

4.กางเกงการ์ด
กางเกงการ์ดถือเป็นอุปกรณ์เซฟตี้ชิ้นสำคัญ ที่ช่วยลดทอนความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นเมื่อเกิดอุบัติเหตุได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไบค์เกอร์ควรเลือกกางเกงการ์ดที่มีเกราะป้องกันหัวเข่าหรือช่วงหน้าแข้ง เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับช่วงขา เพราะบริเวณนี้มักได้รับบาดเจ็บและเกิดอันตรายเสมอเมื่อรถมอเตอร์ไซค์ล้ม

5.รองเท้าบูท
นอกจากขาแล้วบริเวณข้อเท้าก็ถือเป็นส่วนที่เราต้องป้องกันและให้ความสำคัญ รองเท้าบูทจึงเป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์เซฟตี้ที่สามารถปกป้องส่วนเท้าของไบค์เกอร์จากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นได้ ดังนั้นเราจึงควรเลือกซื้อรองเท้าบูทที่มีขนาดพอดี ใส่แล้วเดินสะดวก เพื่อให้เกิดความคล่องตัวระหว่างขับขี่และตอนเดินทาง

นอกจากอุปกรณ์เซฟตี้แล้ว การเตรียมรถให้พร้อมก่อนออกเดินทางก็เป็นสิ่งสำคัญ ไม่ว่าคุณจะขี่บิ๊กไบค์แบบไหน เราก็ได้ขี่แค่ตอนออกทริป การดูแลแบตเตอรี่ระหว่างจอดจึงเป็นเรื่องที่เราไม่ควรมองข้าม ดังนั้นเราจึงควรใช้เครื่องชาร์จแบตเตอรี่ CTEK คอยชาร์จไฟให้เต็มอยู่เสมอ เพื่อยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ให้ยาวนาน จะได้ไม่ต้องเปลี่ยนแบตรถใหม่บ่อย ๆ ให้สิ้นเปลือง

ขอบคุณข้อมูลจาก
https://www.yamaha-motor.co.th

10

เพื่อป้องกันอาการแบตเตอรี่รถยนต์เสื่อม เราจึงควรดูแลแบตเตอรี่รถให้ดีอยู่เสมอ เพราะมันคือชิ้นส่วนสำคัญที่เปรียบเสมือนหัวใจของรถยนต์ หากแบตเตอรี่รถเสียหรือใช้งานไม่ได้ รถยนต์ก็จะสตาร์ทไม่ติดและไม่สามารถใช้งานได้ตามปกติ ดังนั้นการดูแลแบตเตอรี่รถยนต์อย่างสม่ำเสมอจึงเป็นเรื่องสำคัญที่เราไม่ควรมองข้าม วันนี้เราจึงได้รวบรวมวิธีดูแลรักษาแบตเตอรี่รถยนต์ที่คุณจำเป็นต้องรู้มาฝากครับ

1.ตรวจสอบระดับน้ำกลั่นอย่างสม่ำเสมอ
เราต้องตรวจสอบระดับน้ำกลั่นในแบตเตอรี่อย่างสม่ำเสมอ เพราะน้ำกลั่นคือตัวนำไฟฟ้าที่ถือเป็นส่วนประกอบสำคัญ ที่ช่วยให้แบตเตอรี่สามารถทำงานได้ตามปกติ เจ้าของรถจึงจำเป็นต้องคอยระวังอย่าให้น้ำกลั่นแห้ง ต้องหมั่นเติมน้ำกลั่นให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม โดยอย่าลืมเลือกใช้น้ำกลั่นบริสุทธิ์ที่ได้มาตรฐาน ไม่ใช้น้ำกรดหรือน้ำเปล่า เพราะมันอาจส่งผลให้แบตเตอรี่ทำงานได้ไม่เต็มที่จนสูญเสียแรงดันไฟฟ้าและเสื่อมประสิทธิภาพในที่สุด

2.อย่าลืมทำความสะอาดขั้วแบตเตอรี่
ขั้วแบตเตอรี่ที่มีขี้เกลือเกาะ จะทำให้การนำไฟฟ้าแย่ลง มีผลต่อการจ่ายไฟของแบตเตอรี่ได้ อาจทำให้รถสตาร์ทไม่ติดหรือแบตเตอรี่เสื่อมไว หากคุณพบว่ามีขี้เกลือเกาะคุณก็สามารถทำความสะอาดได้ด้วยการใช้โซดา โดยการใช้แปรงสีฟันเก่า ๆ จุ่มโซดาแล้วนำมาขัดขั้วแบตเตอรี่จนขี้เกลือละลายออกหมด

3.นำรถไปขับอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง
การนำรถออกไปขับถือเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการยืดอายุแบตเตอรี่ คุณควรนำรถไปขับอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้งเพื่อเป็นการเติมไฟให้แบตเตอรี่ได้ทำงานตามปกติ ซึ่งวิธีนี้จะช่วยป้องกันแบตเตอรี่เสื่อมได้อย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยให้อายุการใช้งานยาวนานไม่ต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่บ่อย ๆ ให้สิ้นเปลือง

4.ใช้เครื่องชาร์จแบตเตอรี่ CTEK
แบตเตอรี่ที่มีอายุการใช้งานที่ยาวนานที่สุดคือแบตเตอรี่ที่มีไฟเต็มอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นหากคุณใช้งานรถเป็นประจำ นำรถออกไปขับเกือบทุกวัน แบตเตอรี่ก็จะมีอายุการใช้งานที่ยาวนานเต็มประสิทธิภาพของแบตเตอรี่ แต่ถ้าคุณมีเหตุจำเป็นต้องจอดรถทิ้งไว้กับบ้านเป็นเวลานาน ไม่มีโอกาสนำรถออกไปขับ คุณก็ควรใช้เครื่องชาร์จแบตเตอรี่คอยชาร์จไฟให้เต็มอยู่ตลอด เพื่อป้องกันไม่ให้แบตเตอรี่เสื่อมก่อนเวลาอันควร การใช้เครื่องชาร์จแบตเตอรี่จึงถือเป็นอีกหนึ่งวิธีดูแลรักษาแบตเตอรี่รถยนต์ที่ทำได้ง่ายมากที่สุดครับ

ป้องกันแบตเตอรี่เสื่อมจากการจอดนาน ด้วยเครื่องชาร์จแบตเตอรี่ CTEK MXS 5.0 และ CTEK XS 0.8 เครื่องชาร์จแบตเตอรี่อัจฉริยะที่ขายดีที่สุดในท้องตลาด เทคโนโลยีลิขสิทธิ์เฉพาะจากประเทศสวีเดน ใช้งานง่าย ปลอดภัย รับประกัน 5 ปี ไม่ต้องมีความรู้เรื่องช่างก็สามารถใช้งานได้ในทันที มาพร้อมกับระบบตัดไฟอัตโนมัติเมื่อชาร์จเต็ม สามารถชาร์จทิ้งไว้ได้เป็นเดือน ๆ โดยไม่ทำให้แบตเตอรี่เสีย เป็นมิตรกับระบบไฟฟ้าภายในตัวรถอย่างแน่นอน

11


การติดตั้งอุปกรณ์ไฟฟ้าอย่างอย่างถูกวิธีสำคัญอย่างยิ่งต่อความปลอดภัยของระบบไฟฟ้าแรงต่ำ โดยเฉพาะการเชื่อมต่อตัวนำเข้ากับอุปกรณ์ป้องกัน เช่น เซอร์กิตเบรกเกอร์ เพราะหากเชื่อมต่อผิดวิธี อาจส่งผลให้จุดเชื่อมต่อเกิดความร้อนสะสม และเกิดเปลวไฟได้ KJL จึงเปรียบเทียบการเชื่อมต่อระหว่างตัวนำกับเซอร์กิตเบรกเกอร์ 2 รูปแบบให้คุณเห็นชัดเจนในบทความนี้ เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องในการติดตั้ง

การเข้าสายหรือเชื่อมต่อตัวนำกับเซอร์กิตเบรกเกอร์
การเชื่อมต่อสายไฟฟ้าเข้ากับเซอร์กิตเบรกเกอร์สามารถทำได้หลายรูปแบบ ขึ้นอยู่กับประเภทของชนิดขั้วต่อสายของเซอร์กิตเบรกเกอร์ตามที่ผู้ผลิตกำหนดและให้ช่างไฟฟ้าเลือกใช้งาน โดยสามารถสรุปได้คร่าว ๆ 2 รูปแบบ ดังนี้

1. การเชื่อมต่อโดยตรงกับขั้วต่อสายของเซอร์กิตเบรกเกอร์
โดยทั่วไปช่างไฟฟ้าสามารถติดตั้งสายไฟฟ้าระดับที่ 1 และ 2 เข้าไปได้โดยตรงที่ลักซ์ (Lugs) หรือขั้วต่อสายของเซอร์กิตเบรกเกอร์ได้โดยตรงโดยระยะการเข้าสายรวมทั้งขนาดแรงการขันน็อต (Torque) ต้องเป็นไปตามคำแนะนำของผู้ผลิต เพื่อให้การเข้าสายแน่นเพียงพอและเป็นไปตามมาตรฐานการติดตั้ง การติดตั้งดังกล่าวสามารถกล่าวได้ว่าถูกต้องสะดวก และเพียงพอที่ทำให้เกิดความปลอดภัย ถ้าขนาดของลักซ์และขนาดสายไฟฟ้ามีความสอดคล้องกัน

2. การเชื่อมต่อโดยติดตั้งสายไฟเข้ากับหางปลาก่อน
หากขนาดของสายไฟฟ้าใหญ่กว่าขนาดของลักซ์จากเงื่อนไขการออกแบบและติดตั้ง ช่างไฟฟ้าสามารถเลือกใช้ประเภทขั้วต่อสายเป็นแบบชนิดบัสบาร์ โดยสายไฟฟ้าต้องมีการเข้าหางปลา เพื่อใช้เชื่อมต่อกับบัสบาร์ การเชื่อมต่อวิธีนี้ช่างไฟฟ้าต้องมีความชำนาญและต้องใช้ความละเอียดรอบคอบในการทำงานมากขึ้น ตั้งแต่ระยะการปอกฉนวนสายไฟที่ต้องสัมพันธ์กับระยะเข้าสายของหางปลา (Copper compression lugs) เทคนิคการใช้คีมย้ำเพื่อให้สายไฟฟ้าและหางปลามีการยึดติดกันแบบแน่นตามมาตรฐาน การขันยึดน็อตเพื่อยึดติดระหว่างหางปลากับบัสบาร์ที่เชื่อมต่อ รวมทั้งจุดเชื่อมต่อระหว่างบัสบาร์กับขั้วของเซอร์กิตเบรกเกอร์ เป็นต้น

หากวิศวกรไฟฟ้าหรือช่างไฟท่านใด ต้องการรางไฟคุณภาพดี ตรงตามมาตรฐานการติดตั้งทางไฟฟ้า ขอแนะนำรางเคเบิลและรางเคเบิลแบบบันไดที่ผลิตและจำหน่ายโดย KJL

- ตัวรางผลิตจากเหล็กแผ่นดำคุณภาพสูง ความหนา 2.0 มิลลิเมตร
- ออกแบบและควบคุมการผลิตด้วยระบบ Computer Numerical control (CNC)
- โครงสร้างเป็นไปตามมาตรฐาน NEMA VE 1-2017
- การชุบสังกะสีแบบจุ่มร้อนเป็นไปตามมาตรฐาน ASTM A123 / A123M ที่ความหนาเฉลี่ยของการเคลือบผิว 45-60 ไมครอน
- มีรางเคเบิลที่ทำจากสเตนเลส เหมาะสำหรับงานติดตั้งที่ต้องการวัสดุที่ทนทานต่อการกัดกร่อนมากเป็นพิเศษ

สอบถามข้อมูลสินค้าได้ที่ KJL LINE Official Account: @KJL.connect

12


เคยไหม? ขับรถอยู่ดี ๆ เครื่องยนต์ก็มีเสียงดัง จนบางครั้งต้องตัดสินใจดับเครื่อง แล้วเดินทางด้วยขนส่งสาธารณะแทน หากคุณเองก็เคยประสบกับปัญหาเสียงเครื่องยนต์ดังผิดปกติเช่นนี้ Drive Car Rental ผู้ให้บริการเช่ารถภูเก็ต รวบรวมสาเหตุของเสียงเหล่านั้นมาให้คุณแล้ว ไปดูกัน!

สาเหตุของเสียงมาจากอะไรได้บ้าง?

1. ท่อไอเสีย
หากได้ยินเสียงดังผิดปกติใต้ท้องถนน ยิ่งเร่งเครื่องเสียงก็ยิ่งดังขึ้น สันนิษฐานได้ว่าท่อไอเสียของคุณกำลังชำรุด ครูดกับถนนจนผิดรูป หรือหลวมผิดปกติ

2. ระบบเบรก
หากเหยียบเบรกแล้วมีเสียงดัง แสดงว่าระบบเบรกของคุณมีปัญหา อาจเกิดจากสิ่งแปลกปลอมที่มาเกาะบนผ้าเบรก ผ้าเบรกสึกหรอ หรือจานเบรกเป็นร่อง

3. ตัวจุดระเบิด
หากเร่งเครื่องแล้วมีเสียงดัง “ปัง ๆ” สม่ำเสมอเป็นระยะ เป็นไปได้ว่าตัวจุดระเบิดของรถกำลังมีปัญหา ทำให้เกิดการเผาไหม้ไม่สมบูรณ์

4. เพลาขับและตลับลูกปืน
หากคุณได้ยินเสียงแปลก ๆ “แกร็ก ๆ ” ตอนกำลังหักพวงมาลัยเลี้ยวรถ เป็นไปได้ว่าจะเกิดจาก เพลาขับสึกหรอ หรือตลับลูกปืนแตก

5. หม้อน้ำ
เมื่อสตาร์ทรถแล้ว หากเกิดจากเสียงดังคล้ายลมกำลังระบายออกจากช่องเล็ก ๆ “ฟี่ ๆ” บางทีอาจเกิดจากหม้อน้ำรั่ว ซึ่งจะส่งผลต่อระบบระบายความร้อนของรถยนต์

6. สายพาน
เมื่อสตาร์ทรถแล้ว หากคุณได้ยินเสียงดังเอี๊ยดบริเวณฝากระโปรงรถ สันนิษฐานได้ว่า อาจเกิดจากระบบเบรกหรือสายพานเสื่อมสภาพ ต้องเปลี่ยนใหม่

7. ที่ปัดน้ำฝน ชิ้นส่วนแอร์รถ เครื่องเสียง
มีหลาย ๆ ส่วนประกอบที่ติดตั้งอยู่ใต้คอนโซลรถ ไม่ว่าจะเป็นแอร์รถยนต์ ชุดฮีตเตอร์ (มีในรถบางรุ่น) ที่ปัดน้ำฝน เครื่องเสียง ฯลฯ ดังนั้น หากคุณได้ยินเสียงดังจากใต้คอนโซลรถ ก็เป็นไปได้ว่าชิ้นส่วนเหล่านี้อาจชำรุดหรือเสื่อมสภาพนั่นเอง

วิธีปฏิบัติเมื่อได้ยินเสียงผิดปกติจากรถ
หากคุณรับรู้ได้ว่า เสียงเครื่องยนต์ดังผิดปกติ ไม่ว่าจะสังเกตได้ตั้งแต่ตอนเริ่มสตาร์ทรถ หรือทราบแน่ชัดเมื่อเปิดเครื่องเสียงฟัง แล้วต้องเร่งเสียงให้ดังขึ้นผิดปกติ อันดับแรกให้ตั้งสติ แล้วลองฟังชัด ๆ ว่าเสียงเป็นแบบใด และมาจากบริเวณใดของรถกันแน่ ก่อนขับรถเข้าศูนย์บริการเพื่อให้ช่างผู้เชี่ยวชาญเช็กสภาพอย่างละเอียดต่อไป

เช่ารถกับ Drive Car Rental หมดกังวลเรื่องเสียงเครื่องยนต์ดังผิดปกติ
อย่างไรก็ดี หากคุณไม่อยากกังวลกับความผิดปกติเช่นนี้ การเช่ารถก็ถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่จะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับคุณ ขอแนะนำ Drive Car Rental ผู้ให้บริการเช่ารถภูเก็ตยอดนิยมของเมืองไทย ให้บริการทั้งรถเช่ารายวันและรถเช่ารายเดือน มั่นใจด้วยรถใหม่อายุไม่เกิน 2 ปี พร้อมบริการตรวจเช็กสภาพทุกจุด 100% และบริการช่วยเหลือกรณีฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง

ขอบคุณข้อมูลจาก:
Mrkumka, smileinsure, kapook

13


เป็นที่ทราบกันดีว่า สื่อดิจิทัลได้เข้ามามีบทบาทในทุก ๆ มิติของชีวิต ทั้งการสื่อสารกับครอบครัว การชมสื่อบันเทิง การจับจ่ายใช้สอย ไปจนถึงการทำงาน ดังนั้น ความรู้เรื่องสื่อดิจิทัล หรือ Digital Literacy จึงกลายเป็นสิ่งที่สำคัญมากในยุคนี้ มารู้จักกับคำคำนี้ให้มากขึ้นกันครับ



Digital Literacy คืออะไร ?
Digital Literacy คือ ทักษะและความเข้าใจในการใช้งานสื่อดิจิทัลที่มีอยู่ในปัจจุบัน อาทิ การใช้อินเทอร์เน็ต Social Media โปรแกรมเอกสาร โปรแกรมตัดต่อวิดีโอ การยิงโฆษณาผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ ฯลฯ โดยไม่ใช่แค่ “ใช้ได้” แต่จะต้อง “ใช้เป็น” กล่าวคือ มีความสามารถในการประยุกต์ใช้ และรู้จักระวังภัยที่อาจเกิดขึ้นได้ในโลกดิจิทัลด้วย


ทักษะ Digital Literacy มีอะไรบ้าง?

การใช้ (Use)
ความสามารถในการใช้สื่อดิจิทัลทุกแขนง พร้อมทั้งเครื่องมือเสริมต่าง ๆ อย่างคล่องแคล่ว

การเข้าใจ (Understand)
ความสามารถในการเข้าใจธรรมชาติของสื่อดิจิทัลแต่ละประเภท พร้อมทั้งประเมินความเสี่ยงในการใช้งานได้ ยกตัวอย่างเช่น ผู้ที่สามารถใช้ Social Media ได้ดี หากมีความเข้าใจในสื่อประเภทนี้ จะทราบดีว่า ควรนำเสนอข้อมูลส่วนบุคคลอย่างระมัดระวัง และการไลก์ คอมเมนต์ หรือแชร์ สามารถส่งผลอย่างมหาศาลกับชีวิตจริงได้

การสร้าง (Create)
การสร้างสรรค์เนื้อหาใหม่ ๆ โดยใช้สื่อดิจิทัล เช่น การสร้างสื่อโฆษณาด้วยโปรแกรมออกแบบและโปรแกรมตัดต่อวิดีโอ รวมทั้งความสามารถในการประยุกต์ใช้สื่อ เพื่อวัตถุประสงค์อื่น ๆ ด้วย เช่น การโฆษณาผ่านอีเมล (Email Marketing) เป็นต้น

การเข้าถึง (Access)
ความสามารถในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร เช่น การค้นหาข้อมูลผ่าน Search Engine เป็นต้น



เราจะสามารถพัฒนา Digital Literacy ได้อย่างไรบ้าง?
หากคุณอยากพัฒนาทักษะ Digital Literacy สามารถทำได้โดยพัฒนาทักษะการใช้สื่อดิจิทัลต่าง ๆ ที่จำเป็น ดังนี้

การใช้โปรแกรมประมวลผลคำ
แม้โปรแกรมประมวลผลคำ หรือ Word Processor จะเป็นโปรแกรมพื้นฐานที่ใคร ๆ ก็สามารถใช้งานได้ แต่ก็มีฟังก์ชันต่าง ๆ นอกเหนือจากการพิมพ์ให้เรียนรู้ได้มากมาย เช่น การสร้างแผนภูมิ การแนบลิงก์ การจัดหน้ากระดาษเหมือนพิมพ์ในรูปแบบต่าง ๆ การสร้าง Template ฯลฯ คุณจึงควรเรียนรู้ทักษะเหล่านี้เพิ่มเติม เพื่อพัฒนา Digital Literacy

การใช้โปรแกรมตารางคำนวณ
โปรแกรมตารางคำนวณ หรือ Excel นับว่าเป็นโปรแกรมสำคัญที่ช่วยอำนวยความสะดวกด้านการคำนวณได้ดีที่สุด หากสามารถใช้เป็น จะช่วยลดเวลาการทำงานได้มหาศาลทีเดียว

การใช้โปรแกรมสร้างสื่อดิจิทัล
โปรแกรมสร้างสื่อดิจิทัล เช่น การสร้างภาพกราฟิก การสร้างภาพเคลื่อนไหว และการตัดต่อวิดีโอ จะช่วยอำนวยความสะดวกในการสร้างชิ้นงานอย่างมืออาชีพ

การใช้โปรแกรมการนำเสนองาน
โปรแกรมการนำเสนองาน จะช่วยอำนวยความสะดวกในการทำสื่อนำเสนอ เพื่อนำเสนอประเด็นยาก ๆ ให้คนสามารถเข้าใจได้ง่าย ๆ

การทำงานร่วมกันแบบออนไลน์
ภายหลังสถานการณ์ COVID 19 การทำงานในรูปแบบ Work From Home และ Work From Anywhere ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ดังนั้น ความรู้เรื่องการทำงานร่วมกันแบบออนไลน์ผ่านโปรแกรมต่าง ๆ เช่น Google Document, Google Meet หรือ Zoom จึงทำให้คุณทำงานร่วมกับคนอื่นได้ง่ายขึ้น

การใช้ดิจิทัลเพื่อความมั่นคงและปลอดภัย
ความเสี่ยงของการใช้งานสื่อดิจิทัล คือ การเผยแพร่ข้อมูลส่วนบุคคล ดังนั้นคุณจึงควรเรียนรู้วิธีการตั้งค่า การยืนยันตัวตน หรือ การกลั่นกรองเนื้อหาก่อนแชร์ผ่านสื่อดิจิทัล เพื่อป้องกันข้อมูลรั่วไหล

Digital Literacy ทักษะแห่งอนาคต
แม้ Digital Literacy จะดูเป็นเรื่องพื้นฐานสำหรับคนใช้สื่อดิจิทัล แต่การย้ำเตือนเรื่องนี้คือการทำให้ผู้ใช้งานทุกท่านรู้ว่า การใช้งานสื่อดิจิทัลอย่างมีประสิทธิภาพ จะทำให้คุณพัฒนาคุณภาพการทำงานได้ในอนาคต อย่างไรก็ดี ผู้ที่ควรให้ความสำคัญกับ Digital Literacy มากที่สุด ก็คือคนที่ทำงานกับสื่อดิจิทัลเป็นหลัก เช่น บริษัทที่ปรึกษาทางการตลาด หรือบริษัทโฆษณาต่าง ๆ นั่นเอง

ติดตามความรู้เพิ่มเติมได้ที่ cotactic

ขอบคุณข้อมูลจาก

Jobsdb, รอบรู้ รอบโลก

14


เราอยู่ในยุคที่ไม่ว่าจะหันไปทางไหนก็เจอแต่กระแสคอนเทนต์ซึ่งปรับเปลี่ยนกันอย่างรวดเร็ว ความแตกต่างและโดดเด่นจึงเป็นคุณสมบัติสำคัญที่ผู้เข้าแข่งขันวงการนี้ควรมี โดยเฉพาะเจ้าของธุรกิจหรือคนทำแบรนด์ สังเกตได้จากรายงานล่าสุดของ Statista เว็บไซต์วิจัยและเก็บสถิติชื่อดัง พบว่าในช่วงปี 2022 ที่ผ่านมามีนักการตลาดมากกว่าร้อยละ 40 จากทั่วทุกมุมโลกตัดสินใจเพิ่มงบประมาณ Content Marketing ในแผนการตลาดของธุรกิจ โดยหนึ่งในสาเหตุหลัก ๆ ที่เลือกทำกลยุทธ์นี้ก็เพื่อสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายเพื่อให้กลายเป็นที่ยอมรับในที่สุด อีกทั้งยังเป็นปัจจัยหลักส่งเสริมให้การทำ SEOมีประสิทธิภาพมากขึ้น ช่วยให้การจัดอันดับหน้าการค้นหาค่อย ๆ ดีขึ้น แต่การที่จะแสดงขึ้นหน้าแรกนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย และจำเป็นต้องใช้เวลาในการผลิตคอนเทนต์อย่างต่อเนื่อง ดังนั้น Content Plan จึงเป็นสิ่งสำคัญที่คุณควรทำ หรือหากคุณต้องการความสะดวกรวดเร็วในการทำ ก็สามารถหาบริษัทรับทำ SEOโดยเฉพาะมาดูแลเว็บไซต์ให้คุณ

ทำไมธุรกิจถึงควรทำ Content Plan

หลายคนคงเคยได้ยินประโยค Content is King เพราะคอนเทนต์ถือเป็นหัวใจสำคัญของสื่อ ยิ่งในยุคปัจจุบันที่เราใช้ชีวิตกันบนแพลตฟอร์มออนไลน์มากขึ้น คอนเทนต์จึงเปรียบเสมือนตัวเชื่อมระหว่างแบรนด์กับกลุ่มเป้าหมายที่นำไปสู่การมีส่วนร่วมกับแบรนด์ ซึ่งในการวัดประสิทธิภาพนอกจากจะทำให้ถูกใจผู้คนแล้วยังต้องสร้างให้ถูกต้องตามหลักการ SEO อีกด้วย ทำให้ Content Plan กลายเป็นสิ่งจำเป็นที่องค์กรควรมี ซึ่งประกอบด้วย 3 ปัจจัยสำคัญ ได้แก่

- กลุ่มเป้าหมาย ก่อนอื่นเลยคุณต้องรู้ว่าจะสร้างคอนเทนต์เพื่อใคร ซึ่งควรระบุข้อมูลให้ชัดเจนอย่างเช่น เพศ อายุ พื้นที่อยู่อาศัย จากนั้นศึกษาความต้องการ ความสนใจ และพฤติกรรม

- แบรนด์ แน่นอนว่าถ้าคุณอยากโดดเด่นในการแข่งขันคุณต้องนำเสนอความแตกต่างที่จะสามารถดึงความสนใจได้ ไม่ว่าจะด้วยเนื้อหา, รูปแบบสื่อ รวมถึงวิธีการนำเสนอแบบใหม่ ๆ

- ช่องทางการสื่อสาร ปัจจัยนี้จะเชื่อมโยงกับพฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมาย โดยในแต่ละช่องทางก็จะต้องกำหนดรูปแบบสื่อและช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุด สำหรับช่องทางยอดนิยมในปัจจุบันก็จะมีแพลตฟอร์ม Social Media, E-mail, เว็บไซต์ เป็นต้น

ซึ่งทั้ง 3 องค์ประกอบหลักนี้จะช่วยให้กระบวนการผลิตคอนเทนต์เป็นไปอย่างราบรื่นและบรรลุตามเป้าหมายที่วางไว้ ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มยอด Engagement, สร้าง Brand Awareness, เพิ่มยอดขาย รวมถึงการทำ SEO ที่จะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณอยู่ในอันดับหน้าการค้นหาที่ดีขึ้น


5 เทคนิคการทำ Content Plan

เทคนิคที่ 1 วิเคราะห์กลุ่มเป้าหมาย
นอกจากข้อมูลประชากรของกลุ่มเป้าหมาย เช่น เพศ อายุ สถานภาพ รายได้ พื้นที่อาศัย เป็นต้น แต่หลักสำคัญก่อนสร้างคอนเทนต์ คุณจะต้องวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกอย่างพฤติกรรม ความสนใจ ความต้องการที่แท้จริงหรือปัญหาที่พวกเขากำลังเจอ เพื่อให้คอนเทนต์มีโอกาสเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากที่สุด

เทคนิคที่ 2 ตั้งเป้าหมายหรือตัวชี้วัด
การกำหนดเป้าหมายจะช่วยให้กระบวนการทำงานชัดเจนยิ่งขึ้นและเพื่อประเมินประสิทธิภาพคอนเทนต์ว่าสามารถบรรลุวัตถุประสงค์ได้หรือไม่ เช่น สร้าง Brand Awareness, เพิ่มการมีส่วนร่วมกับกลุ่มเป้าหมาย, การทำ SEO เป็นต้น
   
เทคนิคที่ 3 เลือกแพลตฟอร์มและสื่อให้เหมาะสม
เพราะแต่ละแพลตฟอร์มจะมีความแตกต่างกันทั้งพฤติกรรมผู้ใช้งานและเนื้อหาคอนเทนต์ที่นิยม ดังนั้นคุณจึงเลือกแพลตฟอร์มที่มีโอกาสพบกลุ่มเป้าหมายมากที่สุด จากนั้นสำรวจประเภทสื่อที่มีความโดดเด่นและได้รับความสนใจจากผู้ใช้งานมากที่สุด เช่น แพลตฟอร์ม Social Media ก็จะมีพื้นที่สำหรับคอนเทนต์แตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็น

- Instagram โดดเด่นในเรื่อง Real Time Content ด้วยฟีเจอร์ IG Reels, IG Story เป็นคอนเทนต์วิดีโอสั้นพร้อมอัปเดตฟังก์ชันให้ Users เล่นอยู่เสมอ เหมาะแก่การเป็นพื้นที่นำเสนอข่าวสาร โปรโมชัน หรือกิจกรรมตามกระแสของแบรนด์

- Facebook เป็นแพลตฟอร์มที่เอื้อต่อการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายง่ายที่สุดด้วยฟีเจอร์ Facebook Group, Facebook Page, Facebook Live ง่ายต่อการเก็บข้อมูลเกี่ยวกับความสนใจของแต่ละคน ส่งผลให้ธุรกิจสามารถวางแผนหัวข้อล่วงหน้าสำหรับการสร้างคอนเทนต์ได้ง่าย

- YouTube แพลตฟอร์มวิดีโอยอดนิยมที่สามารถสร้าง Brand Awareness ได้ดี จากยอดไลก์, ยอดแชร์ รวมถึงจำนวนผู้ติดตาม

- นอกจากนี้ Website ก็สำคัญไม่แพ้กัน คุณสามารถสร้างพื้นที่สำหรับอัปเดตคอนเทนต์อย่างต่อเนื่องได้ อย่างเช่น หน้าแสดงข้อมูลสินค้าหรือบริการ, หน้าอัปเดตกิจกรรมหรือความเคลื่อนไหวของแบรนด์, พื้นที่เสนอสาระความรู้ หรือข่าวสารใหม่ ๆ เป็นต้น 



เทคนิคที่ 4 หมั่นวิเคราะห์ผลลัพธ์อย่างละเอียด
เมื่อตัดสินใจแล้วว่าจะใช้กลุ่มเป้าหมาย ตัวชี้วัด และแพลตฟอร์มใดก็สามารถเริ่มทำ Content Plan เพื่อลิสต์หัวข้อคอนเทนต์ไว้ล่วงหน้า แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าคอนเทนต์นั้นประสบความสำเร็จ คุณสามารถประเมินผลลัพธ์แต่ละแพลตฟอร์ม ด้วยเครื่องมือที่ต่างกันไป เช่น Google Analytics, Facebook insight, Youtube Analytics, Hootsuite เป็นต้น

เทคนิคที่ 5 สร้างคอนเทนต์ที่ส่งเสริมการมีส่วนร่วม
สำหรับรูปแบบคอนเทนต์ที่จะช่วยให้หัวข้อของคุณไม่ตันง่าย ๆ คือเนื้อหากระตุ้น Engagement ทั้งกดไลก์ แชร์ หรือคอมเมนต์ เพื่อตรวจสอบอัตราการมีส่วนร่วมของกลุ่มเป้าหมายสำรวจ ทำให้รู้ว่าพวกเขาต้องการเนื้อหาประเภทใดในช่วงเวลานั้น ที่สำคัญช่วยให้คอนเทนต์ของคุณทันต่อกระแสสังคมอยู่ตลอดเวลา

เพราะฉะนั้นจะเห็นได้ว่าการทำ Content Plan ที่จะเกิดประสิทธิภาพได้ มาจากองค์ประกอบที่มากกว่าแค่เนื้อหาเท่านั้น ดังนั้นการศึกษาข้อมูลให้ครอบคลุมก่อนทำพร้อมประเมินผลลัพธ์อย่างต่อเนื่องเพื่อพัฒนาคอนเทนต์อยู่ตลอดเวลา จะช่วยให้แบรนด์ของคุณไม่เจอทางตันแน่นอน!

หากคุณต้องการที่ปรึกษา หรือทีมงานมืออาชีพที่รับทำ SEOมาช่วยจัดการแก้ไขปัญหาและวางรากฐานให้ธุรกิจ ติดต่อ Cotactic เลยวันนี้


ขอขอบคุณข้อมูลจาก
profiletree.com
marketingoops.com

15


อาการเมื่อยล้าสะสมหลังจากขับรถเป็นระยะเวลานานนั้น ถือเป็นปัญหาน่าปวดหัวที่คนใช้รถเกือบทุกคนต้องเคยประสบ เพราะนอกจากจะสร้างความรำคาญใจให้กับตัวเราและเพื่อนร่วมทางแล้ว มันยังทำให้การท่องเที่ยวและการพักผ่อนหมดสนุกไปอีกด้วย วันนี้เราจึงนำเอาเทคนิคขับรถดี ๆ ที่สามารถป้องกันอาการเหนื่อยล้าสะสมได้อย่างมีประสิทธิภาพมาฝากครับ

1.ปรับเบาะให้อยู่ในระดับสายตา



เจ้าของรถทุกคนควรปรับเบาะรถให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ระดับที่เราขอแนะนำคือระดับสายตาที่สามารถมองเห็นทางข้างหน้าได้พอดี หากคุณเป็นคนตัวสูงคุณก็ควรปรับเบาะลงมาให้พอดี เว้นระยะห่างศีรษะกับเพดานประมาณหนึ่งกำปั้น หากคุณเป็นคนตัวเล็กคุณก็ควรขยับเบาะให้สูงขึ้นจนพอดี เพราะระดับความสูงของเบาะนั้นจะส่งผลต่อกระดูกสันหลังในกรณีที่ต้องขับรถทางไกล มันจะช่วยลดอาการปวดที่ช่วงหลังได้ในระดับหนึ่งครับ

2.เลื่อนระยะห่างเบาะให้เหมาะสม
คุณควรปรับระยะห่างของเบาะให้เหมาะสมกับช่วงตัวและส่วนสูงของคุณ ขาและเท้าต้องสามารถเหยียบเบรกและคันเร่งได้อย่างถนัด พวงมาลัยต้องไม่ใกล้หรือห่างจนเกินไป เบาะต้องทำให้ผู้ขับขี่นั่งสบายไม่อึดอัด เข่าไม่ชน ขาและแขนไม่ตึง จำไว้ว่าระยะห่างที่เหมาะสมของรถและผู้ขับแต่ละคนนั้นแตกต่างกันไป หากคุณนั่งขับได้อย่างสบายมันก็จะทำให้อาการเหนื่อยล้าลดน้อยลงได้ครับ

3.จับพวงมาลัยให้ถูกต้อง
พวงมาลัยถือเป็นชิ้นส่วนสำคัญที่เราต้องคอยจับและควบคุมตลอดเวลา ทำให้ช่วงแขนและมือของผู้ขับขี่ต้องรับภาระหนักพอสมควร ดังนั้นคุณจึงควรจับพวงมาลัยให้ถูกต้องเพื่อให้อาการเมื่อยล้าบริเวณหัวไหล่ แขน และช่วงลำตัวลดน้อยลงครับ โดยตำแหน่งจับที่เหมาะสมคือบริเวณสามและเก้านาฬิกาของพวงมาลัย (ซ้ายและขวา) ซึ่งท่าจับนี้นอกจากจะช่วยลดทอนอาการเหนื่อยล้าได้อย่างมีประสิทธิภาพแล้ว มันยังช่วยให้การควบคุมรถยนต์ดีขึ้นอีกด้วยครับ

4.ปรับกระจกมองข้างและมองหลังให้เห็นชัดเจน



เมื่อท่านั่งและการจับพวงมาลัยถูกต้องแล้ว อีกหนึ่งปัจจัยที่เราควรให้ความสำคัญเลยก็คือกระจกมองข้างและกระจกมองหลังครับ คุณควรปรับกระจกเหล่านี้ให้อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม อยู่ในระดับสายตาที่พอดี สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนโดยไม่ต้องเอี้ยวตัวหรือชะเง้อไปมา ซึ่งนอกจากจะช่วยลดความเหนื่อยล้าระหว่างขับขี่ได้แล้ว มันยังทำให้การเดินทางของคุณสะดวกและปลอดภัยมากยิ่งขึ้นอีกด้วยครับ

5.เตรียมร่างกายให้พร้อมก่อนออกเดินทาง
หากคุณรู้ตัวว่าต้องเดินทางไกล ต้องขับรถเป็นระยะเวลานาน ๆ คุณก็ควรเตรียมร่างกายให้พร้อม พักผ่อนให้เพียงพอ ไม่เสพสารเสพติดหรือดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ก่อนออกเดินทาง เพราะมันจะทำให้มีอาการเหนื่อยล้าสะสมมากยิ่งขึ้น ทำให้ตัวคุณไม่มีสมาธิและไม่สามารถขับรถได้อย่างเต็มที่ นอกจากจะทำให้การเดินทางท่องเที่ยวไม่สนุกแล้ว มันยังอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุขึ้นอีกด้วยครับ

นอกจากเตรียมร่างกายของผู้ขับขี่ให้พร้อมแล้ว คุณก็ยังต้องเตรียมรถให้พร้อมขับอยู่ตลอดเวลาด้วยเช่นกัน หากคุณเป็นเจ้าของรถสายจอดที่ไม่มีเวลานำรถออกไปขับ คุณก็ควรใช้เครื่องชาร์จแบตเตอรี่คอยชาร์จไฟให้เต็มอยู่เสมอ เพื่อป้องกันอาการแบตเตอรี่รถยนต์เสื่อมจากการจอดนานครับ

ป้องกันปัญหาแบตเตอรี่เสื่อมจากการจอดนาน ด้วยเครื่องชาร์จแบตเตอรี่ CTEK MXS 5.0 และ CTEK XS 0.8 เครื่องชาร์จแบตเตอรี่อัจฉริยะที่ขายดีที่สุดในท้องตลาด เทคโนโลยีลิขสิทธิ์เฉพาะจากประเทศสวีเดน ใช้งานง่าย ปลอดภัย ไม่ต้องมีความรู้เรื่องช่างก็สามารถใช้งานได้ในทันที มาพร้อมกับระบบตัดไฟอัตโนมัติเมื่อชาร์จเต็ม สามารถชาร์จทิ้งไว้ได้เป็นเดือน ๆ โดยไม่ทำให้แบตเตอรี่เสีย เป็นมิตรกับระบบไฟฟ้าภายในตัวรถอย่างแน่นอน

ขอบคุณข้อมูลจาก
bolttech.co.th


16


วิกฤต Covid 19 ก่อกำเนิดระบบการทำงานแบบ Hybrid Working จนฮอตฮิตไปทั่วโลก หนุ่มสาวออฟฟิศสมัยใหม่จึงต้องมองหา Co-working Space ดี ๆ เป็นที่นั่งทำงานนอกบ้าน ในบทความนี้ Drive Car Rental จึงรวบรวมพิกัด 5 Co-working Space ฟังก์ชันครบเพื่อคนทำงาน จะมีที่ไหนบ้าง ไปดูกันเลยครับ!

1. Siam Scape
ที่นั่งทำงานสุดคูลใจกลางสยาม บรรยากาศสุดชิลเหมือนอยู่บ้าน ต้อง Siam Scape ตึกใหม่ย่านสยามสแควร์ ฝั่งตรงข้ามห้างสรรพสินค้า MBK เลยครับ มีทั้งโต๊ะแบบกลุ่มและโต๊ะส่วนตัวให้บริการ พร้อมห้องประชุมขนาดเล็กสำหรับ Meeting กลุ่มในวันสบาย ๆ หรือหากใครต้องการอุปกรณ์สำนักงานอื่น ๆ เช่น เครื่องถ่ายเอกสาร ปลั๊กไฟ ไวไฟ ที่นี่เขาก็มีให้! รับประกันความสะดวกสบาย ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนทำงานยุคใหม่แน่นอน

Siam Scape (พื้นที่ Co-working Space ชั้น 10)
เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 09.00 - 12.00 น.
พิกัด: https://goo.gl/maps/Vgt1rjD56VvtYdqP6

2. สามย่านมิตรทาวน์
ถัดจาก Siam Scape เล็กน้อย บริเวณฝั่งรั้วจามจุรี ยังมี Co-working Space ยอดนิยมอีกหนึ่งที่ คือ Samyan CO-OP ตึกสามย่านมิตรทาวน์ครับ เดินทางง่าย เพราะมีทางเดินเชื่อมต่อกับ MRT สามย่าน หรือถ้าใครขับรถมาก็สามารถเลี้ยวเข้าได้ทั้งจากถนนพระราม 4 และถนนพญาไท ความพิเศษของที่นี่ คือเป็นพื้นที่ให้บริการฟรี รองรับทั้งกลุ่มคนทำงานและกลุ่มนักศึกษา แบ่งพื้นที่ออกเป็นหลายโซนตามการใช้งาน อีกทั้งตู้กดน้ำ ปลั๊กไฟ โคมไฟ ห้องประชุมเล็ก - ใหญ่ก็มีพร้อม อย่าลืมไปจับจองพื้นที่กันนะครับ!

Samyan CO-OP (ชั้น 2 สามย่านมิตรทาวน์)
เปิดให้บริการทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง
พิกัด:https://goo.gl/maps/DyYE6SgEBE6hZ2UG6

3. HUBBA Sathorn
ใครพักอยู่สาทร ไม่ต้องขับรถไปไกลถึงสยาม ก็สามารถใช้บริการ Co-working Space ดี ๆ ได้ เพียงแวะมาที่ HUBBA Sathorn ที่นั่งทำงานแห่งใหม่ใกล้ Sathorn Square ที่ให้บริการที่นั่งทำงานทั้งแบบ Private และแบบสำนักงาน เน้นความประหยัด ยืดหยุ่น ใช้แค่ไหน จ่ายแค่ไหน ไม่ต้องจ่ายในราคาเหมา พร้อมอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงเชื่อมต่อได้ทั้งแบบมีสายและไม่มีสาย ตอบโจทย์ Startup และ Freelancer ในยุค New Normal ได้เป็นอย่างดีเลยล่ะครับ

HUBBA Sathorn (ศูนย์อาหาร Siam Nara Food Work ชั้น 2)
เปิดให้บริการ วันจันทร์ - เสาร์ 9:00 - 18:00 น. (ลูกค้ารายเดือนเข้าออกได้ 24 ชม.)
พิกัด: https://goo.gl/maps/e8nFy3zFBnTvKoFR7

4. FabCafe Bangkok
Co-working Space กึ่งคาเฟ่ย่านอารีย์ ยืนหนึ่งเรื่องการเป็นพื้นที่แห่งสมรภูมิไอเดีย เพราะมีเครื่องพิมพ์สามมิติ เครื่องตัดกระดาษ ตัดสติกเกอร์ และอุปกรณ์อื่น ๆ สำหรับงานออกแบบให้บริการ ใครกำลังหาที่นั่งทำงานดี ๆ เพื่อปลุกความคิดสร้างสรรค์ แวะมาที่ FabCafe Bangkok ชิมกาแฟและขนมอร่อย ๆ พร้อมนั่งทำงานศิลปะสุดชิล ไม่ผิดหวังแน่นอนครับ

FabCafe Bangkok (ซอยพหลโยธิน 5)
เปิดให้บริการ วันอังคาร - อาทิตย์ 10:00 - 20:00 น.
พิกัด: https://goo.gl/maps/3BwNY5Nr6JL3Uk136

5. Muchroom
ใครอยากได้ Co-working Space สบาย ๆ ที่ให้บรรยากาศเหมือนนั่งทำงานอยู่ที่บ้าน แนะนำ Muchroom Co-working Space สุดฮิปย่านสะพานควาย ที่ Renovate จากบ้านเก่าอายุกว่า 50 ปี พร้อมตกแต่งสวนขนาดใหญ่ให้บรรยากาศร่มรื่นตลอดทั้งวัน ภายในมีโต๊ะนั่งทำงานหลายมุม พร้อมเครื่องถ่ายเอกสาร เครื่องพิมพ์ ไวไฟ อาหารตามสั่ง คนส่งเอกสาร และโซนอ่านหนังสือให้ไว้ให้บริการ เรียกได้ว่า Muchroom คือพื้นที่แห่งแรงบันดาลใจ ที่คนทำงานยุคใหม่มองหาอย่างแท้จริงครับ

Muchroom (ซอยประดิพัทธ์ 23)
เปิดให้บริการทุกวัน 09:00 - 20:00 น.
พิกัด: https://goo.gl/maps/GPeYkRohUsrExkPt7

การทำงานภายใต้สิ่งแวดล้อมใหม่ ๆ ช่วยเพิ่มพลังแห่งการสร้างสรรค์ และทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานดีขึ้นได้จริง ใครกำลังมองหาที่นั่งทำงานใหม่ ๆ อย่าลืมแชร์บทความนี้ไว้ และสำหรับคนที่ต้องขับรถไปทำงานตามที่ต่าง ๆ บ่อย ๆ โดยเฉพาะในกรุงเทพเป็นประจำ Drive Car Rental ขอแนะนำบริการเช่ารถกรุงเทพราคาดี ทั้งรายวันและรายเดือน พร้อมบริการตรวจเช็กสภาพรถอย่างสม่ำเสมอ และมีบริการกรณีเกิดเหตุฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง ติดต่อจองรถที่หน้าเว็บไซต์ของเราได้เลยครับ!

ขอบคุณข้อมูล:
Infinitydesign, HubbaSalehere

17


เพื่อการติดตั้งระบบไฟฟ้าแรงต่ำที่มีประสิทธิภาพ วิศวกรผู้ติดตั้งควรพิถีพิถันในเรื่องการเลือกประเภทสายไฟฟ้า โดยเฉพาะสายไฟฟ้าชนิดไม่มีเปลือกนอก ซึ่งมักถูกใช้สำหรับงานทั่วไป

การใช้งานสายไฟฟ้าชนิดไม่มีเปลือกนอก
สายไฟฟ้าทองแดงหุ้มฉนวนไม่มีเปลือกนอก (60227 IEC 01, 60227 IEC 02 และ 60227 IEC 07 เป็นต้น) จะเหมาะสมกับงานทั่วไป ได้แก่ เดินลอยในอากาศบนวัสดุฉนวน หรือเดินในช่องเดินสายได้แก่ ท่อไฟฟ้า หรือรางเดินสาย

ข้อจำกัดของการใช้งานสายไฟฟ้าประเภทนี้
สายไฟฟ้าชนิดไม่มีเปลือกนอกสามารถติดตั้งได้โดยการเดินในช่องเดินสาย และต้องมีการป้องกันไม่ให้น้ำเข้าช่องเดินสายด้วย รวมทั้งไม่สามารถเดินสายร้อยท่อฝังดินหรือฝังดินได้โดยตรง

การเลือกสายไฟฟ้าสำคัญอย่างไร?
วิศวกรไฟฟ้าจำเป็นต้องพิจารณาเลือกวิธีการติดตั้งและชนิดของสายไฟให้เหมาะสม เพื่อให้เกิดความปลอดภัยต่อผู้ใช้งานไฟฟ้า และทำให้ช่างไฟฟ้าสามารถติดตั้งงานระบบไฟฟ้า ได้แก่ ท่อไฟฟ้า (Conduits) รางเดินสาย (Wireways) รางเคเบิล (Cable trays) จนไปถึงการเดินสายไฟฟ้า ได้สำเร็จตามแผนที่วางไว้ ซึ่งจะส่งให้การติดตั้งเป็นไปอย่างมีคุณภาพและถูกต้องตามมาตรฐาน

หากวิศวกรไฟฟ้าหรือช่างไฟท่านใด ต้องการรางไฟคุณภาพดี ตรงตามมาตรฐานการติดตั้งทางไฟฟ้า ขอแนะนำรางเคเบิลและรางเคเบิลแบบบันไดที่ผลิตและจำหน่ายโดย KJL

- ตัวรางผลิตจากเหล็กแผ่นดำคุณภาพสูง ความหนา 2.0 มิลลิเมตร
- ออกแบบและควบคุมการผลิตด้วยระบบ Computer Numerical control (CNC)
- โครงสร้างเป็นไปตามมาตรฐาน NEMA VE 1-2017
- การชุบสังกะสีแบบจุ่มร้อนเป็นไปตามมาตรฐาน ASTM A123 / A123M ที่ความหนาเฉลี่ยของการเคลือบผิว 45-60 ไมครอน
- มีรางเคเบิลที่ทำจากสเตนเลส เหมาะสำหรับงานติดตั้งที่ต้องการวัสดุที่ทนทานต่อการกัดกร่อนมากเป็นพิเศษ

สอบถามข้อมูลสินค้าได้ที่ KJL LINE Official Account: @KJL.connect

18


ระบบการจัดการเอกสาร หรือ Document Management System: DMS เป็นส่วนสำคัญของธุรกิจในยุคดิจิทัล เพราะหลายองค์กรหันมาใช้เอกสารอิเล็กทรอนิกส์ e-Document หรือไฟล์ดิจิทัลต่าง ๆ แทนการใช้เอกสารกระดาษที่ทำให้บุคลากรต้องวุ่นวายกับการจัดเก็บกองเอกสารเข้าตู้หรือแฟ้มเอกสาร ทำให้เสียทั้งงบประมาณและเวลามากเกินจำเป็น เพราะฉะนั้นการใช้ซอฟต์แวร์จัดการเอกสารจึงเป็นเครื่องมือสำคัญที่ทุกองค์กรต้องใช้จัดระเบียบและดูแลความปลอดภัยงานเอกสารภายในองค์กร วันนี้เรามี 4 ระบบการจัดการเอกสารยอดเยี่ยมแห่งปี 2022 มาแนะนำ จะน่าสนใจแค่ไหนไปดูกันเลย

1. Rubex
ระบบจัดการเอกสารต้นทุนต่ำเป็นเครื่องมือจัดการ Solution บน Cloud ช่วยให้การทำงานจากระยะไกลสามารถใช้งานระบบได้ครบทุกฟังก์ชันไม่ว่าผู้ใช้งานจะเข้าสู่ระบบจากคอมพิวเตอร์เครื่องใดก็ตามที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ นอกจากนี้ยังใช้บริการผ่านแอปพลิเคชันบนมือถือเพื่อจัดเก็บและดาวน์โหลดไฟล์ดิจิทัลหรือเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ e-Document ได้ตลอดเวลา
 
2. Microsoft SharePoint
เป็นผู้นำทั้งในด้านระบบการจัดการเอกสารและการทำงานร่วมกันทั้งองค์กรให้สามารถเชื่อมต่อกันได้ในระบบเดียว เปรียบเสมือนศูนย์กลางการจัดเก็บข้อมูลขนาดใหญ่ (Database) เหมาะสำหรับการทำงานเป็นทีม ซึ่งสามารถบริหารจัดการไฟล์และโฟลเดอร์เอกสารได้ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัยเพราะสามารถกำหนดสิทธิ์การเข้าถึงได้ ทำให้ง่ายต่อการปรับแต่งวิธีการจัดระเบียบเอกสารให้ตรงกับโครงสร้างกระบวนการทำงานขององค์กร

3. M-Files
ขึ้นชื่อว่าเป็นระบบการจัดการเอกสารที่มีรูปแบบการใช้งานง่าย สามารถให้บริการได้หลากหลายอุตสาหกรรม เช่น บริษัทรับทำบัญชี ผู้ให้คำปรึกษาทางธุรกิจ บริษัทรับก่อสร้าง งานวิศวกรรมและอีกมากมาย จุดเด่นของ M-Files คือ การสแกนเอกสารแปลงข้อมูลตัวอักษรจากแผ่นกระดาษให้กลายเป็นไฟล์ดิจิทัล เรียกว่า Optical Character Recognition: OCR โดยสามารถนำเอกสารอิเล็กทรอนิกส์เข้าสู่ Workflow ในระบบได้โดยอัตโนมัติ เป็นฟังก์ชันสำหรับออกแบบกระบวนการทำงานขององค์กร ซึ่งจะช่วยในการจัดเก็บและดึงข้อมูลออกมาใช้ง่ายขึ้น ช่วยให้บุคลากรไม่ต้องเสียเวลาแยกประเภทเอกสารและอ่านข้อมูลด้วยตนเอง

4. VIENNA Advantage
VIENNA Advantage เป็นระบบการจัดการเอกสารแบบใช้งานฟรีที่ใช้ได้ทั้งในการติดต่อประสานและจัดระเบียบเอกสาร สามารถเลือกระบบการทำงานอัตโนมัติในฟังก์ชัน Workflow ได้เช่นกัน เพื่อเพิ่มความคล่องตัวในกระบวนการทำงาน โดยกำหนดรหัสก่อนเข้าถึงเอกสารสำคัญได้ทำให้สามารถออกแบบและปรับโฟลว์ได้ตลอดตามโครงสร้างในแต่ละช่วงขององค์กร เหมาะสำหรับองค์กรที่เปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานบ่อยหรือต้องขึ้นโครงการใหม่ ๆ อยู่เสมอโดยมีขั้นตอนการทำงานแตกต่างกันออกไป

จากทั้ง 4 ระบบการจัดการเอกสารจะเห็นได้ว่ามีจุดเด่นที่ต่างกันเพียงเล็กน้อย เพราะฉะนั้นการเลือกใช้งานขึ้นอยู่กับความต้องการขององค์กรว่ามีฟังก์ชันใดบ้างที่จำเป็น แต่ถ้าหากต้องการทีมงานผู้เชี่ยวชาญด้านระบบการจัดการเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ e-document ทาง Ditto มีบริการระบบ Document Management System: DMS ที่สามารถดูแลทั้งงานเอกสารและกระบวนการทำงานสำหรับทุกขนาดองค์กรพร้อมให้ข้อมูลและคำปรึกษาอย่างใกล้ชิด

19

การที่เราจะเสียเงินทั้งทีเราก็ต้องได้ผลงานที่คุ้มค่ากับเงินที่เราจ้างไป แต่นอกเหนือจากความคุ้มค่าในเนื้องานที่เราได้รับแล้ว ยังมีหลายสิ่งที่เราควรได้รับจากเอเจนซี่เหมือนกัน ซึ่งความต้องการของแต่ละคนอาจจะไม่เหมือนกัน แต่มี 5 สิ่งที่เป็นตัวช่วยในการเลือกเอเจนซี่ให้กับบรรดาลูกค้า มีอะไรบ้างลองไปดูกันค่ะ

1.รู้และเข้าใจถึงความต้องการของเรา
แน่นอนว่าการสื่อสารระหว่างลูกค้าและบริษัทเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด เพราะบริษัทจะต้องตีโจทย์ที่ลูกค้าต้องการและสื่อความหมายให้ได้ ถ้าไม่เข้าใจก็ต้องถามลูกค้าให้กระจ่างตรงนั้น ไม่อย่างนั้น งานที่เราทำออกมาจะไม่ถูกใจลูกค้า และอาจจะทำให้ลูกค้าเสียเวลาในการรอแก้งานหรือต้องมานั่งบรีฟงานกันใหม่อีกรอบ ดังนั้นการได้เจอ Digital Marketing Agency ที่รู้และเข้าใจถึงความต้องการของเราได้ เปรียบเสมือนเราเจอเนื้อคู่ก็ว่าได้เลยค่ะ

2.ต้องไม่พูดขายงานเกินความจริง
เวลาขายงานให้ลูกค้าไม่ควรพูดในสิ่งที่บริษัททำไม่ได้หรือไม่เคยทำให้เหมือนกับว่าทางบริษัทสามารถทำงานนั้นออกมาได้ แต่ควรพูดตามหลักความเป็นจริงหรือถ้าไม่เคยทำแต่สามารถทำได้ก็ต้องพูดเป็นกลาง ๆ มากกว่าการโฆษณาว่าบริษัทสามารถทำได้และทำออกมาได้ดี เพราะถ้างานออกมาแล้วไม่เป็นไปตามที่พูดไว้หรือไม่เป็นไปตามที่ลูกค้าคาดหวังไว้ อาจจะทำให้ลูกค้าเกิดความไม่มั่นใจ ไม่เชื่อใจกับบริษัทได้

3.อัปเดตเทรนด์อยู่ตลอดเวลา
การตลาดออนไลน์พร้อมจะเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ถ้าสังเกตดูการตลาดออนไลน์มาตลอดจะรู้ได้ว่า การตลาดออนไลน์จะเดินหน้าอย่างเดียวไม่เดินวนลูป และโลกออนไลน์ในยุคนี้สามารถดังได้ชั่วข้ามคืนและเป็นกระแสอยู่ไปได้เป็นสัปดาห์ ซึ่งถ้าเอเจนซี่เกาะกระแสตามเทรนด์อยู่ตลอด การทำ Content ให้ลูกค้าก็สามารถล้อตามกระแสไปได้และอาจจะช่วยดึงกระแสมาให้กับลูกค้าอีกด้วย แต่การเล่นตามกระแสก็ต้องไตร่ตรองด้วยว่ากระแสนั้นจะมีผู้ได้รับผลกระทบหรือไม่ หรือว่ากระแสนั้นเป็นกระแสสังคมที่สมควรหรือไม่ เพราะหลาย ๆ เรื่องค่อนข้างละเอียดอ่อนมาก ดังนั้นเอเจนซี่ควรไตร่ตรองให้ดี ก่อนที่จะนำกระแสบนโลกออนไลน์มาขาย

4.ดูผลงานและรีวิวผลงาน
การที่จะทำให้เรามั่นใจฝีมือการทำงานของบริษัท Digital Marketing Agency ง่ายๆเลยคือผลงานและรีวิว เพราะทำให้เราได้เห็นถึงงานต่างๆที่ผ่านมา ว่าบริษัทนี้ทำออกมาได้ประมาณไหน และตรงกับความต้องการเราหรือไม่ พร้อมทั้งยังมีรีวิวช่วยเป็นตัวประกอบการตัดสินใจว่าเราควรเลือกบริษัทนี้หรือไม่ เพราะการรีวิวบ่งบอกถึงความพึงพอใจในการทำงานและบ่งบอกถึงเนื้องานที่บริษัทสื่อออกไปด้วย

5.Service mind
การบริการที่ดีคือการบริการที่มาจากใจ ดูแลเสมือนเป็นคนในครอบครัว สิ่งนี้จะทำให้ลูกค้าสบายใจในการทำงานกับเอเจนซี่ และแน่นอนว่า ถ้าเราเป็นลูกค้าก็ย่อมต้องอยากได้รับการบริการหรือการดูแลที่ใส่ใจ แล้วจะทำให้งานสามารถเดินหน้าต่อไปได้เรื่อย ๆ เวลามีปัญหาอะไรก็สามารถคุยกันได้ง่าย โดยที่ไม่รู้สึกอึดอัดใจ

หวังว่า 5 เคล็ด(ไม่)ลับ จะเป็นตัวช่วยให้กับคนที่กำลังมองหาเอเจนซี่เพื่อมาช่วยทำงานให้บรรลุเป้าหมายให้ได้ตามที่คาดหวังไว้นะคะ การได้เจอเอเจนซี่ที่ดีที่รู้ใจ ก็เปรียบเสมือนได้เจอเนื้อคู่หรือเพื่อนที่รู้ใจค่ะ

20



ความเป็นจริงเสมือน หรือ Virtual Reality คือเทคโนโลยีที่จะเข้ามาเปลี่ยนเกมการทำ Online Marketing ในยุค Metaverse ให้แตกต่างไปจากเดิมอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เพราะเทคโนโลยีนี้จะช่วยยกระดับตัวธุรกิจ ให้มีประสิทธิภาพการทำงานเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่า ดังนั้นหากแบรนด์ไหนสามารถหยิบ VR มาประยุกต์ใช้งานได้อย่างสร้างสรรค์ แบรนด์นั้นก็มีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จ และสามารถครองใจผู้บริโภคยุคใหม่ได้อย่างง่ายดาย วันนี้ Cotactic จึงอยากจะมาแชร์ 4 ข้อดีของ VR ให้ทุกคนได้รู้จักกันครับ ว่าเทคโนโลยีนี้สามารถสร้างประโยชน์อะไรให้กับเราได้บ้าง และทำไมเจ้าของธุรกิจถึงต้องจับตามอง

1.VR จะทำให้ข้อจำกัดด้านระยะทางและเวลาหายไป


เทคโนโลยีความเป็นจริงเสมือนจะเป็นตัวช่วยสำคัญที่จะทำให้ปัญหาด้านเวลาและระยะทางหมดไป เพราะการสร้างโลกหรือสถานที่จำลองขึ้นด้วย VR จะช่วยสนับสนุนให้ตัวธุรกิจ สามารถสร้างหน้าร้านของตัวเองขึ้นมาบน Metaverse ได้ ซึ่งจะทำให้ผู้บริโภคที่มีอุปกรณ์ VR เข้าถึงโลกเสมือนจริงที่เราสร้างขึ้นได้จากทุกที่ทุกเวลา พวกเขาจะมาเยือนหน้าร้านจำลองของเราได้โดยไม่ต้องออกจากบ้าน เลือกซื้อสินค้าของเราได้โดยไม่ต้องมาเห็นของจริง เปิดโอกาสให้กิจกรรมการซื้อขายมีความยืดหยุ่นมากยิ่งขึ้น ทั้งยังตอบโจทย์กับพฤติกรรมและความเคยชินของผู้บริโภคยุคใหม่ได้อย่างลงตัว


2.VR จะทำให้สินค้าตัวอย่างบนโลกเสมือนกลายเป็นเรื่องปกติ


นอกจากหน้าร้านจำลองที่สามารถสร้างขึ้นบนโลกเสมือนแล้ว แบรนด์ยังสามารถสร้างสินค้าตัวอย่างในรูปแบบ 3 มิติบน Metaverse ได้อีกด้วย ซึ่งสิ่งนี้จะกลายเป็นหนึ่งในองค์ประกอบสำคัญที่ทุกธุรกิจจำเป็นจะต้องมีในอนาคต เพราะมันสามารถรองรับการออกแบบ ปรับแต่ง และแก้ไขได้อย่างไร้ขีดจำกัด โดยมันจะช่วยเพิ่มมิติการทำงานที่หลากหลายให้แก่ตัวธุรกิจ ทั้งยังช่วยให้ผู้บริโภคสามารถตัดสินใจซื้อสินค้าได้ โดยไม่ต้องมาเห็นหรือจับต้องสินค้าจริง ๆ นับว่าเป็นประโยชน์อย่างมากต่อกิจกรรมการซื้อขายทุกชนิดบนโลกออนไลน์ พร้อมเติมเต็มความสะดวกสบายแก่ผู้ซื้อและผู้ขายได้อย่างลงตัว


3.VR จะทำให้ช่องทางการสื่อสารเข้าถึงได้ง่ายและดีขึ้นกว่าเดิม


การใช้งานโลกเสมือน หรือ Metaverse เพื่อการสื่อสารในอนาคต จะมีประสิทธิภาพที่แตกต่างไปจากปัจจุบันพอสมควร เพราะสารที่แบรนด์ส่งไปหาผู้บริโภคผ่านเทคโนโลยี VR นั้น จะเป็นอะไรที่ดูชัดเจนและจับต้องได้จริงมากกว่า มันทำให้การสื่อสารบนโลกเสมือน สามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้อย่างที่ช่องทางอื่นไม่สามารถทำได้ ทั้งยังตอบโจทย์การทำงานในเชิงธุรกิจ พร้อมสนับสนุนทุกกลยุทธ์การตลาดที่ตัวแบรนด์ได้วางแผนไว้อีกด้วย


4.VR เป็นเครื่องมือที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อการทำ Content โดยเฉพาะ


อย่างที่ทราบกันดีว่าคอนเทนต์ที่มีคุณภาพ เป็นหัวใจสำคัญของการทำการตลาดออนไลน์ ทุกกลยุทธ์ที่ตัวธุรกิจใช้จะประสบความสำเร็จหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับเนื้อหาที่ตัวแบรนด์ปล่อยออกมาทั้งสิ้น ดังนั้นเทคโนโลยี VR จึงถูกสร้างขึ้นเพื่อรองรับการใช้งานตรงนี้ โลกเสมือนจึงถูกนำไปใช้ เพื่อให้ทุกคอนเทนต์บนโลกออนไลน์มีความสมบูรณ์แบบที่สุดเท่าที่จะทำได้ ตัวธุรกิจที่ใช้ VR มาเป็นเครื่องมือในการสื่อสารหรือนำเสนอเนื้อหา จึงมีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จมากกว่าแบรนด์ที่ไม่ใช้ เพราะเนื้อหาที่มีมิติการทำงานที่หลากหลาย ย่อมเข้าถึงและดึงดูดความสนใจจากผู้บริโภคได้มากกว่านั่นเอง

หากคุณสนใจใน Metaverse และต้องการศึกษาเพิ่มเติม ลองคลิกไปดูได้ที่ เจ้าของธุรกิจต้องอ่าน Metaverse คืออะไร? ทำไมมาร์ค ซัคเคอร์เบิร์กถึงสนใจ

ขอบคุณข้อมูลจาก
https://www.onlynx.tech/th/onlynx-news/virtual-reality-marketing/

21
รู้แจ้ง 4 ประเภท Pain Point เข้าใจลูกค้าเก่า และหาลูกค้าใหม่ให้ธุรกิจ




ธุรกิจที่จะประสบความสำเร็จได้ ต้องมีสินค้า/บริการ อย่างใดอย่างหนึ่งที่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ ซึ่งความต้องการของลูกค้านั้นก็แตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคล ยิ่งธุรกิจของคุณตอบโจทย์ลูกค้าได้ดีเท่าไหร่ โอกาสที่ธุรกิจจะประสบความสำเร็จก็มีมากขั้นเท่านั้น

หลาย ๆ แบรนด์จึงพยายามหาจุดอ่อนของธุรกิจ หรือปัญหาที่ลูกค้ากำลังเจออยู่ ซึ่งเรามักจะเรียกกันว่า  “Pain Point” ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ธุรกิจเข้าใจลูกค้ามากยิ่งขึ้น และสามารถหาลูกค้าใหม่ให้ธุรกิจผ่านการนำเสนอสินค้า/บริการที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าเหล่านั้น


Pain Point 4 ประเภท ที่เจ้าของธุรกิจต้องจำให้ขึ้นใจ


ราคาสินค้า


ปราการด่านแรกของหลาย ๆ แบรนด์ ว่าจะสามารถผ่านด่านนี้ไปได้หรือเปล่า เพราะหลาย ๆ ครั้งลูกค้าตัดสินใจไม่เลือกสินค้า/บริการนั้น ๆ เนื่องจากราคาที่สูงเกินไป เมื่อเทียบกับโซลูชั่นที่แบรนด์กำลังนำเสนอ ยิ่งถ้าเป็นประเภทธุรกิจที่มีการแข่งขันทางการตลาดสูง แบรนด์อาจจำเป็นต้องเสนอโซลูชั่นที่คล้ายกัน แต่คุณภาพเหนือกว่าในเรทราคาเดียวกันกับแบรนด์คู่แข่ง หรือออกสินค้า/บริการที่มีคุณภาพใกล้เคียงกันในเรทราคาที่ต่ำกว่า เพื่อดึงดูดและหาลูกค้าหน้าใหม่ให้เข้ามาทำความรู้จักแบรนด์ก่อนก็ยังดี


สินค้าไม่ตอบโจทย์


นอกจาก Pain Point ในเรื่องของราคา ก็มาถึงคราวของตัวสินค้า/บริการ ที่ไม่ตอบโจทย์ผู้บริโภค ซึ่งถือเป็นปัญหาใหญ่ของแบรนด์เลยทีเดียว ดังนั้นแบรนด์จึงต้องหาลูกค้าของตัวเองให้เจอ ว่าลูกค้าของแบรนด์คือใคร มีความชอบความสนใจในเรื่องไหน เพื่อที่จะได้นำ Insight ตรงนั้นมาพัฒนาสินค้า/บริการของตัวเอง
ขอยกตัวอย่าง Case Study ในการนำ Insight มาพัฒนาสินค้าอย่าง UNO การ์ดเกมในตำนาน ที่ไม่ว่าใครต้องรู้จัก โดยความสนุกของมันอยู่ตรงที่การ์ดพิเศษอย่าง การ์ด Reverse, Skip, +2, +4 ที่เวลาได้ลงเมื่อไหร่ ความสะใจจะบังเกิดเมื่อนั้น UNO จึงได้ออกการ์ดที่ทั้งชุดเต็มไปด้วยการ์ดพิเศษเหล่านี้ออกมาให้สาวกได้ปล่อยความสะใจกันอย่างเต็มที่

กระบวนการยุ่งยากเกินเหตุ


กระบวนการที่ไม่มีประสิทธิภาพ หรือไม่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้ ยิ่งทำให้ลูกค้าหนีหายได้ไว เพราะลูกค้ามักเลือกความสะดวกสบายมากกว่า แม้ต้องจ่ายค่าสินค้า/บริการในราคาที่สูงขึ้นเล็กน้อย ยกตัวอย่างเช่น แบรนด์ A ทำการ Promote สินค้าบนช่องทางออนไลน์อย่าง Facebook แต่เมื่อลูกค้าทักเข้ามาสอบถามสินค้า กลับส่งลิงก์ให้ลูกค้า Add Line เพื่อสั่งซื้อสินค้าอีกรอบหนึ่ง
เมื่อเทียบกับแบรนด์ B ที่ Promote สินค้าบนช่องทางออนไลน์อย่าง Facebook เช่นเดียวกัน เมื่อลูกค้าทักเข้ามาสอบถามสินค้า แอดมินสามารถเสนอสินค้า พร้อมรับโอนได้เลยทันที เป็นการอำนวยความสะดวกสบายให้กับลูกค้า โดยที่ลูกค้าไม่ต้องเปลี่ยน App ไปมาหลายรอบให้ปวดหัว  ถึงแม้ว่าสินค้าของแบรนด์ B จะสูงกว่านิดหน่อย แต่ถ้าแลกมาด้วยความสะดวกสบาย ลูกค้าเหล่านี้ก็พร้อมจะจ่ายเช่นกัน

บริการหลังการขาย


ความประทับใจ คือ ยุทธวิธีสำคัญที่ทำให้ลูกค้าอยากกลับมาซื้อซ้ำ และแนะนำต่อให้กับคนอื่น ซึ่งบริการหลังการขายเป็นอีกหนึ่งปัจจัยในการรักษาลูกค้าเดิม แถมยังสามารถหาลูกค้าใหม่เข้ามาเพิ่มได้อีกด้วย ยิ่งในประเภทธุรกิจที่มีการแข่งขันสูง การที่แบรนด์มีบริการหลังการขายที่ดี เป็นการสร้างแบรนด์ให้มี Value แตกต่าง และอยู่เหนือคู่แข่งขันคนอื่น ๆ ได้

หากธุรกิจสามารถจำแนก Pain Point ของแบรนด์ออกมาได้แล้ว ที่เหลือก็แค่อุดช่องโหว่นั้น แล้วค่อย ๆ ขยายกลุ่มลูกค้าออกไปผ่านการโฆษณา หรือ หาลูกค้า ทางออนไลน์ก็ได้เช่นกัน


22
5 เรื่องชวนเข้าใจผิดของ Digital Marketing ที่ Agency ไม่เคยบอกคุณ






หลายคนคิดว่าการทำ Digital Marketing อาจดูเป็นเหมือนเรื่องง่าย แค่ทำเว็บไซต์ของตัวเองให้ดูดีแค่นั้นก็เพียงพอใช่ไหม? ผิด! Digital Marketing มีหลากหลายขั้นตอนด้วยกัน และแต่ละขั้นตอนก็ต้องการการดูแลและความเอาใจใส่ที่เท่าเทียมกัน เพื่อเพิ่มผลลัพธ์และการมีส่วนร่วมของผู้บริโภคให้อยู่ในจุดสูงสุด มีความเชื่อมากมายเกี่ยวกับการทำ Digital Marketing ที่ควรทำและไม่ควรทำ วันนี้เรา Cotactic ผู้เชี่ยวชาญในการทำ Digital Marketing Agency จึงอยากจะมาแชร์ 5 เรื่องชวนเข้าใจผิดของการทำการตลาดดิจิทัลให้ทุกคนได้รู้กันครับ ว่ามีเรื่องอะไรบ้างที่ Agency ไม่เคยบอกคุณ


1. ไม่จำเป็นต้องข้ามแพลตฟอร์ม

ไม่จริง! เป็นความเชื่อที่ผิด เพราะในขณะที่คุณสามารถอยู่รอดได้อย่างแน่นอนในฐานะธุรกิจโดยมุ่งเน้นไปที่องค์ประกอบเฉพาะอย่างหนึ่งของแนวทางปฏิบัติด้านการตลาดดิจิทัลของคุณ การเข้าร่วมให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้คือสิ่งที่จะช่วยเพิ่มความพยายามของคุณจริงๆ ยุคของการมีเว็บไซต์และการทำการตลาดแบบเดิมๆ ได้สิ้นสุดลงแล้ว – ทั้งหมดเกี่ยวกับการเพิ่มการเข้าถึงของคุณ การมุ่งเน้นไปที่มือถือ โซเชียลมีเดีย การค้นหา และอื่นๆ เป็นวิธีที่ง่ายในการผลักดันแบรนด์และผลิตภัณฑ์ของคุณ และเพิ่มโอกาสในการมีส่วนร่วมมากขึ้น

2. การโพสต์เนื้อหาไม่สำคัญ

คุณอาจคิดว่าเมื่อคุณมีเว็บไซต์ที่ดูดีและสามารถทำงานได้ งานของคุณก็เสร็จเรียบร้อย แต่สิ่งนี้ไม่เป็นความจริง ทำเท่านี้ยังไม่พอ! การออกแบบและเลย์เอาต์ของเว็บไซต์ของคุณมีความสำคัญอย่างยิ่ง ไม่มีใครอยากลงสู่หน้าเว็บที่ดูมีอายุสิบปี อย่างไรก็ตาม หากคุณต้องการดึงดูดการเข้าชมที่มีคุณภาพมายังเว็บไซต์ของคุณอย่างต่อเนื่อง คุณต้องเข้าใจถึงความสำคัญของการสร้างเนื้อหาที่เกี่ยวข้องที่ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงได้ สิ่งนี้มีความสำคัญอย่างมาก เนื่องจากการทำ Content Marketing กำลังได้รับความสนใจมากขึ้นเรื่อย ๆ ในการทำการตลาดออนไลน์ยุคปัจจุบัน

3. Digital Marketing คือเรื่องเกี่ยวกับเทคโนโลยีทั้งหมด

ความเชื่อนี้เป็นเรื่องถูกและผิดในเวลาเดียวกัน เพราะเทคโนโลยีมีบทบาทอย่างมากในการตลาดดิจิทัล แต่ในขณะเดียวกัน ก็เป็นการทำให้แนวทางการตลาดแบบเดิมๆ เติบโตได้อย่างเต็มที่ อย่าละเลยเทคนิคเก่าของคุณ ใช้มันเป็นพื้นฐานสำหรับการทำ Digital Marketing ของคุณซะ ดังนั้นจึงไม่ใช่ว่าคุณกำลังเริ่มต้นจากศูนย์เมื่อคุณเปลี่ยนโฟกัสไปที่ดิจิทัล ใช้ความรู้ที่มีอยู่ของคุณ พัฒนากลยุทธ์และเริ่มการเข้าสู่ยุคดิจิทัลได้เลย!

4. การตลาดแบบตัวต่อตัวเป็นไปไม่ได้บน Digital Marketing

อาจดูเหมือนเป็นเป้าหมายที่ทำได้ยาก แต่การตลาดแบบตัวต่อตัวไม่ได้บ้าอย่างที่คิด การปรับเปลี่ยนการตลาดดิจิทัลในแบบของคุณสามารถเพิ่มความน่าเชื่อถือของแบรนด์ในฐานะที่เป็นสถานที่สำหรับผลิตภัณฑ์หรือบริการของคุณ การรู้จักลูกค้าของคุณและสิ่งที่ทำให้พวกเขาเลือกจะทำให้สิ่งนี้เป็นเรื่องง่าย ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมการวิเคราะห์และการวัดผลจึงเป็นสิ่งสำคัญ สิ่งต่าง ๆ ที่ง่ายพอ ๆ กับการมีชื่อผู้รับ

ในเนื้อหาอีเมลของคุณจะทำให้ลูกค้ารู้สึกน่าเชื่อถือมากขึ้นสำหรับธุรกิจของคุณ วิเคราะห์การตลาดออนไลน์ของคุณและดูว่าสิ่งใดที่เหมาะกับคุณ

5. มีแพลตฟอร์มโซเชียลมากเกินไปไม่ดี

จริงอยู่ที่แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียมีมากมายและเกิดขึ้นใหม่ตลอดเวลา แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าธุรกิจคุณจะตามไม่ทันและไม่สามารถเจาะตลาดแต่ละอันได้ การมีเพจของบริษัทในแต่ละแพลตฟอร์มที่ใช้โดยกลุ่มเป้าหมายของคุณเป็นสิ่งสำคัญ (ถ้าคุณมีทรัพยากรที่พร้อมใช้งาน) เพราะมันจะทำหน้าที่ดึงดูดลูกค้าที่แตกต่างกันเข้ามาหาธุรกิจคุณ ซึ่งเปิดโอกาสให้ผู้บริโภคได้ทำความรู้จักกับแบรนด์ของคุณมากยิ่งขึ้น

23
เข้าปี 2022 แบบนี้ เทรนด์การเปลี่ยนแปลงของโลกก็เปลี่ยนไปด้วย พฤติกรรมของผู้บริโภคเองก็เปลี่ยนไป แต่ไวรัส Covid-19 ก็ยังมีอยู่ จึงทำให้เทรนด์การตลาดเองก็เปลี่ยนแปลงไปด้วยเช่นกัน ซึ่งเทรนด์ Digital Marketing ในปี 2022 นี้ ทำให้เหล่า Agency เองก็ต้องปรับตัวและเรียนรู้ไปตามยุคที่เปลี่ยนแปลง เพราะฉะนั้นวันนี้เลยมีเทรนด์ Digital Marketing ปี 2022 ที่เหล่า Agency ต้องรู้

รวม 5 เทรนด์ Digital Marketing 2022

Metaverse รูปแบบใหม่ของ Facebook
เมื่อปลายปี 2021 ที่ผ่านมา Facebook ได้เปลี่ยนชื่อเป็น Metaverse อย่างเป็นทางการแล้ว ซึ่งทาง Facebook ซึ่งเหตุผลที่เปลี่ยนชื่อคือการสร้างประสบการณ์ให้ผู้คนในโลกเสมือนจริง และเป็นทิศทางแห่งอนาคตบนโลกดิจิทัล ทำให้นักการตลาดหลายคนมองหาโอกาสในการทำการตลาดออนไลน์บนโลก Meta

การตลาดแบบ Influencers ยังเติบโตอยู่
ในปี 2021 ที่ผ่านมา การตลาดแบบ Influencers เติบโตอย่างมาก ซึ่งมีมูลค่ามากถึง 13,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และคาดว่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง แม้แต่ทางแบรนด์ระดับ B2B เองก็หันมาใช้การตลาดรูปแบบ Influencers เพราะการตลาดรูปแบบจะช่วยเพิ่มความเข้าใจบริบทของสินค้า และการใช้สินค้าได้ถูกต้องตามที่แบรนด์ต้องการ

Linkedin ยังเติบโตและสามารถใช้เป็นช่องทางการตลาด
Linkedin ถือเป็นพื้นที่ช่องทางในการทำการตลาดออนไลน์ได้ดีเยี่ยม เพราะทุกไตรมาส Linkedin มีผู้ใช้งาน active ต่อเดือนเพิ่มขึ้นอย่างมากและผู้ใช้งานภายใน Linkedin ยังมีการใช้งานอยู่จริง รวมถึงทาง Linkedin เองก็ออกแบบ Feature ใหม่ๆ เพื่อเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ และขยาย Platform ให้เติบโตควบคู่ไปด้วย

SEO มีพัฒนาแยกย่อย และยากขึ้นเรื่อยๆ
SEO ถือเป็น Digital Marketing อีกรูปแบบหนึ่ง ที่มีการพัฒนา มีเครื่องมือที่ออกแบบมาเพื่อรับการทำ SEO อยู่เรื่อยๆ แต่ปัจจุบัน Search Engine มีความฉลาดขึ้น มีความแม่นยำมากขึ้น ซึ่งทำให้เทรนด์การทำ SEO จะเป็นรูปแบบการเน้นพัฒนา Content ให้ถูกใจคนอ่าน ตอบโจทย์ผู้บริโภคยิ่งขึ้น และเน้นประสบการณ์ที่ดีแก่ผู้บริโภคมากขึ้น

Website ต้องโหลดให้เร็ว
ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบ Desktop หรือ Mobile ล้วนต้องออกแบบเว็บไซต์ให้ตอบโจทย์การใช้งาน ทั้งการดีไซน์ที่ทันสมัย เข้าถึงง่าย และระยะเวลาในการโหลดข้อมูลก็ต้องโหลดให้เร็ว ซึ่งทาง Google เองก็ออกแบบเว็บไซต์ Core Web Vitals ที่มาช่วยดูแลเรื่องความเร็วในการชม Website

และนี้คือ 5 เทรนด์ของ Digital Marketing ซึ่งคุณจะต้องหมั่นคอยติดตามข่าวสารการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ หรือหากคุณไม่ถนัดหรืออยากมองหา Digital Marketing Agency มาช่วยดูในส่วนนี้ก็สามารถติดต่อมาที่ Cotactic เราเป็น Digital Marketing Agency ให้กับคุณ

24
ในต้นปี 2022 แบบนี้ผู้ประกอบการและผู้ที่ทำธุรกิจ คงกำลังมองหาแผนการตลาดและการสร้างกลยุทธ์การสร้างการตลาดออนไลน์ที่จะใช้วางแผนการทำการตลาดในปี 2022 นี้อยู่ และยังไม่รู้เทรน์การตลาดในปีว่าจะไปในแนวทางไหน วันนี้เรามี 5 วิธีสร้างการตลาดออนไลน์ ในปี 2022 ผ่านมุมมอง Marketing Agency มาฝากทุกคนกัน

และหากคุณเป็นผู้ประกอบการมือใหม่ที่ต้องการวางแผนการการตลาดออนไลน์ แต่ยังไม่รู้จะสร้างแผนการตลาดออนไลน์อย่างไร และอยากหาผู้ช่วยในการสร้างการตลาดบนโลกออนไลน์ ให้เราทีม Cotactic Digital Marketing ช่วยคุณสร้างแผนการตลาดและดูแลการตลาดบนโลกออนไลน์ให้คุณ

การช้อปปิ้งบนแพลตฟอร์มออนไลน์มาแรงต่อเนื่อง
แน่นอนว่าการช้อปปิ้งบนฟอร์มออนไลน์ได้กระแสตอบรับเป็นอย่างดีมาตลอดหลายปี และมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นในทุกๆปี อาจจะเพราะด้วยพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปที่เกิดจากการระบาดของโรคโควิด ส่งผลให้การช้อปปิ้ง บนแพลตฟอร์มออนไลน์ยิ่งทวีคูณความต้องการมากขึ้น ดังนั้นแล้วหากคุณเป็นผู้ประกอบการหรือนักธุรกิจ การนำเอาสินค้าหรือบริการของคุณไปโพสต์ไว้ที่แพลตฟอร์มออนไลน์ หรือแอปพลิเคชันซื้อขายสินค้าต่าง ๆ จะทำให้คุณสามารถขายของของคุณได้เพิ่มมากขึ้น แต่ต้องไม่ลืมว่าแพลตฟอร์มแต่ละแพลตฟอร์มหรือแอปพลิเคชันต่างก็มีกลุ่มลูกค้าและผู้ใช้งานที่ไม่เหมือนกัน ดังนั้นก่อนที่จะเปิดหน้าร้านขายของออนไลน์ ควรศึกษาพฤติกรรมความต้องการของลูกค้า ศึกษาแพลตฟอร์มหรือแอปพลิเคชันต่าง ๆ ให้ดี เพราะจะช่วยให้คุณเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย ปิดการขายและประหยัดต้นทุนการยิงแอดหรือค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ไปได้มหาศาล

Influencer มีผลกับการเลือกซื้อและการตัดสินใจมากขึ้น
จะเห็นได้ว่าในปัจจุบันหลาย ๆ แบรนด์หลาย ๆ ธุรกิจได้นำเอา Influencer เข้ามาใช้ในการทำการตลาดออนไลน์มากขึ้นไม่ว่าจะเป็น การโฆษณาสินค้าให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น การรีวิวสินค้า การช่วยบอกต่อให้กับผู้ที่มีความสนใจหรือกลุ่มลูกค้าให้เข้ามาค้นหา มาทำความรู้จัก หรือซื้อสินค้ากับแบรนด์มากขึ้น ทั้งนี้เพราะกลุ่มคนเหล่านี้มีอิทธิพลบนแพลตฟอร์มออนไลน์และสื่อโซเชียลมีเดียส่งผลต่อการตัดสินใจเลือกซื้อเลือกใช้ของผู้บริโภคมากขึ้น ดังนั้นแล้วหากคุณเป็นผู้ประกอบการธุรกิจที่การทำธุรกิจในปี 2022 ไม่ควรพลาดที่จะใช้ Influencer ในการทำการตลาดออนไลน์ให้คุณเพราะพวกเขาจะช่วยให้การทำการตลาดของคุณมีประสิทธิภาพมากขึ้นและช่วยให้คุณสามารถสร้างยอดขาย สร้าง Engagement เพิ่มยอด Awareness การกด Like การคอมเม้นต์ และการแชร์ ให้กับแบรนด์ของคุณอย่างเห็นได้ชัด

Content Video Marketing มาแรง
จากสถานการณ์ covid ที่ผ่านมา จะเห็นได้ชัดว่าการทำการตลาด ผ่าน Content Video Marketing นั้นได้รับกระแสการตอบรับเป็นอย่างดี เพราะสามารถดึงดูดความสนใจของลูกค้าได้ และด้วย Video Content สามารถที่จะเข้าใจได้ง่าย ๆ ไม่ซับซ้อน จึงทำให้เป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์สำคัญในการหาลูกค้า ปิดดีล และสร้างยอดขาย ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถรองรับแผนการตลาดออนไลน์ได้มากมาย สามารถประยุกต์ใช้กับเนื้อหาอีกหลากหลายตามความต้องการ อีกทั้งยังสามารถทำให้ผู้ประกอบการเข้าใจผู้บริโภคมากขึ้น จาก Video Content ที่ได้รับความนิยม หรือยอดวิวที่มาก เพราะแสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคต้องการอะไรชอบสิ่งไหน คอนเทนต์แบบไหนที่เข้าถึงลูกค้าได้ง่ายและช่วยหาลูกค้าได้ และจะนำกลับไปปรับปรุงอย่างไรให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อที่จะช่วยในการหาลูกค้า การยอดขายให้กับแบรนด์ ดังนั้นการทำ Content Video Marketing ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่จะทำให้การตลาดออนไลน์ ในปี 2022 นั้นน่าสนใจ

SEO ยังคงเป็นการตลาดที่ได้ผลลัพธ์ที่ดีและมีประสิทธิภาพ
SEO หรือ Search Engine Optimization การทำให้เว็บไซต์ของเราติดอันดับในหน้าแรกยังคงเป็นการตลาดออนไลน์ที่สำคัญที่ผู้ประกอบการควรที่จะให้ความสนใจ เพราะสิ่งนี้จะช่วยให้กลุ่มลูกค้าเจอคุณได้ง่ายมากขึ้น และช่วยให้คุณสร้างยอดขายได้อย่างมหาศาล ตราบเท่าที่ผู้คนยังพึ่งพาการค้นหาผ่านอินเทอร์เน็ตกันอยู่ และสิ่งหนึ่งที่คุณควรให้ความสำคัญนั้นก็คือ Semantic SEO

Semantic SEO คือ การทำ SEO ให้มีคุณภาพ โดยเน้นไปที่ User Experience การใช้งาน User ที่ต้องใช้ง่ายสะดวกและตอบสนองได้ดี และรวมไปถึงการทำในส่วนอื่น ๆ ที่ต้องทำให้ถูกต้องตามหลักของ SEO สิ่งนี้จึงกลายเป็นความยากและซับซ้อน เพราะ Algorithm ของ Search Engine ที่มีการอัปเดตอยู่ตลอดและมีความฉลาดขึ้นเรื่อย ๆ

ดังนั้นแล้วคุณก็ไม่ควรพลาดที่จะทำให้เว็บไซต์ของคุณให้ดูดีและถูกต้องตามหลัก SEO เพราะสิ่งเหล่านี้จะทำให้เว็บไซต์ของคุณอยู่ในอันดับที่ดีช่วยให้ธุรกิจของคุณได้ยอดขายอย่างมหาศาล


AR / VR / MR / XR ถูกนำมาใช้ในการทำการตลาดมากขึ้น
เทคโนโลยีมีบทบาทกับการใช้ชีวิตมากขึ้นใหม่ เทรนด์การเล่นและใช้งานอุปกรณ์ภาพเสมือนเหล่ามีการพัฒนาไปเรื่อย ๆ ตามเทรนด์ของผู้ใช้ที่ดูจะชื่นชอบเทคโนโลยีมากขึ้น ประกอบกับการพัฒนาสัญญาณอินเทอร์เน็ตและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่สามารถรองรับระบบต่าง ๆ ที่มีความล้ำหน้าได้มากขึ้น เห็นได้ชัดจาก Facebook  ที่ได้ออก Metaverse หรือโลกเสมือนที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อเปิดให้ผู้คนได้เข้ามามีปฏิสัมพันธ์ และสามารถทำกิจกรรมต่าง ๆ ร่วมกันได้ ไม่ว่าจะเป็นการประชุม พบปะพูดคุย ติดต่อ ท่องเที่ยว บันเทิง หรือช้อปปิ้งเสมือนอยู่ในโลกจริง ผ่านตัวตนที่เป็นอวตาร (avatar) ซึ่งเป็นกราฟิก 3 มิติ แทนตัวเราเวลาทำกิจกรรม ทั้งนี้ย่อมส่งผลให้ทั่วโลกเริ่มสนใจและรับตัวกับเทคโนโลยีเหล่านี้มากขึ้น และในปี 2022 นี้หากแบรนด์ไหนสามารถจับทิศทางการพัฒนาเทคโนโลยีเหล่านี้เอาไว้ได้ละก็คุณก็สามารถหาลูกค้าใหม่ได้ไม่ยากเย็นเกินไปนัก




25
เชื่อว่าหลายๆคนหลายครอบครัวนิยมใช้รถ Eco Car เป็นรถคู่ใจ ด้วย Eco Car ถือว่าตอบโจทย์การใช้งานของคนไทยในหลากหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นความคล่องตัว ความประหยัด และการใช้งาน ที่มีให้เลือกมากมายหลายรุ่นหลายยี้ห้อ จึงส่งผลในรถกระบะเป็นทางเลือกที่หน้าสนใจ หากใครกำลังจะตัดสินใจซื้อรถสักคันรถ Eco Car ถือเป็นหนึ่งตัวเลือกที่ใครๆก็มักจะนำไปตัดสินใจ



ทำไมรถ Eco Car ถึงเป็นรถที่คนเลือกใช้มากที่สุด

ตอบโจทย์ทุกการใช้งาน
ด้วยคนไทยมีไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย และรถ Eco Car ก็สามารถตอบโจทย์ชีวิตได้ครบทุกด้านไลฟ์สไตล์ทำให้คนไทยเลือกซื้อรถ Eco Car จนรถ Eco Car มียอดขายที่สูงขึ้น ไม่ว่าคุณจะใช้งานเพื่อเดินทางท้องเที่ยวหรือขับในเมืองหรือต่างจังหวัด รถ Eco Car ก็พร้อมพาคุณเดินทางเปิดโลกกว้าง ลุยไปในทุกที่

ประหยัดน้ำมัน
ด้วยรถ Eco Car นั้นจะเป็นรถที่ถูกมองว่าเป็นรถที่ช่วยให้ประหยัดน้ำมันและรักษาสิ่งแวดล้อม ด้วยเทรนรักโลกที่เกิดขึ้นในปัจจุบันถือว่ารถ Eco Car ตอบโจทย์ผู้ใช้งานที่ต้องการรักษาสิ่งแวดล้อม อีกทั้งช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและประหยัดน้ำมันในการขับขี่ได้มากกว่า จึงเป็นจุดเด่นที่หลากคนมักจะเลือกซื้อรถ Eco Car มาใช้เป็นรถคู่ใจ

ราคาไม่แพง
หากเทียบราคารถในไทย รถ Eco Car ถือเป็นรถที่มีราคาไม่สูงมาก เพราะภาครัฐให้การส่งเสริมอุตสาหกรรมยานยนต์ในไทย ทำให้มีการผลิตชิ้นส่วน และเครื่องยนต์ภายในประเทศ ส่งผลให้ต้นทุนในการผลิตและประกอบรถมีราคามีราคาถูกลง อย่างนิสันที่มีการผลิตชิ้นส่วนภายในประเทศก็ทำให้ นิสสันอัลเมร่าราคาริ่มต้นที่เพียง 499,000 บาท และนี้จึงเป็นเหตุที่รถ Eco Car เป็นรถที่ใคร ๆ ก็เลือกใช้

ดีไซน์ทันสมัย
จะเห็นได้ว่ารถ Eco Car ในท้องตลาด นอกจากการแข่งขันในเรื่องของเครื่องยนต์และสมรรถนะแล้วดีไซน์ถือเป็นอีกจุดหนึ่่งที่หลาย ๆ ให้ความสนใจและแข่งขันกันเพื่อที่จะตอบโจทย์ความต้องการและความชื่นชอบของลูกค้า เพราะทุก ๆ คนต่างให้ความสนใจกับภาพลักษณ์ของรถ การออกแบบ ส่งผลให้รถ Eco Car ในท้องตลาดปัจจุบันมีดีไซน์ที่สวยและทันสมัย

สมรรถนะเครื่องยนต์ดีเยี่ยม
รถ Eco Car เป็นรถที่ถือว่าให้เครื่องยนต์ที่ดีและมีสมรรถนะสูงมากในปัจจุบัน สามารถลุยไปได้ในทุกที่ทั้งในเมืองและนอกเมือง เพื่อตอบโจทย์ผู้ใช้ให้มากขึ้น  ด้วยเครื่องยนต์ที่มีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้รถกระบะมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นช่วยให้การขับรถดีขึ้นแรงขึ้นขับสนุกสนุกและมีความปลอดภัย สร้างมาตรฐานที่ดีให้กับรถ Eco Car ในปัจจุบันเป้นอย่างมาก

26

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเกิดการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีมากมายทำให้ทุก ๆ คนรวมไปถึงองค์กรธุรกิจหรือบริษัทต่าง ๆ ต้องปรับตัวเพื่อให้เท่าทันเทคโนโลยีหรือที่เรียกกันว่า Digital Transformation การเปลี่ยนแปลงวิธีการทำธุรกิจเชิงกลยุทธ์ด้วยการ ลงทุนใน Digital Technology ซึ่งหลายองค์กรก็ได้เริ่มปรับตัวกันแล้ว โดยการเริ่มต้นอย่างง่ายที่สุดคือการปรับองค์กรให้ป็นองค์กร Digitization เพราะถือเป็นขั้นตอนเริ่มต้นในการเปลี่ยนแปลงองค์กรไปสู่การเปลี่ยนแปลงองค์กรแบบ Digital Transformation มาดูกันว่าเราสามารถก้าวไปสู่องค์กร Digitization ได้อย่างไร

ตั้งจุดประสงค์ให้ชัดเจน
การจะก้าวไปเป็นองค์กร Digital Transformation ในการเริ่มแรกที่ดีคือการพาองค์กรก้าวไปสู่องค์กร Digitization โดยการนำเอาเทคโนโลยีเข้ามาประยุกต์ใช้ในการทำงานปรับปรุงประสิทธิภาพงานที่ทำโดยเริ่มต้นจากจุดเล็ก ๆ โดยการตั้งจุดประสงค์หลักง่าย ๆ เช่นการลดขั้นตอนการทำงานซ้ำซ้อน, การเพิ่มความคล่องตัวขององค์กร และการเพิ่มประสบการณ์การใช้บริการของลูกค้า เป็นต้นโดยอาจจะเริ่มจากการนำสิ่งที่เป็น Analog เปลี่ยนแปลงเป็นระบบ Digital ทั้งหมด เพื่อให้บรรลุจุดประสงค์ที่ตั้งไว้และขยับขยายต่อไป เช่น การเปลี่ยนการจัดเก็บข้อมูลหรือเอกสารจากการดาษไปสู่การเก็บข้อมูลเอกสารดิจิทัล การเปลี่ยนภาพถ่ายให้เป็นไฟล์ภาพ, การเปลี่ยนจากเอกสารให้เป็นไฟล์ Docs/PDF/exe หรือการเปลี่ยนหนังสือให้เป็น E-book เป็นต้นนำเทคโนโลยีมาปรับปรุงการทำงาน

การนำเทคโนโลยีที่จะนำมาประยุกต์ใช้
ในปัจจุบันมีเทคโนโลยีมากมายให้เลือกใช้ที่จะมาเพิ่มประสิทธิภาพให้กับธุรกิจ แต่ก็ไม่ใช้ทุกเทคโนโลยีที่จะเหมาะสมกับธุรกิจและจุดประสงค์ของคุณ ดังนั้นธุรกิจจึงจำเป็นจะต้องศึกษาและทำความรู้จักเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่จะนำมาใช้ เพื่อทำให้เกิดประสิทธิภาพมากที่สุด เช่น ซอฟแวร์และระบบต่าง ๆ ที่เหมาะสมกับโครงสร้างของธุรกิจของคุณทั้งนี้เมื่อเปลี่ยนวิธีการทำงานเข้าสู่ระบบ Digital อย่างเต็มตัว ธุรกิจก็ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของระบบและข้อมูลด้วยเช่นกัน เช่นหากต้องการลดกระดาษในองค์กร เพิ่มประสิทธิภาพของการจัดเก็บเอกสารให้ง่ายและสะดวก โดยต้องการจำกัดการเข้าถึงเอกสาร ระบบ E-Document สามารถช่วยคุณได้โดยการนำใช้เทคโนโลยีเข้ามาจัดการการเก็บเอกสารให้อยู่ในรูปแบบดิจิทัล โดยการเข้าถึงหรือใช้งานนั้นง่ายมากเพียงคุณมีอินเทอร์เน็ตก็สามารถเรียกใช้งานเอกสารได้ รวมไปถึงสามารถจำกัดการเข้าถึงของพนักงานในการเข้าถึงเอกสารได้ ว่าเอกสารไหนเป็นเอกสารสำคัญขององค์กรเป็นเอกสารลับเข้าได้เฉพาะผู้บริหาร และสามารถตรวจสอบการเข้าถึงเอกสารย้อนหลัง เพียงเท่านี้ก็สามารถพาองค์กรก้าวไปสู่องค์กร Digitization อีกก้าวหนึ่งขของการเป็นองค์กร Digital Transformation

รับฟังความเห็นของพนักงานและปรับให้เป็นวัฒนธรรมองค์กร
การรับฟังความคิดเห็นของคนในองค์กรเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อที่จะได้นำสิ่งใดที่ยังคงเป็นปัญหาไปปรับปรุงแก้ไข และสิ่งใดที่แล้วพัฒนาให้ดียิ่งขึ้นเพราะเขาเหล่านี้คือผู้ใช้ระบบการอำนวยความสะดวกให้แก่พนักงานจะทำให้เขาพร้อมที่จะรับพังและพัฒนาและก้าวไปพร้อม ๆ กัน ให้องค์กรสามารถปรับองค์กรให้เป้นองค์กร Digital Transformation ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและ สามารถสร้างให้สิ่งเหล่านี้หล่อหลอมกันเป็นวัฒนธรรมองค์กรที่แข็งแกร่งต่อไป






27

หากคุณเป็นเจ้าของธุรกิจแต่พบว่าธุรกิจของคุณมีกลุ่มลูกค้าที่ไม่เติบโตมากนัก และต้องการขยายฐานลูกค้าให้กว้างขึ้น หรืออีกนัยหนึ่งคือคุณกำลังจะเป็นเจ้าของธุรกิจหน้าใหม่ แต่ยังไม่มีความรู้เกี่ยวกับการทำธุรกิจมากนัก แต่ไม่รู้ว่าจะสร้างแผนการตลาดออนไลน์อย่างไร และต้องการผู้ช่วยในการสร้างการตลาดบนโลกออนไลน์ ให้เราทีม Digital Marketing ช่วยคุณสร้างแผนการตลาดและดูแลการตลาดบนโลกออนไลน์ให้คุณ ทั้งนี้คุณควรศึกษาวิธีการสร้างแผนการตลาดต่อไปนี้ควบคู่ไปด้วยกัน

1. ดำเนินการวิเคราะห์สถานการณ์

ก่อนที่คุณจะเริ่มต้นแผนการตลาดได้นั้น คุณควรจะต้องรู้สถานการณ์ปัจจุบันของคุณเสียก่อน หลักการวิเคราะห์ขั้นพื้นฐานที่ควรใช้คือ การวิเคราะห์แบบ SWOT เป็นขั้นตอนแรกในการสร้างแผนการตลาดให้กับธุรกิจของคุณ ซึ่งได้แก่ จุดแข็ง , จุดอ่อน , โอกาส , อุปสรรค หรือ ข้อจำกัดที่เป็นภัยคุกคามต่อธุรกิจของคุณ 
นอกจากนี้ คุณควรมีความเข้าใจสถานการณ์ตลาดในปัจจุบันอีกด้วย หรือเรียกอีกอย่างว่า คือ การวิเคราะห์คู่แข่ง ซึ่งถ้าคุณรู้จักคู่แข่งของคุณในด้านต่าง ๆ จะทำให้คุณได้เปรียบทางการแข่งขันที่มากขึ้นตามอีกด้วย การตอบคำถามเช่นนี้จะช่วยให้คุณทราบได้ว่าลูกค้าต้องการอะไร ซึ่งจะนำเราไปสู่ขั้นตอนที่สอง

2. กำหนดกลุ่มเป้าหมายของคุณ
มาถึงข้อนี้ เมื่อคุณเข้าใจตลาดและสถานการณ์ของบริษัทคุณดีขึ้นแล้ว อย่าลืมว่ากลุ่มเป้าหมายของคุณคือใคร ถ้าหากว่าบริษัทของคุณมีกลุ่มลูกค้าอยู่แล้ว ขั้นตอนนี้อาจหมายความว่าคุณต้องปรับแต่งลักษณะสินค้าหรือการบริการของคุณให้มากขึ้น แต่ถ้าหากว่า คุณไม่มีตัวตนของกลุ่มลูกค้าที่ต้องการจะขยายฐานลูกค้า คุณก็ควรสร้างมันขึ้นมา ซึ่งวิธีทำการนี้ก็คือ  การดำเนินการวิจัยตลาด  คุณควรมีข้อมูลประชากร เช่น อายุ เพศ และ รายได้ อย่างไรก็ตาม เรายังรวมไปถึงข้อมูลทางจิตวิทยา เช่น ความรู้สึก  และ เป้าหมาย มีปัญหาอะไรบ้างที่ผลิตภัณฑ์หรือบริการของคุณสามารถแก้ไขได้ เมื่อคุณเขียนข้อมูลนี้แล้ว มันจะช่วยคุณกำหนดเป้าหมาย

3. เขียนเป้าหมาย SMART
เป้าหมาย SMART  คือ เครื่องมือตั้งเป้าหมายอย่างเป็นระบบ เพื่อให้จุดมุ่งหมายของภารกิจต่าง ๆ นั้นมีความชัดเจน วัดผลได้ ไม่เพ้อฝัน คอยประเมินได้ว่าเราเข้าใกล้เป้าหมายไปแล้วแค่ไหน ซึ่งคำว่า SMART นั้นย่อมาจาก Specific + Measurable + Achievable + Realistic + Time-bound. Specific (เฉพาะเจาะจง)หมายความว่าเป้าหมายทั้งหมดของคุณควรมีความเฉพาะเจาะจงและรวมกรอบเวลาที่คุณต้องการทำให้สำเร็จ

ตัวอย่างเช่น เป้าหมายของคุณอาจเป็นการเพิ่มผู้ติดตาม Instagram ของคุณ 15% ในสามเดือน สิ่งนี้ควรมีความเกี่ยวข้องและบรรลุจุดประสงค์ให้สำเร็จได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเป้าหมายทางการตลาดโดยรวมของคุณ นอกจากนี้ เป้าหมายนี้มีความเฉพาะเจาะจง วัดได้ และมีเวลาจำกัด ก่อนที่คุณจะเริ่มกลยุทธ์ใดๆ คุณควรเขียนเป้าหมายของคุณ จากนั้น คุณสามารถเริ่มวิเคราะห์ว่ากลวิธีใดที่จะช่วยให้คุณบรรลุเป้าหมายนั้นได้ นั่นนำเราไปสู่ขั้นตอนที่สี่

4. วิเคราะห์กลยุทธ์ของคุณ
ตอนนี้ คุณต้องคิดให้ออกว่า กลยุทธ์ใดที่จะช่วยให้คุณบรรลุเป้าหมายได้ นอกจากนี้ การดำเนินการของธุรกิจคุณที่เหมาะสมควรเน้นไปที่อะไรตัวอย่างเช่น หากเป้าหมายของคุณคือการเพิ่มผู้ติดตาม Instagram ของคุณ 15% ในสามเดือน กลยุทธ์ของคุณอาจรวมไปถึง กิจกรรมการเล่นเกมส์แจกของรางวัล เพื่อให้ผู้ติดตามได้มีส่วนร่วมกับคุณมากขึ้นการพูดคุยตอบกลับทุกความคิดเห็น และการโพสต์ภาพต่าง ๆ ของคุณบน Instagram 3 - 5 ครั้งต่อสัปดาห์

5. กำหนดงบประมาณของคุณ
ก่อนที่คุณจะได้เริ่มใช้แนวคิดใดๆ ที่คุณได้มาจากขั้นตอนข้างต้น คุณควรจะต้องทราบงบประมาณของคุณเสียก่อนตัวอย่างเช่น กลยุทธ์ของคุณอาจรวมไปถึงการโฆษณาบนโซเชียลมีเดีย แต่ถ้าหากคุณไม่มีงบประมาณมากพอสำหรับการโฆษณา คุณอาจไม่สามารถบรรลุเป้าหมายได้  ขณะที่คุณกำลังเขียนกลวิธีในแผนธุรกิจของคุณ จงอย่าลืมจดงบประมาณสำหรับขั้นตอนต่าง ๆ โดยประมาณไว้ด้วย เพราะถ้าคุณรู้รายละเอียดค่าใช้จ่ายคร่าว ๆ ของแต่ละขั้นตอนต่าง ๆ แล้วนั้น จะสามารถทำให้คุณรับมือและปรับเปลี่ยนแผนการตลาดได้รวดเร็วและง่ายยิ่งขึ้น

28

ปัจจุบันมีนักการตลาดดิจิทัลที่มีความสามารถหลายคน แต่มีนักการตลาดดิจิทัลเพียงไม่มีกี่คนที่อยู่มาตั้งแต่ช่วงแรกของยุคดิจิทัลและสามารถพิสูจน์ตัวเองผ่านการทำงานในหลายรูปแบบ สำหรับวันนี้ Digital Marketing Agency มีนักการตลาด ที่อยากมาแนะนำให้ทุกคนได้รู้จัก นั้นก้คือ “Seth Godin” นักการตลาดดิจิทัลที่มีความสามารถมากมายและเป็นผู้ทรงอิทธิพลในแวดวงธุรกิจ ผู้คนต่างสนใจในสิ่งที่เขากำลังพูดถึงและวิธีคิดต่าง ๆ ของเขา รวมทั้งจะมาแชร์  5 วิธีคิดของ Seth Godin ในการวางแผนการตลาด จากหนังสือ “This Marketing” ของเขาที่ได้รับการันตีว่าเป็นหนังสือขายดี และจะเป็นตัวช่วยในการทำให้ธุรกิจของคุณให้น่าสนใจมากขึ้น

Seth Godin คือใคร?
Seth Godin คือผู้ก่อตั้งบริษัท Yoyodyne ต่อมาเขาได้ขาย Yoyodyne ให้กับ 'Yahoo!' ในราคา 30 ล้านเหรียญสหรัฐ และได้รับแต่งตั้งเป็นรองประธานฝ่าย Direct Marketing Yahoo และ Seth Godin ถือเป็นบุคคลที่มีความสามารถไม่ว่าจะเป็นสร้างและพัฒนาเว็บไซต์ เป็นผู้ประกอบการ นักพูดสร้างแรงบันดาลใจ และยังเป็นนักเขียนมากกว่า 20 เล่ม ซึ่ง Seth Godin เขียนในแง่มุมต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนทางธุรกิจ ความเป็นผู้นำ การตลาดการโฆษณา

Seth Godin ได้รับปริญญาด้านคอมพิวเตอร์และปรัชญาจาก Tufts University และจบ MBA ด้านการตลาดจาก Stanford Graduate School of Business. เป็นผู้ก่อตั้ง Yoyodyne และ Squidoo ถือเป็นหนึ่งในบล็อกที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก และเขาได้รับการแต่งตั้งให้เป็น Direct Marketing Hall of Fame ในปี 2013

หนังสือของ Seth Godin เล่ม  All Marketers Are Liars ได้รับเลือก ให้เป็นหนังสือสำคัญ 1 ใน 6 เล่มที่นักการตลาดทุกคนควรมีตู้หนังสือและหลาย ๆ เล่มของเขาได้รับการการันตีว่าเป็นหนังสือขายดี เช่น “Purple Cow” เป็นหนังสือเกี่ยวกับการทำการตลาดอย่างไรให้ธุรกิจโดดเด่น เป็นหนังสือที่ขายได้มากกว่า 150,000 เล่มในการพิมพ์มากกว่า 23 ครั้งในสองปีแรกและ “The Dip” หนึ่งในหนังสือที่ดีที่สุด 20 เล่มโดยนักคิดที่มีอิทธิพลมากที่สุดในวงการธุรกิจ

รวมถึงหนังสือ “This Marketing”เอง ที่ Digital Marketing Agency เลือกนำมาแนะนำให้ทุกคนรู้จักก็ถือเป็นหนังสือที่ขายดีติดอันดับของ Wall Street Journal Bestseller ที่พูดถึงพื้นฐานของการตลาดยุคใหม่ที่ไม่ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร การเข้าใจพื้นฐานการตลาด จะสามารถช่วยพลิกแพลงกลยุทธ์ และเอาชนะใจผู้บริโภคได้


5 วิธีคิดของ Seth Godin ที่ทำให้ธุรกิจของคุณเหนือกว่าคู่แข่ง ผ่าน This Marketing

การตลาดเป็นเรื่องราวที่คุณจะบอกเล่า (Marketing Is about The Stories You Tell)

Seth Godin พูดว่า “Marketing is no longer about the stuff you make, but the stories you tel”การตลาดไม่ได้เกี่ยวกับการที่คุณขายอะไรแต่มันเกี่ยวกับเรื่องราวที่คุณบอกเล่า

เนื่องจากจุดประสงค์หลักที่อยู่เบื้องหลังการทำการตลาดคือการเชื่อมต่อและสื่อสารกับลูกค้า Seth Godin เชื่อว่าการเล่าเรื่องราวเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการสร้างความผูกพันกับลูกค้า และช่วยสร้างความโดดเด่น ทำให้ผู้คนรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งสร้างการมีร่วมกับแบรนด์ และเพิ่มยอดยอดขายให้คุณได้

หากคุณอยากสร้างเรื่องราวหรือ Stories Digital Marketing Agency แนะนำว่า คุณอาจสังเกตจากตัวตนของแบรนด์ สินค้าหรือผลิตภัณฑ์ของเรานั้นจะช่วยผู้บริโภคได้อย่างไร หรืออาจดูจาก Pain Point ปัญหาของลูกค้าที่เกิดจากสาเหตุบางอย่างที่ทำให้ลูกค้าไม่ชอบหรือทำให้ใช้ชีวิตลำบากขึ้น จนทำให้ลูกค้าต้องการแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยการแก้ไขปัญหาที่ว่าคือการซื้อสินค้าหรือใช้บริการบางอย่างที่สามารถแก้ปัญหานั้นได้ โดยใช้จุดในการสร้างเรื่องเพื่อให้เข้าถึงลูกค้า สร้างความผูกพันว่าเราจะช่วยแก้ปัญหานั้นได้

อย่างเช่นผลิตภัณฑ์ของ Nike ที่มีจุดเริ่มต้นมาจาก ฟิล ไนต์ นักวิ่งของมหาวิทยาลัยโอเรกอน ได้รู้จักกับ บิลล์ บาวเวอร์แมน ซึ่งเป็นโค้ชของเขาที่มหาวิทยา ด้วยทั้งคู่ต่างต้องการรองเท้าคุณภาพเยี่ยม น้ำหนักเบา และมีความทนทาน เพื่อใส่วิ่งแข่งขัน เขาต่างค้นคว้าและศึกษาการทำรองเท้าต่าง ๆ มากมายจน บิลล์ ได้มีการทดลองทำพื้นรองเท้ายางจากเครื่องอบขนมวาฟเฟิล นี่ถือได้เป็นจุดเปลี่ยนแปลงสำคัญของแบรนด์ Nike เพราะพื้นรองเท้าที่นุ่มสบายจากการทดลองของบิลล์ได้กลายเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของรองเท้าวิ่งไนกี้มาจนถึงปัจจุบัน อีกทั้ง Nike เองเคยได้ร่วมออกแบบแบรนด์รองเท้าของเขาเพื่อเจาะกลุ่มนักกีฬากรีฑาในโอลิมปิกโดยเฉพาะ และได้สร้างเอกลักษณ์ให้แบรนด์ด้วยการเปิดตัวโลโก้เครื่องหมายถูกที่มีที่มาจาก เทพีไนกี้ (Nike) ตามตำนานเทพปกรณัมกรีก ที่ปีกของเทพีไนกี้เป็นสัญลักษณ์ของลักษณะอันรวดเร็วแห่งชัยชนะ และทั้งหมดนี้ทำให้ Nike มีคนติดตามเป็นแฟนพันธุ์แท้และเป็นลูกค้าสร้างความผูกพันธุ์กับแบรนด์

และนี่คือเหตุผลที่ Seth Godin พูดว่า “Marketing is no longer about the stuff you make, but the stories you tell”การตลาดไม่ได้เกี่ยวกับการที่คุณขายอะไรแต่มันเกี่ยวกับเรื่องราวที่คุณบอกเล่า


การตลาดแบบเพื่อน (Permission Marketing)

แนวคิดของกลยุทธ์นี้คือการเปลี่ยนคนแปลกหน้าเข้ามาในเพื่อน และจากเพื่อนให้กลายเป็นลูกค้าโดยการให้ลูกค้าเป็นผู้เลือกแบรนด์ และเข้าถึงด้วยตนเอง ซึ่งแบรนด์จะต้องวางตัวเป็นมิตรมากกว่าความต้องการขายเพียงอย่างเดียว เน้นสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวกับลูกค้า

อย่างเช่น เราทำธุรกิจฟิตเนส เราอาจมีการโฆษณาโดยอาจช่วยคำนวณค่า BMI ดัชนีมวลกาย และบอกถึงแคลอรีที่ร่างกายต้องการต่อวันหรือค่าความต้องการเผาผลาญแคลอรี และช่วยให้คำปรึกษา พอมีคนปรึกษาหรือสอบถามข้อมูลฟิตเนส จึงค่อยบอกรายละเอียดคอร์สฟิสเนส อาจจะมีการทดลองเล่นฟรีได้หนึ่งวันก่อนตัดสินใจซื้อ

นี่คือการเปลี่ยนคนแปลกหน้าให้เป็นเพื่อนและจากเพื่อนให้กลายเป็นลูกค้า ค่อย ๆ สร้างความเชื่อใจ ยิ่งลูกค้าเชื่อใจ คุณเสนอสินค้าอะไร พวกเขาจะสนใจทันที ตามที่ Seth Godin พูดว่า  “Permission Marketing is just like dating. It turns strangers into friends and friends into lifetime customers. Many of the rules of dating apply, and so do many of the benefits.”
 
คิดค้นดำเนินการแล้วก็ขาย Idea  (Invent, Implement & Sell The Ideas)

“People do not buy goods & services. They buy relations, stories & magic” คำพูดของ Seth Godin หากมองดูแนวการตลาดในปัจจุบันจะเห็นได้ว่ามีการทำ Idea ตลาดที่คล้ายกัน คนมักที่จะทำซ้ำมากกว่าการที่จะคิด Idea ขึ้นมาใหม่ หากเรามีการคิด Idea ใหม่ ๆ จะทำให้เราโดดเด่นและเหนือคู่แข่งคนอื่นๆสร้างความแตกต่าง

และการที่เราพยายามจะสร้าง Idea ใหม่ ๆ ขึ้นมานั้น จะทำให้คนรู้สึกตื่นเต้นและติดตามในสิ่งนั้น เพราะทุกคนต่างชอบความแปลกใหม่ เช่นถ้าคุณทำแบรนด์สิ่งที่คุณควรทำคือการสร้าง Idea ออกแคมเปญใหม่ ๆ โดยอาจจะสะท้อนตัวตนแนวคิดและมุมมองของแบรนด์อย่างง่าย ๆ ขึ้นมา เพราะในปัจจุบันผู้คนไม่ซื้อสินค้าและบริการ พวกเขาซื้อความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้น เรื่องราวที่มีในนั้น และความหัศจรรย์แปลกใหม่

ขายในสิ่งที่พวกเขาต้องการไม่ใช่ขายในสิ่งที่พวกเขาจำเป็น (Sell What People Want, Not What They Need )
โดยทั่วไปคนเราจะมีความต้องการที่มากกว่าความจำเป็น ทุกคนต่างมีความต้องการที่ไม่จำกัด เมื่อมีการตอบสนองในสิ่งใดสิ่งหนึ่งแล้ว เขาจะเปลี่ยนความต้องการนั้นเป็นสิ่งใหม่ ซึ่งนี้เป็นพฤติกรรมอย่างหนึ่งของมนุษย์

เราจะช่วยยกตัวอย่างง่าย ๆ ให้ดู ถ้าคุณคือผู้ตรงต่อเวลาสิ่งที่คุณจำเป็นต้องมีคือนาฬิกา คุณสามารถใส่นาฬิกาอย่างไรก็ได้เพียงแค่นาฬิกานั้นสามารถบอกเวลาคุณได้ แต่ถ้าคุณมีความชื่นชอบในนาฬิกาความต้องการใส่ของคุณจะไม่ใช่แค่บอกเวลาได้แต่นาฬิกานั้นจะเป็นนาฬิกาที่คุณชื่นชอบหรือมีความพิเศษเช่น Rolex,Patek Philippe หรือ Audemars piguet ที่มีความมพิเศษในการจัดทำตัวเรือนคือการทำจากช่างที่มีฝีมือเชี่ยวชาญผ่านการฝึกฝนมาอย่างต่อเนื่องและถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น มีเรื่องราวในตัวของแต่ละรุ่นความพิเศษที่ถูกสรรค์สร้างขึ้นมาโดยแบรนด์ และจำนวนการผลิตที่จำกัด แม้ว่านาฬิกาเหล่านี้จะมีราคาที่สูงแต่ก็ยังมีคนหลาย ๆ คนซื้อและให้ความสนใจ
ดังนั้นถ้าคุณจะต้องวางแผนการตลาดนี้ถือเป็นอีกหนึ่งแผนการตลาดที่สำคัญพยายามมุ่งเน้นไปที่สิ่งที่ผู้คนต้องการนี้อาจทำให้คุณแตกต่างและโดดเด่นขึ้นมาได้

ทำให้ลูกค้ามีความสุข (Keep Your Customers Happy)
สิ่งแรกที่คุณควรทำคือกำหนดลูกค้าของคุณ ว่าลูกค้าของคุณคือใคร? ทุกคนสามารถมีทางเลือกที่แตกต่างกันได้แต่มีความต้องการที่เหมือนเหมือนกัน คุณควรรู้ว่าใครคือลูกค้าเป้าหมายและสิ่งที่เขาชอบคือออะไร

ยกตัวอย่างถ้าคุณคือแบรนด์ขายเสื้อผ้ากีฬา ลูกค้าของคุณคือนักกีฬาและคนที่ชื่อชอบการออกกำลังกาย สิ่งที่เขาต้องการคือชุดออกกำลังกาย แต่สิ่งที่จะทำให้เขามาซื้อเสื้อผ้าแบรนด์คุณอาจไม่เหมือนกัน บางคนอาจจะชอบความที่ผ้าระบายได้ดี บางคนชอบที่ดีไซน์ หรือบางคนอาจจะชอบที่บุคคลที่มีชื่อเสียงนำเสื้อผ้าแบรนด์คุณไปใส่ นี้อาจเป็นสิ่งที่คุณต้องคิดและวางแผน 

สิ่งที่สองที่คุณควรพิจารณาคือการปฏิบัติต่อลูกค้าที่แตกต่างกันด้วยวิธีที่ต่างกัน กลุ่มลูกค้าของคุณอาจมีหลายกลุ่ม สิ่งที่ไม่ควรทำคือปฏิบัติกับลูกค้าทุกคนในลักษณะเดียวกันเพราะลูกค้าแต่ละกลุ่มอาจต้องการการดูแลที่ไม่เหมือนกัน คุณควรแบ่งลูกค้าออกเป็นกลุ่มต่าง ๆ เพื่อที่จะเข้าถึงลูกค้าได้ตรงจุดกว่า เพื่อที่จะให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ดีขึ้น ประโยชน์หลักของการแบ่งกลุ่มนี้คือการให้ความสำคัญกับพวกเขาได้ง่ายขึ้นและปฏิบัติต่อพวกเขาในแบบที่พวกเขาชื่นชอบ


ทั้งหมดนี้ถือเป็นแนวคิดหนึ่งที่ Digital Marketing Agency แนะนำซึ่งจะช่วยให้การทำธุรกิจคุณโดดเด่นมากขึ้น และ Seth Godin เป็นหนึ่งในบุคคลที่มีประสบการณ์มากที่สุด ซึ่งสามารถช่วยวางแผนการตลาดในรูปแบบที่แตกต่างออกไป คุณอาจไปศึกษาแนวคิดของเขาเพิ่มเติมได้จากหนังสือที่เขาเขียน ซึ่งได้รับการการันตีจากยอดขายและรางวัลต่าง ๆ มากมาย และคุณสามารถนำแนวคิดทั้งหมดนั้นมาประยุกต์ใช้ ให้เข้ากับธุรกิจของคุณ ให้ธุรกิจของคุณเติบโตอย่างมีประสิทธิภาพโดดเด่นและช่วยสร้างเพิ่มยอดขายให้กับธุรกิจคุณ

29

    เป็นที่รู้กันดีกว่าในตอนนี้ ที่สถานการณ์ของเชื้อไวรัส Covid - 19 ยังคงมีผู้ติดเชื้ออย่างต่อเนื่องทั่วประเทศ และทำให้กิจกรรมหลายอย่างก็ต้องสะดุดและหยุดชะงักไปด้วยเช่นกัน แน่นอนว่าอีกหนึ่งธุรกิจอุตสาหกรรมที่โดนผลกระทบไม่น้อยกว่าภาคส่วนอื่น ๆ ก็คือ โลจิสติกส์ ถึงแหมว่าโลจิสติกส์จะมีกระบวนการของการทำงานที่ไม่ต้องประสบพบเจอกับผู้คนเป็นจำนวนมากนัก แต่ก็ยังมีส่วนที่ได้รับผลกระทบอยู่ดี  ยกตัวอย่างเช่น ในส่วนของบางพื้นที่ ที่ต้องมีการส่งมอบเพื่อกระจายสินค้านั้น พบว่าเขตพื้นที่นั้นนั้น มีผู้ป่วยติดเชื้อ ดังนั้นจึงทำให้ต้องหยุดชะงักการขนส่งในเขตพื้นที่ตรงนั้นทันที ทำให้ธุรกิจอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ต้องได้รับผลกระทบจากการขนส่งที่ล่าช้า เป็นผลให้ลูกค้าบางเจ้าต้องถูกยกเลิกสัญญาและเลิกใช้บริการบริษัทขนส่งนั้นนั้น

       ถึงแม้ว่าโลจิสติกส์ทั่วไปอาจจะมีการหยุดชะงักหรือเกิดความล่าช้าจนเสียหาย แต่โลจิสติกส์ห้องเย็นกลับพบว่ามีความต้องการมากขึ้นอย่างมาก ดังนั้นเราจะยกตัวอย่างปัจจัยที่ทำให้เกิดความต้องการในขนส่ง Cold Chain รถห้องเย็น

ความสะอาด ปลอดภัย
    ทำไมถึงการันตีว่าสะอาดและปลอดภัย เพราะขนส่งรถห้องเย็นนั้น จะทำการขนส่งจากต้นน้ำไปยังปลายน้ำแบบรวดเดียวจบ ไม่มีการแวะกลางทางเพื่อกระจายสินค้าใด ๆ ทั้งสิ้น หนำซ้ำยังคำนึงถึงเรื่องการจัดวางสินค้า และแพ็คของ จะไม่มีการโยนสินค้าใด ๆ เกิดขึ้นให้ได้รับความเสีบแน่นอน ดังนั้นจึงมั่นใจได้เลย ว่าขนส่งรถห้องเย็นจะขนส่งสินค้าได้อย่างสะอาดและมีความปลอดภัยค่อนข้างสูง

ประหยัดเวลา
     ดังที่กล่าวไปข้างต้นแล้วว่า ระบบการดำเนินงานของขนส่งรถห้องเย็นนั้น เป็นการขนส่งจากต้นน้ำไปยังปลายน้ำรวดเดียวจบ ดังนั้นจะเห็นได้ว่าทำให้การขนส่งโดยรถห้องเย็นเป็นไปอย่างรวดเร็ว ไม่ต้องกังวลเรื่องความล่าช้าที่จะก่อให้เกิดผลกระทบใด ๆ ทั้งสิ้น

สินค้าที่ถูกขนส่งจะยังมีอุณหภูมิทีเหมาะสมและคงที่
       นอกจากปัจจัยทั้ง 2 ข้อที่กล่าวไปแล้ว อีก 1 ปัจจัยหลักที่สำคัญไม้น้อยไปกว่ากันสำหรับการขนส่งรถห้องเย็นนี้ คือ สินค้ามีอุณหภูมิคงที่ ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์จำพวกอาหาร ยา หรือดอกไม่ต่าง ๆ จะพบว่าสินค้าที่ถูกขนส่งจะยังรักษาอุณหภูมิได้ดี และไม่เกิดความเสียหายใด ๆ ทั้งสิ้น

จากปัจจัยทั้งหมดที่ถูกกว่าวมานั้น นับว่าเป็นตัวช่วยในการตัดสินใจที่ทำให้ตลาด Cold Chain โลจิสติกส์ รถห้องเย็นเติบโตสวนกระแสของสถานการณ์โควิดนี้เป็นอย่างมาก เพราะฉะนั้นแล้ว หากจะเลือกใช้บริการขนส่งสักบริษัทในช่วงนี้ คงจะปฏิเสธไม่ได้เลยว่ารถห้องเย็นคือทางเลือกที่ตอบโจทย์มากที่สุด ณ.เวลานี้

30
ท่ามกลางวิกฤตการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 ที่กำลังเกิดขึ้นทั่วประเทศและทั่วโลก เราได้ทราบกันแล้วว่านอกจากปัญหาสุขภาพที่ต้องรับมือ ยังมีปัญหาอีกมากมายหลายด้านที่เป็นผลกระทบตามมา หนึ่งในปัญหาใหญ่ ๆ ที่หลายคนต้องประสบพบเจอก็เห็นจะเป็นการที่อาหารและวัตถุดิบ ด้วยนโยบายในการรักษาระยะห่างทำให้ร้านอาหารปิดเร็วมากขึ้น นั่งทานที่ร้านไม่ได้ และต้องสั่งกลับบ้าน การซื้อวัตถุดิบกลับมาทำทานที่บ้านจึงเป็นทางเลือกที่ดีอีกหนึ่งทาง และตัวช่วยหนึ่งที่หลายๆครอบครัวเลือกใช้คือ วัตถุดิบหรือผลิตภัณฑ์แช่แข็ง เพราะวัตถุดิบหรือผลิตภัณฑ์แช่แข็ง นั้นสามารถเก็บเอาไว้ใช้ได้นาน ไม่เสียง่าย ดังนั้นวันนี้เราจึงอยากจะมาแนะนำคุณให้รู้จักกับ ผลิตภัณฑ์แช่แข็ง ชนิดต่าง ๆ ตัวช่วยทดแทนในวันที่ต้องกักตัวอยู่บ้าน

1. ผักแช่แข็ง / ผักรวมแช่แข็ง
ผักเป็นส่วนประกอบสำคัญในทุกมื้ออาหาร ไม่ว่าจะเป็นเมนูอะไรก็ตามล้วนมีผักเป็นวัตถุดิบอยู่เสมอ ผักจึงเป็นตัวเลือกแรก ๆ ที่เรามักจะเลือกซื้อเวลาจับจ่ายซื้อของ ในวันที่อาหารสดขาดแคลน ผลกระทบของการที่ผักขาดตลาดส่งผลใหญ่เป็นวงกว้างกว่าที่คิด ดังนั้นผักแช่แข็งหรือผักรวมแช่แข็งจึงเป็นตัวเลือกชั้นดีที่เราสามารถหาซื้อมาทดแทนได้ เพราะการนำผักแช่แข็งมาประกอบอาหารไม่ได้แตกต่างจากการเอาผักสดมาทำเลยแม้แต่น้อย ผักรวมแช่แข็งยังมีสารอาหารอยู่ครบถ้วน การนำผักเข้ากระบวนการแช่แข็งเพื่อถนอมอาหารไม่ได้ทำลายสารอาหารหรือคุณภาพของผักแต่อย่างใด


2. เนื้อสัตว์แช่แข็ง
นอกจากผักแล้วเนื้อสัตว์ก็เป็นวัตถุดิบหลักของมื้ออาหารเช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็น เนื้อหมู เนื้อไก่ หรือเนื้อวัว ไม่ว่าจะเป็นเมนูอะไร เมนูของชนชาติไหน ก็ล้วนแล้วแต่มีเนื้อสัตว์เป็นส่วนประกอบทั้งสิ้น เมื่อเนื้อสัตว์เกิดขาดตลาดหรือมีราคาแพงขึ้น หลายครอบครัวก็หันมาเลือกซื้อเนื้อสัตว์แช่แข็งแทน ซึ่งก็นับเป็นตัวเลือกที่ถูกต้องเพราะคุณค่าทางโภชนาการของเนื้อสดกับเนื้อแช่แข็งแทบไม่มีความแตกต่างกันเลยแม้แต่น้อย ฉะนั้นวางใจได้ แม้จะมีราคาที่แพงขึ้นมาหน่อยแต่เนื้อสัตว์แช่แข็งก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่เราสามารถเลือกซื้อมาประกอบอาหารได้อย่างสบายใจ


3. อาหารทะเลแช่แข็ง
โดยปกติแล้วเรามักจะคุ้นชินกับภาพของอาหารทะเลสด ๆ ที่อยู่ในน้ำแข็งกันอยู่แล้ว แต่เชื่อหรือไม่ว่านั่นแตกต่างกับอาหารทะเลแช่แข็งพอสมควรเลย สำหรับอาหารทะเลแช่แข็งนั้น เหตุผลที่ต้องเอาวัตถุดิบเข้ากระบวนการถนอมอาหารก็เพื่อคงสภาพและสารอาหารทุกอย่างไว้ในกรณีที่ต้องขนย้ายในระยะทางที่ไกล ส่วนอาหารทะเลที่ใช้น้ำแข็งแช่เย็นนั้นมักเป็นวัตถุดิบที่ถูกส่งมาจากท้องถิ่นและสามารถจำหน่ายได้หมดในเวลา 1-3 วัน ทั้งนี้ทั้งนั้นกระบวนการแช่แข็งนอกจากอำนวยความสะดวกเรื่องการขนส่งแล้ว ยังช่วยเรื่องของการเก็บรักษายืดอายุวัตถุดิบให้นานขึ้นหลายเท่าตัว ซึ่งแตกต่างจากการแช่เย็น แถมยังคงความสดและสารอาหารทุกอย่างไว้ครบถ้วน ฉะนั้นอาหารทะเลแช่แข็งก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกชั้นดีที่เราสามารถหาซื้อมาเก็บรอประกอบอาหารได้อย่างสะดวกใจ

 
การเลือกซื้อผลิตภัณฑ์แช่แข็งมาใช้ในการทำอาหารทานเองที่บ้านถือเป็นทางเหลือกที่ดีอีกทางหนึ่งนับเป็นวิธีการที่สะดวก คุ้มค่า สำหรับสถานการณ์ในปัจจุบัน แม้ผลิตภัณฑ์พวกนี้จะมีราคาที่แพงกว่า แต่ถ้าต้องจ่ายมากกว่าแล้วแลกมากับการไม่ต้องออกไปพบเจอผู้คนในทุกๆวันลดความเสี่ยงในการติดเชื่อ มีวัตถุดิบที่เก็บไว้ได้นาน สะอาด ปลอดภัย ก็ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ไม่แย่นัก

31
หลายคนอาจสงสัยว่าบริการเต็นท์ให้เช่าของสยามชัยเต็นท์ นอกจากจะให้บริการเช่าเต็นท์แล้ว มีบริการเช่าอุปกรณ์เสริมสำหรับจัดงานเลี้ยงด้วยหรือไม่ ซึ่งต้องบอกตรงนี้ว่าทางสยามชัยเต็นท์มีบริการเช่าอุปกรณ์จัดงานเลี้ยงให้คุณอย่างครบครัน โดย 3 อุปกรณ์เสริมสำหรับจัดงานเลี้ยงยอดนิยมของเรามีให้คุณเลือกตามความเหมาะสมได้เลย

โต๊ะ เก้าอี้
โต๊ะและเก้าอี้ ถือเป็นอุปกรณ์เสริมที่ลูกค้าเช่าเต็นท์หลายรายเลือกใช้บริการ เพราะบางทีลูกค้าเช่าเต็นท์เพื่อไปจัดงานเลี้ยง งายบุญ งานบวช หรืองานอื่นๆ ทั้งนี้คุณสามารถเลือกแบบโต๊ะ เก้าอี้กับทางเราได้ อย่างเช่น โต๊ะพร้อมผ้าคลุม เก้าอี้พร้อมผ้าคลุม หรือต้องการโต๊ะเก้าอี้ที่มีลักษณะเรียบหรู เพื่อให้เข้ากับงานพิธีการก็สามารถแจ้งกับสยามชัยเต็นท์ได้ พร้อมระบุจำนวนที่ต้องการให้ชัดเจน หรือถ้าคุณไม่แน่ใจว่าเต็นท์ขนาดเท่านี้ จะต้องเช่าโต๊ะกับเก้าอี้กี่ตัว ก็สามารถโทรมาปรึกษา หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมกับเราได้ทันที



พัดลม-พัดลมไอน้ำ
ด้วยสภาพอากาศของประเทศไทยที่ร้อน การเช่าเต็นท์ในสภาพอากาศแบบนี้ บอกเลยว่ามีแต่ร้อนกับร้อน ทำให้ลูกค้าหลายรายที่เช่าเต็นท์กับสยามชัยเต็นท์ เลือกใช้บริการเช่าพัดลม หรือพัดลมไอน้ำ เพื่อระบายความร้อนที่อยู่ในเต็นท์ ให้แขกที่มางานของคุณไม่รู้สึกร้อนระหว่างร่วมงานของคุณ

ซึ่งข้อดีของพัดลม-พัดลมไอน้ำ
นอกจากจะช่วยคลายร้อน ราคาเช่าพัดลม-พัดลมไอน้ำ ราคาคุ้มค่า สามารถเลือกพัดลมแบบมีล่อ ที่สามารถเคลื่อนย้ายได้ หรืออยากได้พัดลมที่ติดตั้งกับเต็นท์ก็สามารถแจ้งกับทางสยามชัยเต็นท์ได้เลย



ระบบไฟฟ้า
ถ้าติดตั้งพัดลม, พัดลมแอร์, แอร์, ไฟ และระบบไฟฟ้าทั้งหมดที่ใช้ภายในเต็นท์ จะต้องติดตั้งระบบไฟฟ้าให้ครบถ้วนทั้งเต็นท์ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาเครื่องใช้ไฟฟ้าเกิดข้อผิดพลาดระหว่างการใช้งาน หรือแม้กระทั่งการติดตั้งระบบไฟฟ้าให้เป็นระเบียบ รวมถึงการติดตั้งระบบไฟฟ้าให้ปลอดภัยรับมือในวันที่ฝนตกนั่นเอง นอกจากนี้ทางสยามชัยเต็นท์ยังมีรูปแบบหลอดไฟหลากหลาย ให้คุณได้เลือกตามสไตล์ที่ต้องการ



และนี่คือ 3 อุปกรณ์เสริมยอดนิยม ของสยามชัยเต็นท์ ที่ให้คุณได้เลือกตามความเหมาะสม ทั้งนี้หากคุณสนใจเช่าเต็นท์ และเช่าอุปกรณ์เสริม กับสยามชัย สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่

โทร : 099-2451542 , 085-4154144
Facebook : siamchaitentevent
Line : siamchaitent


32
เชื่อว่าในปัจจุบันทุกคนมองหารถ Eco Car ที่สามารถตอบโจทย์ไลฟ์ไตล์การขับรถของตัวเองได้อย่างไม่ยาก เพราะตลาดรถ Eco Car เป็นตลาดรถที่ขยายใหญ่ขึ้นมาก เพราะคนให้ความสนใจกับรถรุ่นเล็ก ขับสะดวก ราคาไม่แรง และด้วยตลาดรถ Eco Car เดี๋ยวนี้ มีดีไซน์และฟังก์ชันให้มาไม่ต่างจากรถรุ่นพี่หรือตัวท็อปของค่ายเลย จึงทำให้หลายๆคนตัดสินใจมาใช้รถ Eco Car กันมากขึ้น และวันนี้เรามี 5 รถ Eco Car ประหยัดน้ำมัน ราคาสุดคุ้ม มาแนะนำกัน หากคุณกำลังตัดสินใจว่าจะซื้อรถ Eco Car แต่ยังไม่รู้ว่าจะเลือกรุ่นไหน ยี้ห้ออะไรที่จะช่วยคุณประหยัดน้ำมันได้อย่างคุ้มค่าละก็ห้ามพลาดด!!

Suzuki Swift
รถ Eco Car จากค่าย ซูซูกิ ที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ด้วยการออกแบบที่ ที่โดดเด่นในด้านรูปทรงและดีไซน์ มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 1.2 ลิตร รหัส K12B ขนาด 4 สูบ มีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 12-18 กม./ลิตร ซึ่งสามารถประหยัดน้ำมันได้สูงสุดถึง 23 กม./ลิตร ถือเป็น Eco Car ประหยัดน้ำมันได้ดี เป็นรถเล็กสายประหยัดน้ำมัน ที่ขับขี่ได้สะดวก ตอบโจทย์ทั้งผู้ใช้ขับในเมือง และนอกเมืองได้อย่างดี


Honda Brio

Honda Brio ดีไซน์โฉบเฉี่ยวในแบบฉบับ Eco Car 5 ประตู ด้วยลุคแบบสปอร์ต ออกแบบมาจากแนวคิด Earth Dreams Technology ซึ่งเป็นแนวคิดที่อยากรักษาสิ่งแวดล้อม ด้วยเครื่องยนต์ i-VTEC 1.2 ลิตร 4 สูบ 16 วาล์ว สามารถประหยัดน้ำมันได้ถึง 20 กม./ลิตร และระบบเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT ใหม่ ที่ให้ทั้งความแรง ประหยัดน้ำมัน พร้อมพวงมาลัยเพาเวอร์แบบไฟฟ้า EPS (Electric Power Steering) ที่ช่วยให้คุณควบได้ทุกการขับขี่ อุ่นใจทุกการเดินทาง ด้วยระบบความปลอดภัยมาตรฐานสากล เพื่อให้คุณถึงจุดหมายได้อย่างปลอดภัย


Mazda2
Mazda2 Hatchback เป็นรถยนต์ Eco Car ที่ขายดี มาด้วยเครื่องยนต์ดีเซล 1.5 ลิตร และประหยัดน้ำมันได้มากถึง 26.3 กม./ลิตร เครื่องยนต์คอมมอนเรลเทอร์โบ 4 สูบ 16 วาล์ว ขับเคลื่อนล้อหน้า เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด เทคโนโลยีสกายแอคทีฟ ให้กำลังสูงสุด 105 แรงม้า ปล่อยมลพิษ (CO2) ต่ำเพียง 100 กรัม/กม. ผ่านมาตรฐานไอเสีย ยูโร 5 (Euro5) มาพร้อมกับเทคโนโลยีความปลอดภัยเป็นพิเศษ ได้แก่ G-Vectoring Control ที่ช่วยในการเข้าโค้ง ระบบ ABSM ซึ่งเป็นระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาและระบบ DSC & TCS ซึ่งเป็นระบบควบคุมเสถียรภาพและการทรงตัวของรถยนต์



Mitsubishi Mirage
ตัวเลือกต้น สำหรับคนที่มองหารถ Eco Car ด้วยการออกแบบที่ดูโฉบเฉี่ยว มาด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 1.2 ลิตร 78 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที และระบบวาล์วแปรผันด้านไอดี MIVEC (MITSUBISHI INNOVATIVE VALVE TIMING ELECTRONIC CONTROL SYSTEM) ช่วยให้เครื่องยนต์มีแรงบิดดีขึ้นในรอบต่ำ ทำให้เครื่องยนต์มีอัตราเร่งดีเยี่ยม ประหยัดน้ำมันได้ถึง 23.3 กม./ลิตร ลดมลพิษ รักษาสิ่งแวดล้อม

Nissan Almera
[/url]รถยนต์ Eco Car สมรรถนะขับเคลื่อนสูง มาด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ 1.0 ลิตรเทอร์โบโดยมีกำลังสูงสุดถึง 100 แรงม้า และมีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงสูงสุดได้ถึง 23.3 กิโลเมตรต่อน้ำมัน 1 ลิตร มาพร้อมกับเทคโนโลยี Nissan Intelligent Mobility โดยมีกล้องมองรอบทิศทาง เทคโนโลยีเตือนวัตถุเคลื่อนไหวรอบคัน ระบบเตือนเมื่อมีจุดอับสายตาและสามารถตรวจจับวัตถุด้านหลังรถขณะถอยได้อีกด้วย นอกจากนี้ ยังเพิ่มฟังก์ชันการใช้งาน ได้แก่ ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ ระบบไล่ฝ้าบริเวณกระจกหลังและสวิตช์ควบคุมเครื่องเสียงที่พวงมาลัย


และทั้งหมดคือ 5 รถ Eco Car ที่คุณไม่ควรพลาด ด้วยเทคโนโลยีต่างๆที่มากับตัวรถ ให้การขับขี่รถ Eco Car ของคุณสนุกและประหยัดน้ำมัน แถมยังช่วยลดมลพิษรักษาสิ่งแวดล้อม ถ้าคุณกำลังมองหารถ Eco Car อยู่ละก็รถทั้ง 5 รุ่นนี้ถือเป็นทางเลือกที่ดีในการเลือกซื้อมาเป็นรถคู่ใจ เป็นอีกทางเลือกที่จะช่วยเรื่องของความคุ้มค่าและประหยัดน้ำมัน

33
Top 5 สเปรย์แอลกอฮอล์ที่ควรซื้อไว้ในช่วง Covid-19

พอหลังจากที่เชื้อไวรัส Covid-19 แพร่ระบาดจนทำให้ทั่วโลกมียอดผู้ติดเชื้อที่สูงขึ้นเรื่อยๆ และตอนนี้ได้มีวัคซีนที่ช่วยเพิ่มภูมิต้านทานต่อเชื้อไวรัสประเภทนี้ แต่เนื่องจากมีผลการทดลองของวัคซีน ว่าไม่ใช่วัคซีนที่ทำให้คุณหายขาดจากเชื้อไวรัสประเภทนี้ได้ 100% เพราะฉะนั้นเรายังต้องระแวดระวังเชื้อไวรัส Covid-19 นี้อยู่ ซึ่งวิธีการป้องกันเชื้อไวรัสนี้ที่เห็นชัดๆ เลยก็คือ การสวมหน้ากากอนามัยอยู่ตลอดเวลา หรือแม้กระทั่งการพกเจลล้างมือ หรือสเปรย์แอลกอฮอล์ติดตัวไว้ตลอดเวลา วันนี้เราเลยเตรียม Top 5 สเปรย์แอลกอฮอล์ขายดี ที่ควรพกติดตัวเอาไว้ แถมการันตีฆ่าเชื้อโรคได้ชัวร์



Ustar Alcohol Spray
หลายคนคงคุ้นหน้าสเปรย์แอลกอฮอล์เจ้านี้เป็นอย่างดี เพราะหาซื้อได้ง่าย ขนาดเล็ก พกพาได้สะดวก แถมตัวนี้ยังไม่มีน้ำหอม ใช้ฉีดเพื่อทำความสะอาดมือ หรือฉีดที่สิ่งของ วัตถุที่เราสัมผัสบ่อย เพื่อป้องกันเราจากเชื้อโรค แถมสเปรย์แอลกอฮอล์ตัวนี้ยังมีส่วนผสมช่วยให้มือของคุณชุ่มชื้น ไม่ทำร้ายผิว ไม่ทำให้มือของคุณแห้ง โดย Ustar Alcohol Spray ราคา 59 บาท ขนาด 50 ml หาซื้อได้ที่ 7-11, ห้างสรรพสินค้า, shopee



MizuMi Care Alcohol Spray
อีกหนึ่งแบรนด์อย่าง MizuMi ที่หลายคนคงรู้จักชื่อแบรนด์นี้เป็นอย่างดี เนื่องจากเป็นแบรนด์ที่ผลิตสกินแคร์มากมาย แต่ในช่วงที่ Covid-19 ระบาดนี้ MizuMi เองก็ปรับตัวและผลิตทั้งเจลล้างมือแอลกอฮอล์ และ แอลกอฮอล์ สเปรย์ โดยความพิเศษของเจ้าตัวนี้คือเป็นสเปรย์ที่ช่วยลดการสะสมของแบคทีเรียทั้งบนฝ่ามือและสิ่งของได้ทันที กลิ่นแป้งเด็ก ราคา 69 บาท ขนาด 45 ml หาซื้อได้ที่ Shopee, Beautrium



Curesys Hand Sanitizer Spray
มาถึงแบรนด์สายเกากันบ้างอย่าง Curesys สเปรย์แอลกอฮอล์ 75% สามารถฆ่าเชื้อไวรัสได้สูงถึง 99.99% และความพิเศษอีกอย่างของแบรนด์คือมีอโลเวร่าและคาโมมายล์ เกรดพรีเมี่ยมผสมอยู่ รับรองว่าจะทำให้มือของคุณนุ่มชุ่มชื้น ไม่ทำให้รู้สึกเหนียวมือเมื่อใช้งาน นอกจากนี้ Curesys แบบสเปรย์แอลกอฮอล์ ทางแบรนด์ยังผลิตเจลล้างมือแอลกอฮอล์อีกด้วย ทั้งนี้ Curesys แบบสเปรย์แอลกอฮอล์ ราคาอยู่ที่ 29 บาท ขนาด 50 ml



Ver.88
เป็นอีกแบรนด์ที่หลายคนคงคุ้นกันดี ในฐานะแบรนด์เครื่องสำอาง แต่เช่นเดียวกันเนื่องจากภาวะ Covid-19 ทำให้แบรนด์หันมาผลิตสเปรย์แอลกอฮอล์ ขนาดพกพาสะดวก สามารถใช้งานได้เรื่อยๆเลย เนื่องจากมีส่วนผสมที่ไม่ทำให้ผิวของคุณแห้งกร้าน แพ็กเกจน่ารัก ราคา 59 บาท ขนาด 50 ml สามารถสั่งซื้อได้ที่ Shopee, Lazada



OLE  Parfait Hand Sanitizer
OLE แบรนด์ลูกอมเจ้าดังในประเทศไทย พอช่วงวิกฤตการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส Covid-19 เข้ามาก็ปรับตัวออกผลิตภัณฑ์ใหม่อย่าง สเปรย์แอลกอฮอล์ แถมเพิ่มความเป็นเอกลักษณ์ของ OLE เอาไว้ด้วยกลิ่นโอเล่สตรอว์เบอร์รี่ พกพาง่าย ใช้งานสะดวก สามารถฆ่าเชื้อได้ทั่วไป และแพ็คเกจของเจ้าสเปรย์ตัวค่อนข้างเตะตา สีชมพูหวานแวว ราคาแค่ 39 บาท ขนาด 18 ml

และนี่คือ 5 ยี่ห้อสเปรย์แอลกอฮอล์ ที่ขายดี ควรมีติดตัวเอาไว้ แต่คุณต้องการใช้ในบ้าน ที่โต๊ะทำงาน หรือในรถ ก็แนะนำให้ซื้อสเปรย์แอลกอฮอล์ขนาดใหญ่ไปเลย และเพิ่มความปลอดภัย ลดการสัมผัสสิ่งของคุณควรซื้อเครื่องพ่นสเปรย์แอลกอฮอล์แบบอัตโนมัติ จาก Dr.Faucet ทำงานด้วยระบบเซ็นเซอร์ ไม่ต้องสัมผัสเท่ากับลดโอกาสการติดเชื้อ[/size]

34
Data Science สายอาชีพที่หลายองค์กรต้องการ ต้องใช้ทักษะอะไรบ้าง

เมื่อเทคโนโลยีถูกออกแบบและพัฒนาให้ล้ำสมัยอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็น ระบบ AI, ระบบ AR และระบบอื่นๆ ที่เข้ามาช่วยให้องค์กรเติบโตอย่างก้าวกระโดด ซึ่งระบบนี้เข้ามาแทนที่บางอาชีพไป แต่เทคโนโลยีก็ไม่ได้ใจร้าย ทำให้มนุษย์อย่างเราเป็นบุคคลว่างงาน เพราะเทคโนโลยีเองก็ทำให้เกิดอาชีพใหม่ขึ้นมา และเป็นอาชีพที่หลายองค์กรต้องการ ซึ่ง 1 ในนั้นก็คือ ตำแหน่ง Data Science

สายงาน Data Science หรือ นักวิทยาศาสตร์ข้อมูล เป็นอาชีพที่จะนำข้อมูลมาใช้ประโยชน์ในการพัฒนาองค์กร ครอบคลุมตั้งแต่ขั้นตอน การเก็บข้อมูล การจัดการข้อมูล การวิเคราะห์ข้อมูล ไปจนถึงการนำข้อมูลมาช่วยตัดสินใจ ซึ่งเป็นอาชีพที่หลายองค์กรต้องการ และเป็นสายงานที่ท้าทายอย่างมาก ว่าแต่สายอาชีพนี้ต้องใช้ทักษะอะไรในการทำงานบ้าง งานนี้ใครที่กำลังสนใจ Data Science นี้อยู่ บอกเลยว่าห้ามพลาด






ทักษะที่ต้องใช้สำหรับอาชีพ Data Science


ต้องมีความรู้เรื่อง Coding

เนื่องจาก Data Science ทำงานกับข้อมูลจำนวนมหาศาล ซึ่งในการจัดการข้อมูลจำเป็นต้องหาเครื่องมือที่ช่วยแบ่งเบา โดย 1 ในเครื่องมือที่จะช่วยเหล่า Data Science ส่วนใหญ่เป็นเครื่องมือที่ต้องใช้ความรู้ด้านโปรแกรมมิ่ง ซึ่งคุณจะต้องเข้าใจภาษาโปรแกรมมิ่งอย่างเช่น Python & R ซึ่งเป็นภาษาที่เข้าใจง่าย เหมาะกับมือใหม่ที่กำลังอ่านภาษาโปรแกรมมิ่ง และเป็นภาษาที่เหล่าสายอาชีพ Data Science ใช้จัดการข้อมูลกัน


ความรู้เรื่องคณิตศาสตร์และสถิติ

ส่วนใหญ่แล้วคนที่ทำงาน Data Science จะต้องมีทักษะด้านคณิตศาสตร์และทักษะเรื่องสถิติอย่างมาก เนื่องจากบางทีการจะวิเคราะห์ Data จำเป็นต้องใช้การคาดคะเนจากข้อมูลสถิติที่มีอยู่ เพื่อเดาว่าความน่าจะเป็นผลลัพธ์จะเป็นรูปแบบไหน และทำให้เราสามารถวางแผนกลยุทธ์ทางการตลาดให้ธุรกิจพัฒนาได้อย่างรวดเร็วและตรงจุดมากขึ้น


สื่อสารข้อมูลให้เห็นภาพ

เพราะ Data Science ต้องทำงานกับข้อมูลล้วนๆ ถ้าให้คนทั่วไปมานั่งทำความเข้าใจ Data ทั้งหมด บอกเลยว่าพวกเขาอ่านทั้งวันทั้งคืนหรือใช้เวลาเป็นเดือน ก็คงไม่เข้าใจ เพราะฉะนั้นอีกทักษะที่ทาง Data Science ควรจะมีคือ การสื่อสาร Data ให้คนทั่วไปเห็นภาพ และเข้าใจภายในไม่กี่นาที อาจจะต้องใช้หลักการดีไซน์ ใช้ Template ในการนำเสนอข้อมูล ใช้ Information Design เพื่อให้เห็นภาพ หรือใช้โปรแกรมตัวช่วยอย่างเช่น Power BI ที่เข้ามาจัดการข้อมูลให้เป็นระบบ เพื่อให้ทุกคนในองค์กรเข้าใจข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว


การประสานงานภายในทีม

นอกจาก Data Science จะต้องสื่อสารข้อมูลออกมาให้เห็นภาพแล้ว อีกทักษะที่ไปควบคู่กันก็คือ การประสานงานคนในองค์กร เพราะตำแหน่ง Data Science มีความเชี่ยวชาญด้านการจัดการข้อมูล การวิเคราะห์ข้อมูล การเลือกใช้ข้อมูล แต่ Data Science ไม่ใช่ฝ่ายที่ลงมือทำการตลาด ดังนั้น Data Science จะเป็นคนคิดโปรเจคพร้อมเลือกคนแต่ละฝ่ายมาจัดการ ใช้ทักษะในการประสานงานของคนในทีม และใช้การสื่อสารที่ทำให้ทีมเห็นภาพไปพร้อมกัน เพื่อให้งานสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี 


ศึกษา หาความรู้ตลอดเวลา

ใช่ว่าตำแหน่ง Data Science จะทำงานแค่ในองค์กรทางการเงินเพียงอย่างเดียว เพราะทุกวันนี้ทุกองค์กร ทุกแวดวงไม่ว่าจะเป็นธุรกิจการศึกษา ธุรกิจทางการแพทย์ ธุรกิจทางการกีฬา และธุรกิจอื่นๆ ก็ต้องมีตำแหน่ง Data Science ทั้งสิ้น ดังนั้นเพื่อให้เป้าหมายของธุรกิจประสบความสำเร็จ Data Science จะต้องคอยศึกษาทำความเข้าใจในแต่ละธุรกิจ เพื่อให้การวิเคราะห์ Data ออกมาสมบูรณ์แบบมากที่สุด

และนี่คือ 5 ทักษะที่สายอาชีพ Data Science จำเป็นต้องมี หากคุณสนใจในตำแหน่งงานนี้ ก็อย่าลืมหมั่นศึกษาหาความรู้ เพื่อต่อยอดอนาคตของคุณ ในส่วนของระดับองค์กร หากคุณมีทีม Data Science และต้องการสร้างทีมให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น การมีเครื่องมือที่ดีก็ช่วยให้การทำงานเข้าใกล้เป้าหมายมากที่สุด ซึ่ง 1 ในเครื่องมือเก็บรวบรวมข้อมูลที่คนทั่วโลกใช้งานกันนั่นก็คือ Microsoft Dynamics ระบบรวบรวมข้อมูลขององค์กร และนำข้อมูลเหล่านี้ไปใช้ในการปรับปรุงวางแผนกลยุทธ์ในธุรกิจเติบโต

หากคุณสงสัยว่าโปรแกรม Microsoft Dynamics 365 คืออะไร ก็สามารถเข้ามาอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่นี่ https://www.bhatarapro.com/17223784/microsoft-dynamics-365


35
รถยนต์ | Car / เลือกกระบะออฟโรดคันไหนดี ?
« เมื่อ: กุมภาพันธ์ 23, 2021, 09:41:10 AM »
สำหรับผู้ชื่นชอบการขับรถท่องเที่ยวไกลๆ ไม่ว่าจะเป็นทางเรียบหรือทางธรรมชาติแบบขาโหด สายลุย ขึ้นเขาลงห้วย ลุยโคลน ดินลูกรังหรือลุยน้ำ แบบไปได้ทุกที่ไม่ว่าสภาพแวดล้อมจะเป็นอย่างไร ที่รถแบบปกติไม่สามารถผ่านได้ ก็ต้องมองหารถออฟโรดเป็นตัวเลือกแรก รถประเภทนี้สังเกตได้ง่ายๆ ว่าจะเป็นรถยกสูงกว่ารถทั่วไป ใส่ล้อโตกว่าปกติเพื่อให้ลุยได้ในทุกสถานการณ์หรือเส้นทางที่อันตราย

ออฟโรด (Off Road) เป็นกิจกรรมการขับรถไปในทางทุรกันดารมีความยากลำบากกว่าถนนปกติ โดยมีจุดประสงค์แตกต่างกัน เช่น การแข่งขัน, การท่องเที่ยว, การทดสอบรถ, การลำเลียงสิ่งของ ฯลฯ ซึ่งต้องใช้รถขับเคลื่อน 4 ล้อ (4WD) ในการเดินทาง ผู้ขับขี่แบบนี้ต้องมีทักษะการขับออฟโรดถึงจะสามารถทำการเดินทางได้อย่างปลอดภัย ซึ่งควรไปเรียนเพิ่มเติม

เนื่องจากการขับรถแบบนี้จะต้องมีการเตรียมตัวและอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นเผื่อสถานการณ์ฉุกเฉินหรือแก้ปัญหาเฉพาะหน้าด้วย เช่น สลิงลากจูง, อุปกรณ์เปลี่ยนล้อหรือยาง, ปั๊มลมไฟฟ้า อาหารแห้งและน้ำดื่ม อะไหล่สำรอง ฯลฯ แต่สำหรับผู้ที่มีอุปกรณ์ท่องเที่ยวหรือเดินป่าบรรทุกเยอะ อย่างเช่น ตะเกียง, เครื่องครัว, ผ้าปู, เต้นท์, เสื่อหรือผ้าใบ ก็อาจมองมาที่กระบะออฟโรดแทน เพราะของที่ใช้งานแล้วเลอะเทอะบางอย่างสามารถแยกไปไว้ท้ายกระบะได้ ดังนั้นวันนี้เราจึงมานำเสนอรถกระบะออฟโรดสมรรถนะสูงสายลุยที่มีวางขายอย่างเป็นทางการในประเทศไทยให้รู้จัก เพื่อความสะดวกสำหรับผู้ที่สนใจซื้อรถประเภทนี้




5 ยี่ห้อกระบะสายลุยสมรรถนะสูง





ฟอร์ด เรนเจอร์ แรพเตอร์ (Ford Ranger Raptor)

ถือเป็นรถที่ท็อปที่สุดสำหรับสายลุยในเวลานี้ ด้วยออพชั่นที่จัดเต็มมาให้ครบครัน เช่นเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร เทอร์โบคู่ รีดกำลังได้มากกว่า 200 แรงม้า ถือว่าเยอะที่สุดในกระบะพิกัดนี้ มีระบบช่วยควบคุมการขับขี่และความปลอดภัย ที่ดีที่สุดสำหรับรถกระบะในท้องตลาด พวงมาลัยไฟฟ้า ห้องโดยสารเก็บเสียงได้ดี โดดเด่นเรื่องช่วงล่าง ไม่ว่าทางเรียบหรือทางทุรกันดาร การขับขี่นุ่มสบายเหมือนนั่งรถเก๋ง ด้วยระบบทรงตัวและซับแรงกระแทกที่เยี่ยม แถมขับไปที่ไหนก็ดูหล่อ ด้วยดีไซน์หน้าตาที่บึกบึน ดุดัน หากใส่ชุดแต่งสวยๆ เพิ่มไปหน่อยนี่ไปจอดที่ไหนก็โดดเด่น ซึ่งก็แลกมากับราคาที่สูงถึง 1.7 ล้านบาท แต่บอกเลยว่าคุ้มค่าและประทับใจทุกส่วน



   
นิสสันนาวารา (Nissan Navara)

เป็นรถที่ทำออกมาแข่งกับแรพเตอร์ โดยตรง นาวาราจะเน้นการขับขี่ที่ง่าย ไม่ต้องมีทักษะออฟโรดสูงก็สามารถนำไปลุยป่าลุยเขาได้ ด้วยขุมกำลังเครื่องยนต์ที่มีขนาด 2.3 ลิตร เทอร์โบคู่  จุดเด่นอยู่ที่พวงมาลัยน้ำหนักเบา เลี้ยวได้คมขึ้น ทำให้ควบคุมรถง่ายแม้ต้องลุยทางที่เป็นอุปสรรค การตอบสนองของแป้นเบรคที่เป็นธรรมชาติที่สุดในกลุ่ม เพื่อความมั่นใจของผู้ขับขี่ หน้าตาก็สวย ดุดันไม่แพ้แรพเตอร์ แม้ออพชั่นเล็กๆ น้อยๆ จะไม่มีเหมือนก็ตาม เช่น เบาะไฟฟ้า แต่ด้วยสมรรถนะกับราคาที่น่าคบหากว่า ที่ประมาณ 1.1 ล้านบาท ซึ่งถูกกว่าแรพเตอร์หลายแสน ก็เป็นตัวเลือกลำดับต้นๆ อีกคันที่น่าใช้
 



โตโยต้า รีโว่ รอคโค่ (Toyota Revo Rocco)

สำหรับเจ้าตลาดอย่างโตโยต้า ก็มีรีโว่ รอคโค่ ออกมาแข่งในตลาดรถกระบะระดับบน เครื่องยนต์เป็นแบบ 2.8 ลิตรเทอร์โบ รีดกำลังได้ถึง 200 แรงม้า แรงเทียบเท่ากับแรพเตอร์ ช่วงล่างที่ปรับปรุงมาใหม่ มีน้ำหนักเบาและแข็งแรงบวกกับซับแรงสะเทือนได้ดีขึ้น ทางบริษัทเคลมไว้ว่ามีความใกล้เคียงกับรถ SUV หรูๆ เลยทีเดียว ส่วนจะเป็นจริงหรือไม่คงต้องลองไปทดลองขับดูเอง ห้องโดยสารภายในก็สวยหรูดูดีมาก กับออพชั่นที่จัดเต็มครบทั้งการขับขี่และความปลอดภัย สามารถควบคุมได้ง่ายขึ้น ด้วยราคาที่สูงถึง 1.2 ล้านบาท เป็นคู่ปรับที่สมน้ำสมเนื้อกับนาวารา แต่ออพชั่นของรอคโค่จะได้ครบกว่า บวกกับชุดแต่งที่มีจากโรงงานเลย
 



อีซูซุ ดีแม็กซ์ ไฮแลนเดอร์ (Isuzu D-Max Hi-Lander)

ดีแม็กซ์ ไฮแลนเดอร์ 4*4 เองก็ได้ผลิตออกมาชนในตลาดนี้เช่นกัน ด้วยกำลังเครื่องยนต์ 3.0 ลิตร 160 แรงม้า จุดเด่นอยู่ที่การดีไซน์ใหม่ทั้งหมดทั้งภายในและภายนอก เน้นเส้นสาย ห้องโดยสารสวยงามหรูหรา ใช้วัสดุดี รวมถึงด้านอากาศพลศาสตร์อย่างการออกแบบให้ด้านบนตรงกลางต่ำกว่าด้านข้าง กับการวางตำแหน่งเครื่องยนต์ใหม่ให้สร้างแรงบิดได้เพิ่มขึ้น ช่วยเพิ่มศักยภาพในการขับขี่ อีกทั้งไฟหน้าและไฟท้ายที่เปลี่ยนมาใช้ Vision Bi-LED กับ Dual-Sonic LED ที่ส่องสว่างมากกว่าเดิมและไกลขึ้น ระบบช่วงล่างใหม่ รวมกับออพชั่นต่างๆ แบบครบครันจัดเต็ม กับราคา 1.16 ล้านที่ถือว่าคุ้มค่าคุ้มราคามากๆ กับสิ่งที่ได้






มิตซูบิชิ ไทรทัน (Mitsubishi Triton)

ไทรทันมีความน่าใช้งานไม่แพ้รุ่นอื่นๆ ด้วยด้านหน้าที่นำหน้าตาของปาเจโร่ (Pajero) มาใส่ ทำให้ดูดุดัน แข็งแรงขึ้น ด้วยกำลังเครื่องยนต์ 2.4 ลิตร 180 แรงม้า ด้วยจุดเด่นของการออกแบบให้ท้ายโค้งลง สามารถเปิดกระจกด้านหลังได้ ไฟตัดหมอกที่ปรับตำแหน่งสูงขึ้น ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง นั่งสบายไม่เมื่อย เก็บเสียงได้ดี แต่ยังไม่มีที่บังแดดฝั่งคนขับให้ ก็แกกับระบบความปลอดภัยที่ทำออกมาได้ดีที่สุดในกลุ่มจากการใช้งานจริง บวกกับออพชั่นต่างๆที่ครบครันซึ่งยกมาจาก ปาเจโร่ สปอร์ต (Pajero Sport) กับราคาที่ 1.09 ล้านบาท ที่ถือว่าถูกที่สุดในบรรดากระบะกลุ่มนี้


รถกระบะออฟโรด 5 รุ่นทั้งหมดที่แนะนำนี้ ล้วนเป็นตัวท็อปของรุ่นทั้งหมด ซึ่งหากใครเป็นสายลุยที่อยากได้กระบะออฟโรดดีๆ สักคัน ก็ควรพิจารณาจากการทดลองขับและงบประมาณที่มีว่าไหวในระดับไหน เพราะแน่นอนว่าคนซื้อรถออฟโรดยังไงก็ต้องนำมาแต่งต่อเพื่อให้เข้ากับการใช้งานของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นการบรรทุกสัมภาระ หรือไว้ใช้แข่งขันหรือท่องเที่ยวทั่วไป แต่หากใครที่มองหากระบะออฟโรดมือ 2 และเน้นรถที่สมรรถนะขับขี่มากกว่าเทคโนโลยีหรือออพชั่นที่ได้ นิสสันนาวารามือ 2 ก็เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ


36
วิธีเลือกรถขับในเมือง ที่คนใช้รถในเมืองควรรู้


หากคุณกำลังมองหารถยนต์คันใหม่ ที่ใช้สำหรับขับในเมือง แต่ยังไม่รู้ว่าจะเลือกรถรุ่นไหนดี หรือรถรุ่นไหนถึงจะเรียกว่าเหมาะกับรถขับในเมือง วันนี้เราเลยเตรียมเทคนิคการเลือกซื้อรถสำหรับในเมืองมาฝาก จะมีวิธีอะไรบ้าง อย่ารอช้า ไปดูพร้อมกันเลย




1. รถขับในเมือง เลือกแบบเครื่องยนต์ไม่ใหญ่ หรือเลือกแบบไฮบริด

เนื่องจากเราต้องเข้าใจก่อนว่าการขับขี่รถในเมือง จะไม่ได้มีโอกาสใช้ความเร็วในการขับขี่มากนัก เพราะธรรมชาติของเมือง ปริมาณรถค่อนข้างแน่นเต็มพื้นถนน มีปัญหาการจราจรหนาแน่น เพราะฉะนั้นรถที่เหมาะกับเมืองจะต้องเป็นรถที่มีเครื่องยนต์ขนาด 1.5-2.0 ลิตร ด้วยเครื่องยนต์ขนาดเล็กอันนี้ จะช่วยในเรื่องการประหยัดน้ำมัน แต่ถ้าในมุมของรถไฮบริด ก็จะต้องแลกมาพร้อมกับราคาที่สูงกว่า แต่ระบบการอบสนองก็ย่อมดีกว่าเครื่องยนต์เล็ก แถมยังช่วยประหยัดลังงาน เพราะรถสามารถขับเคลื่อนได้ แม้กระทั่งตอนที่เครื่องยนต์ดับ


2. รถขับในเมือง เลือกที่ขนาดพอดี

ขนาดรถที่เหมาะกับขับในเมืองควรไม่เกิน 4.6 เมตร เพราะการขับในเมืองหากเราใช้รถคันที่ใหญ่เกินไป อาจทำให้เราพบปัญหาเรื่องการเข้าออกลานจอดรถลำบาก ซึ่งขนาดรถที่กะทัดรัด หรือขนาดรถที่พอเหมาะ จะช่วยแก้ปัญหาเรื่องนี้ แถมรถขนาดกะทัดรัดอันนี้ยังเหมาะกับคนที่ขับรถไม่แข็ง ให้การขับขี่ของคุณคล่องตัวมากที่สุด


3. รถขับในเมือง ไม่จำเป็นต้องขับเคลื่อน 4 ล้อ

ส่วนใหญ่แล้วการขับรถในเมือง ส่วนมากก็เน้นในการขับรถไปทำงาน ไปยังสถานที่ใกล้ๆ หรือหากใช้รถเพื่อการเดินทาง ใช้สำหรับเที่ยว ก็เน้นระยะทางที่ไม่ได้ไกลมาก เน้นท่องเที่ยวกับเพื่อน ครอบครัว ซึ่งเน้นเป็นรถยนต์ที่ขับเคลื่อน 2 ล้อ ไม่ต้องถึงขั้นขับเคลื่อน 4 ล้อ เพราะเส้นทางการขับขี่ภายในเมือง ไม่ได้มีข้อจำกัดหรืออุปสรรคเหมือนการเดินทางออกต่างจังหวัด อีกทั้งรถที่ขับเคลื่อน 4 ล้อ จะมีราคาสูงกว่า 2 ล้ออีกด้วย


4. รถ 5 ที่นั่งก็พอ

หลายคนคงคิดว่าไหนๆจะซื้อรถแล้วก็ซื้อรถแบบ 7 ที่นั่งไปเลยสิ เสียเงินทั้งทีก็เอาให้คุ้ม แต่ในความจริงหากคุณอยากขับรถในเมือง ที่เน้นการใช้งานเป็นหลัก ไม่ได้เน้นว่าใช้บรรทุกของ ใช้สำหรับเดินทางท่องเที่ยว การซื้อรถ 5 ที่นั่งก็เพียงพอแล้ว เพราะนอกจากจะขนาดเล็ก ราคาของรถประเภทนี้ก็ถูกกว่าด้วย

และนี่คือทั้ง 4 วิธีเลือกรถขับในเมือง ดังนั้นหากคุณต้องการมองหารถขับในเมือง 1 ในรถที่เราอยากจะแนะนำนั่นก็คือ นิสสันอัลเมร่า เพราะเป็นรถที่เหมาะกับขับในเมือง ขนาดเล็ก 5 ที่นั่ง เครื่องยนต์เล็ก ขับเคลื่อน 2 ล้อ แถมเทคโนโลยีของ Nissan Almera 2020 ที่ออกแบบมาให้เหมาะกับทุกไลฟ์สไตล์ แถมราคาของ Nissan Almera 2020 ก็น่าคบ เหมาะกับเศรษฐกิจช่วงนี้ที่สุด


สนใจทดลองขับ Nissan almera 2020 ที่ Nissan SMT ได้ที่นี่ https://nissansmt.com/listings/all-new-nissan-almera

37
วิธีเลือกของขวัญปีใหม่ให้ผู้ใหญ่ ฉบับปี 2021

ใกล้เข้าช่วงเทศกาลปีใหม่ หรือเทศกาลแห่งการให้ของขวัญ หลายคนคงกำลังมองหาไอเดียให้ของขวัญกันถ้วนหน้า แต่เชื่อว่ามีหลายคนที่มาหยุดชะงัก ไม่รู้จะเลือกซื้อของขวัญปีใหม่ให้ผู้หลักผู้ใหญ่แบบไหนดี วันนี้เราเลยมีไอเดียเลือกของขวัญปีใหม่ให้ผู้ใหญ่ ฉบับปี 2021 มาฝาก รับรองว่าหมดปัญหาเลือกของขวัญให้ท่านไปเลย




รวมไอเดียเลือกของขวัญให้ผู้ใหญ่



เลือกของขวัญให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ท่าน

อย่างแรกในการตัดสินใจเลือกของขวัญ เราต้องรู้ก่อนว่าเราจะซื้อให้ใคร แล้วเขาเป็นคนแบบไหน มีไลฟ์สไตล์แบบไหนบ้าง อย่างเช่น เป็นผู้ใหญ่ที่ยังทำงานอยู่ เป็นผู้ใหญ่ที่รักสุขภาพ เป็นผู้ใหญ่ที่ชอบทำอาหาร หรือเป็นคนที่รักธรรมชาติ เมื่อเรารู้ว่าท่านเป็นคนนิสัยแบบไหน จะทำให้เราเลือกซื้อของขวัญปีใหม่ได้ง่ายขึ้น ยิ่งถ้าเราซื้อให้เหมาะกับนิสัยเขาเท่าไหร่ แน่นอนว่าเปอร์เซ็นต์ที่ท่านจะหยิบมาใช้ ก็มีมากด้วย


เลือกของขวัญที่ดีต่อสุขภาพ

เนื่องจากในปี 2020 นี้ เกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส Covid-19 ขึ้น ทำให้ทุกคนให้ความสนใจเกี่ยวกับสุขภาพมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมู่ผู้สูงอายุ เนื่องจากประสิทธิภาพการทำงานภูมิคุ้มกันของพวกเขาน้อยลงกว่าวัยรุ่น วัยทำงาน ทำให้พวกเขาต้องยิ่งใส่ใจ เพราะฉะนั้นหากคุณกำลังเล็งของขวัญปีใหม่ที่ดีต่อสุขภาพ อย่างเช่น อุปกรณ์ดูแลสุขภาพ อาหารที่ดีต่อสุขภาพ หรือสิ่งของที่ช่วยให้ผู้ใหญ่ของคุณห่างไกลเชื้อไวรัส Covid-19 อย่างเช่น เครื่องจ่ายเจลแอลกอฮอล์อัตโนมัติ ก๊อกน้ำเซ็นเซอร์ ที่ลดการสัมผัสสิ่งของ


เลือกของขวัญที่เสริมสิริมงคล

คนไทยล้วนมีความเชื่อเรื่องสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นเลขเบอร์โทรศัพท์ เลขทะเบียนรถ สีมงคล หรือการพกสิ่งศักดิ์สิทธิ์อันไหนช่วยให้ร่ำรวย ช่วยเรื่องการงาน ช่วยเรื่องความรัก เรื่องสุขภาพ ซึ่งพวกนี้กลายเป็นเรื่องธรรมดาในชีวิตประจำวัน รวมถึงในหมู่ผู้สูงอายุด้วยเช่น เพราะฉะนั้นลองเลือกของขวัญที่เสริมสิริมงคล อย่างเช่น ของประดับบ้านที่มีความหมายมงคล ต้นไม้มงคล หินนำโชค หรือพระพุทธรูป รูปปั้นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เป็นต้น


เลือกของขวัญแฮนด์เมด

ของแฮนด์เมดหรือของที่ผลิตในท้องถิ่น ถือเป็นงานฝีมือที่เน้นความปราณีต ความสวยงาม แถมของประเภทนี้ผู้หลักผู้ใหญ่หลายคนก็มีความชื่นชอบอยู่แล้ว ยิ่งถ้าเป็นของแฮนด์เมดที่ผลิตในท้องถิ่น ก็มักจะถูกอกถูกใจผู้ใหญ่หลายๆ คนไม่น้อย อย่างเช่น ผ้าทอ เครื่องแต่งกาย ผ้าซิ่น ผ้าพันคอ หรือเครื่องประดับ กระเป๋า ต่างหู เชื่อว่าผู้ใหญ่ที่ได้ของขวัญอันนี้ไป ต้องชอบอกชอบใจแน่นอน

และนี่คือ 4 ไอเดียในการเลือกของขวัญปีใหม่สำหรับผู้ใหญ่ งานนี้ใครที่กำลังลังเลว่าจะเลือกซื้อของขวัญอะไร อย่าลืมเอาไอเดียเหล่านี้ไปใช้ หรือหากใครต้องการช้อปสินค้าอย่างเช่น เครื่องจ่ายเจลแอลกอฮอล์อัตโนมัติ หรือก๊อกน้ำอัตโนมัติ สามารถเข้ามาที่ Lazada Dr.Faucet ได้เลย


38
ทำความเข้าใจ Touchless Business แนวคิดที่จะเปลี่ยนนวัตกรรมยุคสมัยนี้

การแพร่ระบาดของ COVID-19 ยังไม่สิ้นสุดลง ส่งผลกระทบทั้งด้านบวก ด้านลบ หลายสิ่งหลายอย่างที่เราคิดว่าทำไม่ได้ เช่น การทำงานที่บ้าน ขั้นตอนการทำงานหลายขั้นตอนไม่สามารถตัดทอนได้ แต่เมื่อสถานการณ์บังคับ เราต่างปรับตัวอย่างรวดเร็ว เปลี่ยนวิธีการทำงานใหม่ หลายบริษัทสามารถสร้าง Digital Business Process กระบวนการทำงานกระชับขึ้น ใช้คนน้อยลง เกิดนวัตกรรมระบบการทำงานที่ตอบสนอง Touchless Society, work from home, work from anywhere ซึ่งล้วนต้องใช้เทคโนโลยีช่วยในการจัดการ ที่สำคัญบางธุรกิจเติบโตก้าวกระโดด เช่น E-commerce, Omni Channel, packaging เมื่อสามปีก่อนกลุ่มที่ผลิตภาชนะ หีบห่อพลาสติก ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้บริโภค “ปฏิเสธพลาสติก” กลุ่มธุรกิจนี้จึงต้องหันมาทำภาชนะจากระดาษมากขึ้น ในช่วงโควิดความจำเป็นในการใช้พลาสติก หีบห่อกระดาษมากกว่าเท่าตัว ผลิตไม่ทันต่อความต้องการ, food logistics ทุกบ้านมีการสั่งอาหาร online มากขึ้น, smart manufacturing (การใช้ robot, IoT) การลงทุนที่ต้องรีบจัดการในยามที่การผลิตซบเซา เป็นต้น บางธุรกิจแม้ธุรกิจหลักจะมียอดขายน้อยลง แต่มีการผลิตสินค้าใหม่เพิ่ม เช่น จากโรงงานผลิตเสื้อผ้า ก็ผลิตชุด PPE ผลิตหน้ากากผ้า หน้ากากอนามัย 

ทุกการเปลี่ยนแปลงมีเทคโนโลยี เป็นฟันเฟืองที่สำคัญที่สุด ช่วยให้การทำงานต่อเชื่อมกันได้ เชื่อมต่อคน (person) เชื่อมต่อการผลิต (production) เชื่อมต่อการขนส่ง การกระจายสินค้า (logistics) คงไว้ซึ่งผลกำไร (profit) เป็นที่ชัดเจนว่า บริษัท ภัทร โปรเกรส จำกัด ผู้ให้บริการ Dynamics 365 เป็นกำลังสนับสนุนให้คุณได้ประสานทุกหน่วยงานทั้งภายในองค์กร และนอกองค์กรเข้าด้วยกันแบบไร้รอยต่อ เพื่อการขับเคลื่อนธุรกิจท่ามกลางวิกฤต





Dynamics 365 เสริมประสิทธิภาพการทำงานรูปแบบ Touchless Society


Dynamics 365 คือ ระบบการจัดการธุรกิจในระดับมาตรฐานสากล แต่ยังคงความยืดหยุ่นเพื่อตอบโจทย์ลักษณะเฉพาะของธุรกิจ พร้อมทั้งรองรับการปรับเปลี่ยนระบบการทำงาน กลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจในปัจจุบันและอนาคต Dynamics 365 ทำงานอยู่บน Cloud จึงช่วยเพิ่มความปลอดภัย และประสิทธิภาพในการทำงานให้กับการทำงานจากที่ใด เวลาใดก็ได้ ด้วย smart device ระบบ cloud ยังช่วยให้ทุกคนได้ข้อมูลที่เป็นปัจจุบันที่สุด และเป็นข้อมูลเดียวกัน ลดความผิดพลาด ที่สำคัญผู้บริหารสามารถเข้าถึงข้อมูลได้อย่างสะดวก และเห็นภาพรวมการทำงานทั้งหมดแบบ real time อีกทั้งยังล้ำหน้าด้วยระบบอัจฉริยะ Artificial Intelligence ช่วยทำงานอัตโนมัติ การคาดการณ์การตลาด การขาย การผลิตพร้อมคำแนะนำ ส่วนการบริการก็มี Chatbot คอยช่วยตอบคำถาม เก็บคำถามเพื่อการวิเคราะห์เพื่อเพิ่มคุณภาพ และความประทับใจในการให้บริการ ระบบ Dynamics 365 รองรับการทำธุรกิจในระดับประเทศ ระดับโลก สามารถรองรับการขยายธุรกิจของคุณไปยังต่างประเทศ อีกทั้งยังเป็นระบบที่เสริมประสิทธิภาพการทำงานแบบ Touchless Society อีกด้วย อย่างไรก็ตาม แม้ยุคนี้จะเป็นยุคของ การค้าขายออนไลน์ ผู้คนต่างคุ้นเคยกับการสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ เพราะสะดวกและรวดเร็วดั่งใจคิด และ Touchless แต่ ‘ยูพีเอส’ บริษัทระดับโลก ซึ่งประกอบธุรกิจโลจิสติกส์มาเป็นเวลานาน ได้เผยถึงผลสำรวจ ในอีกมุมเกี่ยวกับแนวโน้มการจัดซื้อ ขององค์กรในเอเชียว่าแม้อัตราการสั่งซื้อออนไลน์เติบโต แต่ ‘ความสัมพันธ์ทางธุรกิจที่ดี’ หรือ ความสัมพันธ์ออฟไลน์ ระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย ทั้งการพูดคุยแบบเห็นหน้าและบริการหลังการขาย ยังเป็นปัจจัยสำคัญ ต่อการตัดสินใจสั่งซื้อ ของคู่ค้า ใน ‘การค้ายุคโลกไร้พรมแดน’ ของภูมิภาคนี้มากกว่าภูมิภาคอื่นๆ.



39
ในยุคปัจจุบันบริษัท/องค์กรต่างๆ ต้องปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ที่ Digital เข้ามามีบทบาทในส่วนต่างๆมากยิ่งขึ้น เช่นการจัดเก็บเอกสารจากที่เคยใช้กระดาษเก็บเข้าแฟ้ม และเก็บเข้าห้องเอกสารอีกทีหนึ่ง แต่การจัดเก็บเอกสารด้วยวิธีแบบนี้จำเป็นจะต้องมีพื้นที่ในการจัดเก็บ ยิ่งถ้าเป็นองค์กร/บริษัทขนาดใหญ่ที่มีเอกสารจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นเอกสารฝ่ายบัญชี เอกสารฝ่ายจัดซื้อ และเอกสารจากแผนกอื่นๆ ทำให้บริษัทเสียพื้นที่ในการจัดเก็บเอกสารเหล่านี้ยิ่งขึ้นไปอีก หรือถ้าไม่มีพื้นที่มากพออาจจะต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเช่าโกดังเพื่อจัดเก็บเอกสารเหล่านี้โดยเฉพาะ รวมไปถึงเรื่องการค้นหาเอกสารจะเสียเวลาการทำงาน ถ้าการจัดการเอกสารในองค์กร/บริษัทนั้นๆไม่เป็นระบบมากพอ ยังไม่นับเรื่องการสูญหายของเอกสารด้วย ดังนั้นหลายๆที่จึงจำเป็นต้องมองหาระบบในการจัดเก็บเอกสารให้เป็นระบบ รวมถึงลดค่าใช้จ่ายต่างๆของบริษัท



ทำความความใจระบบ DMS คืออะไรกันแน่?


DMS ย่อมาจาก Document Management System เป็นระบบจัดการเอกสารในรูปแบบไฟล์ Digital สามารถค้นหา เรียกดูไฟล์เอกสารได้อย่างรวดเร็ว ถ้าให้พูดแบบเข้าใจง่าย จะคล้ายกับ Save ไฟล์เอกสารในคอมพิวเตอร์ แต่ระบบ DMS จะมีแหล่งจัดเก็บไฟล์ที่ Scale ใหญ่กว่าคอมพิวเตอร์หลายเท่าตัว เพราะระบบ DMS นี้จะต้องจัดเก็บเอกสารของคนทั้งองค์กร ซึ่งจำนวนไฟล์จะมีมากมายมหาศาลขนาดที่คอมพิวเตอร์ไม่สามารถเก็บไฟล์ได้หมดอย่างแน่นอน



ทำไมองค์กร/บริษัทขนาดใหญ่ถึงจำเป็นต้องใช้ระบบ DMS ?


1. Paperless ลดการใช้กระดาษในองค์กร

แน่นอนว่าถ้าองค์กรมีระบบ DMS เข้ามาช่วยจัดการ จากที่เคยใช้เอกสารที่เป็นกระดาษ จะหันมาใช้เอกสารที่เป็นไฟล์ Digital มากขึ้น ซึ่งจะช่วยในเรื่องของ Paperless และค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ได้

2. ลดกระบวนการทำงานของพนักงานในองค์กร

นอกจากเรื่องจัดเก็บเอกสารเป็นไฟล์ Digital แล้ว ระบบ DMS ยังช่วยในเรื่องของการลดกระบวนการทำงานบ่างอย่างของพนักงานในองค์กรให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ลองนึกถึงภาพองค์กรขนาดที่การอนุมัติเอกสารสักฉบับหนึ่งจะต้องผ่านการเห็นชอบจากบุคคลหลายฝ่าย เอกสารจึงต้องผ่านหลายมือ หลายแผนกจนกว่าจะถึงผู้เห็นชอบคนสุดท้าย ซึ่งแน่นอนว่าหลายๆที่จะต้องเจอปัญหาเอกสารมาถึงฝ่ายล่าช้า หรือบางทีเอกสารหายไปเลยก็มี แต่ด้วย Features ของระบบ DMS มีสิ่งที่เรียกว่า Digital Workflow ทำให้สามารถกำหนดทางเดินของไฟล์เอกสารในระบบได้ว่า ถ้าผ่านการเห็นชอบจะฝ่ายนี้แล้ว เอกสารจะส่งปถึงแผนกไหนต่อ โดยที่สามารถ Track ได้ว่าใครทำอะไรกับเอกสารบ้าง ซึ่งทำให้องค์กรที่ดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น


3. รักษาความปลอดภัยข้อมูลองค์กร

เนื่องจากระบบ DMS มีการจัดเก็บเอกสารอย่างเป็นระบบ จัดเก็บเอกสารแยกเป็นแผนกๆ และยังสามารถตั้งค่าได้ว่า แต่ละบุคคลมีสิทธิ์ในการเข้าถึงไฟล์ขององค์กรได้ลึกขนาดไหน ยกตัวอย่างเช่น ผู้บริหาร กับหัวหน้าแผนกบัญชี แน่นอนว่าผู้บริหารต้องมีสิทธิ์ในการเข้าถึงไฟล์เอกสารของบริษัทได้ทุกฉบับรวมถึงเอกสารในฝ่ายบัญชี จะต่างจากหัวหน้าแผนกบัญชีที่สามารถเข้าถึงไฟล์เอกสารฝ่ายบัญชีได้ แต่ไม่สามารถเข้าถึงไฟล์สำหรับฝ่ายบริหารได้ ทั้งนี้สิทธิ์ในการเข้าถึงไฟล์เอกสารในอาจแตกต่างกันในแต่ละองค์กร ซึ่งสามารถกำหนดได้ตั้งแต่ตอนเริ่มติดตั้งระบบ DMS ได้ตั้งแต่แรก

ถ้าอ่านมาถึงตรงนี้น่าจะเห็นภาพกันมากขึ้นว่าระบบ DMS คืออะไร และจำเป็นต่อองค์กรขนาดไหน นอกจากนี้ระบบ DMS ยังมีความสามารถอื่นๆที่ช่วยแก้ปัญหาเรื่องการจัดการเอกสารในองค์กรให้เป็นระบบมากยิ่งขึ้น ซึ่งอาจจะต้องติดต่อผู้ให้บริการระบบโดยตรงอย่างเช่น Ditto DMS ผู้ให้บริการติดตั้งระบบบริหารจัดการเอกสาร พร้อมทีมผู้เชียวชาญของ Ditto DMS ในการให้คำปรึกษา ออกแบบกระบวนนการทำงานโดยนำ Technology เข้ามาช่วย เพื่อหาทางแก้ไขปัญหาเรื่องเอกสารในแต่ละองค์กรได้อย่างตรงจุดมากที่สุด

หน้า: [1]