ThaiFranchiseCenter Webboard

แฟชั่น | Fashion => แว่นตา และนาฬิกา | Glasses & Clock => ข้อความที่เริ่มโดย: ปาริ ที่ กรกฎาคม 14, 2017, 10:42:54 AM

หัวข้อ: ฉีกกฎนาฬิกาดำน้ำสู่มาตรฐานใหม่อันยอดเยี่ยม
เริ่มหัวข้อโดย: ปาริ ที่ กรกฎาคม 14, 2017, 10:42:54 AM
ฉีกกฎนาฬิกาดำน้ำสู่มาตรฐานใหม่อันยอดเยี่ยม
The Ten Most Iconic OMEGA Seamaster Models

หนึ่งในนาฬิกาดำน้ำที่ผู้ชายถวิลหามากที่สุดคือ Seamaster จากแบรนด์ OMEGA ไม่เพียงแต่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว แต่ยังฉีกกฎเกณฑ์เดิมๆ ด้วยนวัตกรรมสำหรับการสำรวจท้องทะเลโดยแท้จริง รวมทั้งมีดีไซน์อันโดดเด่นเหนือคำบรรยาย จึงไม่แปลกใจคนทั้วโลกจะให้การยอมรับจนเกิดเป็นกระแสสะสมนาฬิกา OMEGA ตระกูลนี้กันอย่างครึกโครม ถ้าอย่างนั้นมาทำความรู้จักสุดยอด Seamaster ทั้ง 5 เรือน ไม่แน่ว่า นาฬิกาบนข้อมือคุณอาจติดอยู่ในลิสต์ก็เป็นได้ หากว่าถูกอกถูกใจจะหารุ่นใหม่มาสะสมก็แนะนำที่นี่เลย Omega Emporium (http://emporium.co.th/shoppingDetail/200006/OMEGA)

1. 1948
(http://www.ellementhailand.com/wp-content/uploads/2016/12/Number-1_Seamaster-1948.jpg)

ตั้งแต่การเปิดตัวของ Seamaster ในปี 1948 ก็ได้รับการตอบรับอย่างดีจากทั่วโลกทั้งในแง่ของความเที่ยงตรงและการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์ จุดเริ่มต้นในการผลิตนาฬิกาพร้อมคุณสมบัติกันน้ำเกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งทางแบรนด์ได้ผลิตนาฬิกาให้กับเหล่าทัพของอังกฤษ นาฬิกา Seamaster รุ่นแรกๆ ติดตั้งกลไกจักรกลอัตโนมัติตระกูลคาลิเบอร์ 28.10 (calibre 28.10) โดยมีรูปแบบการวางเข็มวินาทีทั้งแบบเข็มวินาทีขนาดเล็กบนหน้าปัดย่อยและแบบเข็มวินาทีตรงกลางร่วมแกนหลัก นอกจากนี้ยังมีรุ่นย่อยที่ได้รับการรับรองมาตรฐานความเที่ยงตรงระดับโครโนมิเตอร์แยกจัดจำหน่ายด้วยเช่นกัน

2. 1952
(http://www.ellementhailand.com/wp-content/uploads/2016/12/Number-2_Seamaster-Calendar-1952.jpg)

โอเมก้าได้เผยโฉมนาฬิกาที่แสดงวันที่เป็นครั้งแรกกับรุ่น  Seamaster Calendar นาฬิกาที่ขับเคลื่อนด้วยกลไกไขลานอัตโนมัติ คาลิเบอร์ 353 (calibre 353) เพื่อความสวยงามแห่งสมมาตร ตำแหน่งของวันที่จึงถูกออกแบบให้อยู่ที่ตำแหน่ง 6 นาฬิกา เม็ดมะยมถูกออกแบบให้มีคุณสมบัติการกันน้ำด้วยการผนึกด้วยยางโอริง (O-ring) เสริมความแข็งแกร่งของกระจกนาฬิกาด้วยแหวนขอบสตีลและวงขอบเบเซิลที่ออกแบบทำมุมองศาอย่างสวยงาม

3. 1957
(http://www.ellementhailand.com/wp-content/uploads/2016/12/Number-3_Seamaster300-1957.jpg)

ในปี 1957 โอเมก้า ได้ออกแบบ Seamaster 300 มาเพื่อให้เป็นนาฬิกาสำหรับทั้งนักดำน้ำมืออาชีพและมือสมัครเล่น โดยเฉพาะจังหวะการเดินของนาฬิกาที่น่าประทับใจเรือนนี้ถูกกำกับให้เต้นตามด้วยหัวใจจักรกลไขลานอัตโนมัติ คาลิเบอร์ 501 (calibre 501) หน้าปัดสีดำขลับพร้อมเข็มและตำแหน่งบอกเวลาเรืองแสงทำให้ผู้ใช้งานสามารถอ่านเวลาได้อย่างชัดเจน นี่คือนาฬิกาดำน้ำรุ่นแรกของโอเมก้าที่มาพร้อมกับขอบเบเซิลแบบหมุนได้ทิศทางเดียว (Unidirectional rotating bezel) ซึ่งกลายเป็นมาตรฐานของนาฬิกาดำน้ำยุคใหม่ตราบจวบจนปัจจุบัน ตัวเรือนนาฬิกาสามารถทนทานความลึกได้มากกว่า 200 เมตร เกินกว่าขีดจำกัดการวัดใดใดจากอุปกรณ์ทดสอบในยุคสมัยนั้น  นาฬิกา Seamaster 300 จึงมีเปรียบเสมือนตำนาน ของนาฬิกาที่ยังคงได้รับเสียงตอบรับในความไว้วางใจจากเหล่านักดำน้ำมืออาชีพ นาวิกโยธินและทหารหาญจากหลากหลายประเทศว่าสมควรแก่ภารกิจของพวกเขา

4. 1970
(http://www.ellementhailand.com/wp-content/uploads/2016/12/Number-4_The-Ploprof.jpg)

ตัวเลขสถิติการพิชิตความลึกโดยนักดำน้ำนั้นดูเหมือนว่าจะถูกทำลายลงอยู่ตทุกขณะเวลา  สิ่งนี้ได้จุดประกายให้ โอเมก้าพัฒนานาฬิกาพร้อมคุณลักษณะพิเศษที่สามารถรวบรวมความสามารถในการทนทานแรงดันมหาศาลและ การออกแบบชั้นเยี่ยมเข้าไว้ด้วยกัน หลังการเปิดตัวในปี 1970 จากคำยืนยันของเหล่านักดำน้ำในองค์กร COMEX, ฌาคส์-อีฟ กูส์โต  (Jacques-Yves Cousteau) กับลูกทีมบนเรือคาลิปโซ  (Calypso) นาฬิกา “Ploprof“ คือเรือนเวลาที่เหมาะสมยิ่งที่จะใช้เป็นอุปกรณ์คู่ใจของนักดำน้ำมืออาชีพ ด้วยตัวเรือนสแตนเลสสตีลที่ถูกผลิตมาจากโลหะชิ้นเดียวเพื่อความแข็งแกร่ง การออกแบบของ Ploprof นั้นไม่เพียงแต่จะสามารถท้าทายความลึกที่ 600 เมตรได้ในระยะเวลายาวนาน ตัวนาฬิกาเองยังผนึกแน่นเสียจนแม้แต่โมเลกุลของก๊าซฮีเลียมยังไม่อาจแทรกเข้าไปภายในได้ นี่คือนาฬิกาเรือนแรกที่ถูกผลิตให้ป้องกันก๊าซฮีเลียมโดยสมบูรณ์แบบ  (ST 166.07)) และทางแบรนด์ยังได้เปิดตัว Seamaster Ploprof  รุ่นใหม่ไปในงาน Baselworld  ปี 2009 อีกด้วย

5. 1971
(http://www.ellementhailand.com/wp-content/uploads/2016/12/Number-5_Seamaster-1000.jpg)
หลังจากความสำเร็จในการพัฒนา Seamaster 600 “Ploprof” โอเมก้ายังคงเฟ้นหาเรือนเวลาที่ดีที่สุดสำหรับนักดำน้ำ การวิจัยได้มุ่งเน้นไปยังคุณสมบัติในการทนทานความลึกเพื่อตอบความต้องของผู้ใช้งานที่หมายพิชิตขีดจำกัดดำดิ่งลงสู่โลกเบื้องล่างลึกมากขึ้นเรื่อยๆ ในปี 1971 หลังจากหนึ่งปีที่ “Ploprof” ได้ปรากฏโฉม โอเมก้าได้ประกาศชัยชนะเหนือมหาสมุทรอีกครั้งด้วย “Seamaster1000” ตัวเรือนทำจากโลหะสแตนเลสสตีลเพียงชิ้นเดียว เม็ดมะยมแบบขันเกลียวที่ตำแหน่ง 9 นาฬิกา ปกป้องความเสียหายและเผยให้เห็นหน้าปัดผ่านกระจกคริสตัลความหนา 5 มม. การทดสอบในถังอัดแรงดันให้ผลลัพธ์การกันน้ำสูงถึง 1,000 เมตร/3,300 ฟิต การพัฒนาทุกขั้นตอนได้อาศัยความร่วมมือจากเหล่าบรรดานักดำน้ำมืออาชีพอย่างใกล้ชิด เพื่อความปลอดภัยและการอ่านเวลาขณะการดำน้ำ ขอบเบเซิลยังคงถูกออกแบบให้หมุนได้เพียงด้านเดียวเช่นเดิม นาฬิกา Seamaster 1000 คือนาฬิกาที่พาให้โอเมก้าสร้างมาตรฐานใหม่ของโลกแห่งการดำน้ำให้สูงขึ้นยิ่งขึ้น