(https://www.img.live/images/2020/02/13/crying-red-haired-baby-blue-grey-clothes_74855-4170.md.jpg) (https://www.img.live/image/abuEuR)
โดยปกติแล้วในร่างกายของคนเราจะมีจุลินทรีย์อยู่มากมายหลายสายพันธุ์ โดยจุลินทรีย์ในร่างกายของมนุษย์มีทั้งแบบมีประโยชน์และไม่มีประโยชน์
สำหรับบริเวณลำไส้นั้นจะมีจุลินทรีย์กลุ่มที่ช่วยทำให้ลำไส้แข็งแรง ช่วยเสริมการทำงานของระบบย่อยอาหารอยู่หลายสายพันธุ์ โดยเรียกรวมๆ ว่า “โปรไบโอติกส์” จุลินทรีย์ในกลุ่มนี้ ได้แก่
- แลกโตบาซิลลัส (Lactobacillus) เป็นกลุ่มที่ช่วยบรรเทาอาการท้องเสีย
- แซคคาโรไมซิสเบาลาร์ดดิ (Saccharomyces Boulardii) ช่วยให้ระบบย่อยอาหารของเราสามารถทำงานได้อย่างปกติ และรักษาอาการท้องเสียอีกด้วย
- บิฟิโดแบคทีเรียม (Bifidobacterium) เป็นจุลินทรีย์ที่ช่วยลดอาการแปรปรวนของลำไส้ เป็นต้น
ถ้าร่างกายของเรามีปริมาณจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ยอ่างเพียงพอ ระบบการย่อยอาหารของร่างกายก็จะทำงานได้ตามปกติ แต่ถ้าปริมาณจุลินทรีย์เนี่ยลดลงละก็ระบบย่อยอาหารและลำไส้ก็มักจะทำงานผิดปกติไปด้วย
สำหรับเด็กเล็ก หรือทารก หากอยู่ในภาวะเสียสมดุลของจุลินทรีย์ในลำไส้ก็มักจะมีอาการปวดท้อง แน่นท้อง ท้องอืดทำให้ลูกไม่สบายตัวและเริ่มร้องไห้ อย่างหนัก ร้องไห้รุนแรง และต่อเนื่องยาวนาน พ่อแม่บางคนเครียดและกังวลหนักเมื่อเห็น ลูกร้องไม่หยุด (https://www.thairath.co.th/lifestyle/life/1729148) ที่อาจจะเป็นอาการโคลิค แม้จะเข้าปลอบประโลมเท่าไหร่ลูกก็ไม่มีอาการดีขึ้น จนพ่อแม่อาจตัดสินใจเลือกใช้ยาต่าง ๆ เพื่อบรรเทาอาการให้กับลูกน้อย
ในความเป็นจริงแล้ว ยังมีวิธีช่วยลูกจากโคลิค (https://th.theasianparent.com/โคลิค-อาการลูกร้องไห้ไม่หยุด-วิธีรักษาอาการโคลิคที่ถูกต้อง) อย่างปลอดภัยมากกว่าการใช้ยา นั่นคือการให้โปรไบโอติกส์เพิ่มเติม เพื่อสร้างสมดุลจุลินทรีย์ในลำไส้ ซึ่งจะมีผลให้ลำไส้และระบบย่อยอาหารของลูกทำงานได้ตามปกติ อาการปวดท้อง ท้องอืด แน่นท้อง ก็จะดีขึ้น และอาการร้องไห้ไม่หยุดนี้จะหายไปในที่สุด ปลอดภัยและยังเป็นทางเลือกที่เหมาะสมสำหรับทารกน้อยยังกินนมแม่อยู่ เพราะหากพ่อแม่ร้อนใจกับ อาการโคลิค (https://pantip.com/topic/30636323) ของลูก และตัดสินใจให้ลูกกินนมผงสูตรที่ย่อยง่ายแทนนมแม่เพื่อแก้ อาการโคลิค แล้วอาจจะทำให้ลูกติดรสชาตินมผงและไม่ดื่มนมแม่ที่ถือเป็นสารอาหารที่ดีที่สุดสำหรับเด็กทารก
จุลินทรีย์โปรไบโอติกส์ในลำไส้จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกดีๆ ในการบรรเทาอาการโคลิค อย่างน้อยก็ตลอดช่วง 3 - 4 เดือนที่ลูกน้อยยังมีโอกาสเกิด อาการโคลิค ได้ เมื่อลูกเติบโตขึ้นอาการก็จะค่อย ๆ คลี่คลาย และพ่อแม่มีความสุขกับพัฒนาการหลากหลายของลูกน้อยมากขึ้นอีกด้วย